PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

05112558 บน'ความซวย'นายกฯที่อยากเห็น เปลว สีเงิน


05112558 บน'ความซวย'นายกฯที่อยากเห็น เปลว สีเงิน
อ้าว...."นายกฯ ลุงตู่" มีปัญหาหัวใจซะแล้ว!
เครียด เจ็บคอ ...........
ไม่เคยทำงานหนักขนาดนี้ เป็นทหาร ผบ.ทบ. มา ๓๘ ปี ไม่เคยเหนื่อยเท่านี้ บางวันท้อแท้ ไม่อยากมาทำงาน
รำพึง-รำพัน "ไม่รู้เป็นเวรกรรมหรือไฉนที่ต้องมาเป็นนายกรัฐมนตรี?"
แถมตัดพ้อ.......
แม้แต่เพลง "คืนความสุข" ในท่อนที่ว่า "...ขอเวลาอีกไม่นาน" ก็ยังไม่วายมีคนมาทวงถาม
"เมื่อไหร่จะไปสักที"?
ฟังแล้วผมก็พลอยทุกข์ไปด้วย...!
ก็นี่แหละหนาคนเรา ถ้าใจทุกข์ ต่อให้อยู่บ้านทรายทอง อยู่ตึกไทยคู่ฟ้า ไหนเลยจะสู้ยาจกที่อยู่กระท่อม แต่ใจสุขได้
แต่คิดอีกที ก็ไม่ทุกข์......!
กลับสุขด้วยซ้ำ ที่เห็นนายกฯ ลุงตู่เครียด-ท้อ ด้วยเห็นการเป็นนายกฯ ที่คนทั่วไปบอกว่าเป็นวาสนา ว่า นั่น...เป็นเวร-เป็นกรรม สำหรับท่าน
"กรรม..ที่ต้องมาเป็นนายกฯ"
ความหมายที่ท่านต้องการสื่อถึง คือเป็นเคราะห์กรรมในด้านไม่ดี เป็นความซวย และซวยจริงๆ ที่ต้องมาอยู่ในตำแหน่งนี้ ประมาณนั้น
ซึ่งมันก็ใช่...สำหรับท่าน
และการใช่นี่แหละทำให้ผมดีใจ รวมทั้งประชาชนคนไทย พูดตามตัวเลขโพล ก็กว่า ๘๐% ดีใจกันทั้งนั้น
ที่เห็น "นายกฯ ลุงตู่".....ซวย!
ถ้าลุงตู่บอก ไม่ท้อ ไม่เหนื่อย ปีกว่าที่ได้มาเป็นนายกฯ โชคดี แสนจะสุขสบาย ปลาบปลื้มในวาสนาบารมีซะเหลือเกิน
โชคดีของท่านแบบนี้แหละ จะทำให้ชาวบ้านรวมทั้งผม "พากันซวย" บนความสุขของท่าน!
เพราะอะไรน่ะหรือ......?
ที่ท่านบ่น เครียด ท้อแท้ เจ็บคอ เห็นการเป็นนายกฯ เหมือนตกนรก จนงอแงอยู่ขณะนี้ นั่นเพราะลุงตู่ใช้ตำแหน่งนายกฯ
"ว่ายทวนน้ำ"!
ก็แหงละ....การว่ายทวนน้ำ มันจะสุข มันจะสบาย เหมือนว่ายตามน้ำ ที่แค่ท่องไว้ ๔ คำ "บูรณาการ-ต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ" แล้วผลาญเงินบ้าน-เงินเมือง ลอยดอกไปทั่วหัวเอ็ด-เจ็ดย่านน้ำได้อย่างไร?
ว่ายทวนน้ำ คือ "การปฏิรูป"!
ปฏิรูป คือการแก้ไข เปลี่ยนแปลง จากสิ่งไม่ดี ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม จากที่เป็นอยู่ ให้กลับมาดีขึ้น ให้ถูกต้อง ให้เหมาะสม ให้ยังประโยชน์สูงสุดต่อสังคมชาติบ้านเมือง
การไม่เป็นนายกฯ "ลอยตามน้ำ" นั่นแหละ
จึงเครียด ทุกข์ ท้อแท้......!
เพราะมีฝ่ายเสียประโยชน์ ฝ่ายปกปิดความชั่วช้า-เลวชาติ ฝ่ายติดยึด ไม่ยอมขึ้นจากปลักสู่การเปลี่ยนแปลง คอยคัดค้าน-ต้านต่อ เป็นปฏิปักษ์
จะเปรียบก็คือ ในระบบราชการและการเมืองกลุ่มหนึ่ง เหมือนหนอนในถังอุจจาระ อิ่มหมีพีมันในมูตร-คูถ คือการทุจริต-คอร์รัปชัน
เมื่อนายกฯ ลุงตู่เข้าไปกวาดล้าง บรรดาหนอนมันจะไม่ต่อต้านคนเข้ามาทำลาย "ห่วงโซ่อาหาร" ของมันได้อย่างไร?
พวกมันวางกลไกและใช้อำนาจบริหารสมคบอำนาจรัฐสภา-ข้าราชการ กินบ้าน-โกงเมือง "เป็นหน่อ-แนว" ฝังรากไว้กว่าสิบปี
ลุงตู่เข้าไปล้าง คือเข้าไปปฏิรูป ก็แน่นอน...พวกมันต้องต้าน-ต้องยื้อสุดฤทธิ์-สุดเดช เป็นที่เข้าใจได้
ถ้าลุงตู่ต้องการสบาย เป็นนายกฯ ปีเดียวขยายรูเข็มขัด แถมไม่มีคนคอยทวง "เมื่อไหร่จะไปซักที"
.....ก็ไม่ยาก!
นายกฯ ลุงตู่ใช้ตำแหน่งนายกฯ "ทำชั่วเพื่อชาติ" ตามเขาไป ขยิบหู-ขยิบตา เล่นปาหี่หลอกชาวบ้านไป
เนื้อในพินอบเป็นสมาชิกหนอนหน้าใหม่ ว่ายตามน้ำในถังอุจจาระไป
เป็นนายกฯ อย่างนี้แหละ รับรอง...ไม่เครียด ไม่เหนื่อย ไม่ท้อ ไม่อดหลับ-อดนอน จนเป็นไข้ ไอค้อก ไอแค้ก ไอกระด๊อก-กระแด๊ก จนลูกกระเดือกกระเด้งลงกระได
เผลอๆ แว็บไป...ว.๕ ชั้น ๗ สมองโล่ง!
พูดถึงเรื่องบริหาร เรื่องงานนั้น บริหารไม่ยาก แต่ที่ยากสุด คือการบริหาร "ใจคน"
การตามใจ ไม่ใช่การบริหาร แต่ที่นายกฯ บอก เป็นทหารมา ๓๘ ปี ไม่เคยเหนื่อยเท่าตอนเป็นนายกฯ ปี-สองปี
ตรงนี้แหละ "หัวใจ" บริหารที่ไม่มีในระบบราชการงานเมือง!
หนักงาน แค่เหนื่อยกาย แต่หนักคน มันเหนื่อยใจ เหตุที่ปกครองทหาร ๓๘ ปี หนักแต่ไม่เหนื่อย
นั่นเพราะ ทหารถูกฝึกให้มี "ระเบียบ-วินัย"
การฝึก คือการเจียระไน ระเบียบ-วินัย คือ น้ำงามของเพชรที่เจียระไนแล้ว
มนุษย์ คือสัตว์ชนิดหนึ่ง ที่ต้องฝึก ตั้งแต่แรกเกิด จึงจะอยู่รอด และเปล่งศักยภาพพ้นสัตว์ สู่คำว่า "มนุษย์-ผู้มีใจฝึกแล้วจึงประเสริฐ"
การบริหาร-ปกครองในสังคมทหาร เป็นการบริหาร-ปกครองสัตว์ที่ฝึกให้มีระเบียบ-วินัย ขึ้นสู่ความเป็น "มนุษย์คุณภาพ" ของสังคมชาติระดับหนึ่งแล้ว
ฉะนั้น ๓๘ ปี เหนื่อย-หนักในกองทัพ จึงหนักและเหนื่อยแค่กาย ส่วนใจ ไม่เหนื่อยและหนักจนหน่าย-ท้อ-เครียด เหมือนแค่ ๑๗ เดือนในตำแหน่งนายกฯ
ซึ่ง....ต้องบริหารใจ "คนทั้งประเทศ"
โดยเฉพาะประเทศไทย-คนไทย ที่มีสโลแกน "ทำตามใจ คือไทยแท้" ด้วยภูมิประเทศสมบูรณ์ ทำให้คนไทยอยู่สุขสบาย ไม่เคยมีความเจ็บปวดร่วมกันที่ต้องต่อสู้เพื่อเอาชนะ ต่างคนต่างสาวได้-สาวเอา
ถนนหนทาง-แม่น้ำ-คู-คลอง-ของหลวง ก็ยึดเอาเป็นของตน ชายหาด-ชายทะเล ก็ยึดเอาเป็นของตน
ภูเขา-ป่าไม้ ก็ยึดเอา-ถางเอาเป็นของตน กระทั่งปลาในทะเล ใครอยากจับแบบไหน-อย่างไร ก็เอากันตามใจชอบ
ไม่มีระเบียบ-วินัย ท่องแค่คำว่าประชาธิปไตย แต่ไม่รู้จักคำว่า "สิทธิตน-สิทธิผู้อื่น" และกระทั่งคำว่า....ส่วนรวม!
เมื่อนายกฯ ลุงตู่ "ว่ายทวนน้ำ" เข้ามาด้วยตั้งหวังปฏิรูปสังคมชาติบ้านเมืองซึ่งเน่าเฟะที่สุดแล้ว
ก็เห็นมั้ยล่ะ.........?
จัดระเบียบประมง ระเบียบป่า ระเบียบภูเขา ระเบียบ กทม. ระเบียบหาด ระเบียบแม่น้ำ ระเบียบยึดที่สาธารณะปลูกบ้าน-ปลูกร้านค้า
แตะตรงไหน...เป็นต้านต่อ โวยวาย หาจิตสำนึกกันแบบไม่ได้เลย!
กองทัพ ไร้ระเบียบ-วินัย ก็ไม่ต่างจากกองโจร
สังคมประเทศชาติ ไร้ระเบียบ-วินัย ก็ไม่ต่างจาก บ้านป่า-เมืองเถื่อน!
เพราะ "ตามใจ คือไทยแท้" หมักหมม ไม่ฝึกคนในชาติให้รู้จักระเบียบวินัย ให้รู้จักคำว่าประชาธิปไตย แค่เลือกตั้ง
ไม่สอนให้เข้าใจในความหมาย........
"เราไม่พอใจให้ใครมาทำกับเราอย่างไร การที่เราก็ไม่ไปทำอย่างนั้นกับคนอื่น....นั่นคือประชาธิปไตย"
เหตุนั้น ใครมาเป็น "นายกฯ ว่ายทวนน้ำ" ก็ต้องรากเลือด และร้อง เหนื่อย-เครียด-ท้อ เหมือนนายกฯ ลุงตู่ เป็นธรรมดา!
ที่นายกฯ ออกปากถึงเหตุท้อ-เครียด ดูเหมือนจากปัญหาโครงการรับจำนำข้าวนังตัวดี ที่พวกหน้าลาย-สันหลังหวะออกมาเลาะรั้ว
ประสานเสียงเห่ารายวัน!
หมา ธรรมชาติของมันต้องเห่า นี่ถ้าไม่บอกก็ไม่รู้นะว่า นายกฯ ลุงตู่กลัวหมา?
แต่ทั้งหมด ผมก็เข้าใจท่านนายกฯ ปากก็บ่นไปงั้นแหละ เรื่องท้อ เรื่องเครียด กระทั่งที่ว่าจะปิดประเทศ
มันเป็นแค่สร้อยอารมณ์ และสร้อยประโยคในการพูดจาเท่านั้น ไม่ได้จริงจังอะไรตามพูด
ทีนี้ คนมันจ้องหาเหตุจับผิด-จับถูกอยู่แล้ว รู้ทั้งรู้ในเจตนา แต่กูจะทำบื้อโดยสุจริตเล่นมึง
สร้อยประโยค "จะปิดประเทศ" จึงถูกขยายเป็นจริง-เป็นจังใหญ่โต ทั้งที่มันไม่มีอะไร แค่พูด-แค่ฟังเอามัน-เอาฮากันไปชั่วมื้อ-ชั่วคราวเท่านั้น
แต่มีอยู่ ๒ เรื่อง ๒ ประเด็นที่พูดเมื่อวาน (๔ พ.ย.๕๘) ไม่ใช่สร้อย แต่เป็นสาระ คือที่นายกฯ บอก
"จะต้องเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐ ซึ่งผมไม่คิดที่จะอยู่เกินแม้แต่วันเดียว"
และประเด็นท้อแท้.....
"แต่เมื่อเข้ามาแล้วก็ต้องทำ เพราะเป็นชายชาติทหาร ขอให้เห็นใจผมบ้างเพราะมีเวลาจำกัด เข้ามาแบบนี้ก็อันตราย ครอบครัวก็อันตราย ซึ่งก็ไม่เป็นไร เพราะเสียสละอยู่แล้ว"
ก็อยากบอกท่านนายกฯ ว่า เจ้าชายสิทธัตถะ เสียสละทุกอย่างแล้ว ยังต้องใช้เวลาเคี่ยวกรำถึง ๖ ปีจึงจะบรรลุเป็นพระพุทธเจ้า และก่อนจะบรรลุ ยังต้องผจญมารดังปรากฏในบทสวดพาหุง
แล้วนี่....๑๘ เดือนเอง ท้อแท้ได้อย่างไร ในเมื่อ "ปฏิรูป" ยังไม่ตั้งไข่เลย.

ไม่มีความคิดเห็น: