PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

บิ๊กป้อม โวยสื่อ ยังไม่มีทหาร คนไหน โดนหมายจับ-หมายเรียก โยงคดี112 ขออย่าตื่นเต้น




http://www.matichon.co.th/online/2015/11/14466945591446694575l.jpg

5 พ.ย. - พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะกรรมการบูรณาการแก้ไขปัญหาอิทธิพลท้องถิ่น ถึงกรณีกระเเสข่าวมีนายทหารกว่า 50 คนเกี่ยวข้องคดี ม.112 ว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่มีการรายงานเรื่องดังกล่าวมาที่ตน หากจะต้องรายงานตนทราบก่อน ขอสื่ออย่าเพิ่งตื่นเต้น โวยลั่น ยังไม่มีทหารคนไหน โดนหมายจับ-หมายเรียก โยงคดี ม.112  สื่อเสนอข่าวโยง 50 ทหาร ไม่มีทหารเกี่ยว ก็จะให้มี เผยคุย"ศรีวราห์" แล้ว ยันไม่มี แล้วเขาจะฟ้องสื่อเสนอข่าวมั่ว

ส่วนที่อาจมีเชิญทหารบางคนไปสอบถาม นั้น พล.อ.ประวิตร บอก ไม่ตนไม่รู้ อาจมีการประสานโดยตรง ไปที่ตัวทหารคนไหน เพื่อขอข้อมูล เป็นการส่วนตัวนั้น ตนไม่ทราบ

แต่ถ้ามีทหารเกี่ยว ผมต้องรู้ ผบ.ตร. ต้องรายงานผมก่อน นี่ผบ.ตร.ไม่เห็นรายงานผมสักคำ แต่ถ้าทหารคนไหนเกี่ยวข้อง เราก็ไม่ปกป้องอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ ยังไม่มีทหารคนไหน ไปเกี่ยวข้อง ใครเกี่ยวก็เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับกองทัพ บ่นสื่อไม่มีก็จะให้มี เตือนสื่อเสนอข่าวระวัง

ทั้งนี้กรณีที่มีภาพนายทหารยศพันเอกที่เกี่ยวข้อง ม.112 เดินทางออกนอกประเทศเพื่อนบ้าน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นเรื่องของตัวบุคคล ก็แล้วแต่บุคคล เพราะเขาอาจมีเรื่องที่ต้องเดินทางออกไป อีกทั้งกรณีที่มีนายทหารถูกพาดพิงถือเป็นเรื่องส่วนตัว ยืนยันว่ากองทัพจะไม่มีการปกป้อง ผิดว่าไปตามผิด โดยขณะนี้ยังไม่มีการออกหมายจับทหาร

นอกจากนี้กรณีที่ผบ.ทบ.ปฏิเสธที่จะให้ข่าวคดี ม.112 จนทำให้สังคมเคลือบแคลงสงสัยนั้น พล.อ.ประวิตร ระบุ ไม่มี เพราะตนก็ออกมาให้ข่าวอยู่แล้ว ยืนยันว่าไม่มีหมายจับเพราะตนดูแลทั้งตำรวจและทหาร และปฏิเสธอีกว่าขณะนี้ยังไม่ได้เชิญตัวทหารไปสอบสวน แต่อาจจะมีการสืบสวนรายบุคคล ที่ทางเจ้าหน้าที่มีการประสานงานกันโดยตรง อีกทั้งคดีดังกล่าวไม่ได้ทำให้กองทัพหวั่นไหว เพราะเป็นเรื่องของตัวบุคคล ที่อาจมีการรู้จักกับกลุ่มที่เกี่ยวข้องในคดีเป็นการส่วนตัว อีกทั้งเพราะตัวเลขที่ออกมา 50 คนนั้นไม่เป็นเรื่องจริง จึงไม่กระทบกับภาพลักษณ์ของกองทัพ

สำหรับการประชุมคณะกรรมการบูรณาการแก้ไขปัญหาอิทธิพลท้องถิ่นนั้นพล.อ.ประวิตรระบุจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ต้องทำร่วมกัน ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย คสช. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ การดำเนินการในครั้งนี้ไม่ใช่การตรวจค้นหรือจับกุม แต่ต้องการลงพื้นที่ในด้านการข่าวในทุกพื้นที่ จึงจะเริ่มดำเนินการได้ ยืนยันไม่มีแบล็กลิสต์รายชื่อของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ต่างๆ การปราบผู้มีอิทธิพลในครั้งนี้เพื่อให้ประชาชนปลอดภัย ทำมาหากินได้อย่างเรียบร้อย

กรณีพรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์คัดค้านการใช้มาตรา 44 ในการดำเนินการคุ้มครองเจ้าหน้าที่ในคดีรับจำนำข้าว พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ความจริงแล้วรัฐบาลไม่ต้องออกคำสั่งมาตรา 44 ก็ได้ แต่ที่ออกมาก็เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานมีความอุ่นใจ ปลอดภัย มีกำลังใจในการทำงาน ซึ่งความจริงแล้วการตรวจสอบคดีจำนำข้าว มีกฎหมายที่คุ้มครองอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตามกล่าวถึงกลุ่มพลเมืองโต้กลับที่ขึ้นศาลทหาร กรุงเทพ วันนี้ ว่า ขอให้ทุกคนเข้าใจรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลชั่วคราว ไม่ใช่รัฐบาลถาวร ซึ่งตั้งใจแก้ปัญหาให้กับประชาชนโดยตรง

"ผมก็เหนื่อยนะ ไม่ใช่ไม่เหนื่อย เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ทำงานมา 40-50 ปี ไม่เคยเหนื่อยอย่างนี้ สมัยเป็นทหารไปทุกพื้นที่ รบราฆ่าฟันมาเยอะเเยะ ก็ไม่เหนื่อย แต่นี่เหนื่อยเหลือเกิน ผมยืนยันว่าผมเหนื่อย ผมก็ต้องตามนายกฯ ทำไงได้ รับปากช่วยกัน ก็ต้องช่วยๆกันไป พยายามทำให้ดีที่สุดในทุกเรื่อง ทุกอย่างทำไปด้วยความมั่นใจ ไม่มีเรื่องเคลือบแฝงหรือนัยยะ ผมทำ ตอบได้ทุกเรื่อง ไม่ได้ไปซ่อนไปทับอะไรไว้"

ส่วนกรณีที่มีพระสงฆ์โพสต์เฟซบุ๊กถึงเหตุการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่าหากมีการฆ่าพระสงฆ์ 1 รูป ก็ให้เผามัสยิด 1 แห่ง นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่สามารถทำได้ ต้องทำความเข้าใจกับพระที่โพสต์ ตนยังไม่เห็นข้อความดังกล่าว เพราะไม่ได้ติดตามข่าวในโซเชียลทุกวัน บางครั้งก็เป็นเรื่องจริงและไม่จริง ใครคิดอย่างไรก็เขียนลงไป เป็นเรื่องของตัวบุคคล

ไม่มีความคิดเห็น: