PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

พล.ต. ยื่นบิ๊กหมู รอไฟเขียว ขอลาออก ร้องพม่าจับ-ส่งกลับ"พ.อ." แฉอายัดเงิน20ล.



ชี้′พล.ต.′คนดังยื่นหนังสือลาออกแล้ว อ้างประกอบธุรกิจส่วนตัว แฉอายัดเงิน 20 ล. หลังพบ′พ.อ.′โอนให้นักธุรกิจสาวอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่ ไว้ตรวจสอบที่มาที่ไป คาดเป็นของ′บิ๊กทหาร′ ประสานพม่าส่งตัวพันเอกกลับไทย
http://www.matichon.co.th/online/2015/11/14466924081446692582l.jpg
เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ประวุฒิ ถาวรศิริ ที่ปรึกษา (สบ 10) ด้านสืบสวนทางเทคโนโลยีและนิติวิทยาศาสตร์ได้ยื่นหนังสือขอลาออกจากราชการผ่านกองทะเบียนพล สำนักงานกำลังพล ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้ลงนามอนุมัติให้ พล.ต.อ.ประวุฒิลาออกจากราชการ พร้อมส่งเรื่องกลับไปให้กองทะเบียนพลดำเนินการทางธุรการ ก่อนส่งเรื่องไปยังสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี นำความกราบบังคมทูลฯ เพื่อทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจาก พล.ต.อ.ประวุฒิเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ส่วนเรื่องเหตุผลที่ขอลาออกจากราชการนั้นจำไม่ได้ เป็นรายละเอียดในเอกสาร

"การลาออกจากราชการเป็นเรื่องส่วนบุคคล ผมมีอำนาจยับยั้งได้ภายใน 30 วัน ถ้าเห็นว่ามีประโยชน์กับทางราชการ อย่างกรณีนี้เจ้าตัวตั้งใจจะลาออก จะเออร์ลี่รีไทร์อยู่แล้ว ก็คงต้องว่าไปตามนั้น ต้องขอโทษสื่อมวลชนด้วย ผมก็เพิ่งทราบเรื่อง ยอมรับว่าขั้นตอนต้องผ่านผม แต่วันหนึ่งต้องเซ็นเอกสารประมาณ 30 แฟ้ม ทำให้จำไม่ได้ อย่างไรก็ตามยืนยันว่า พล.ต.อ.ประวุฒิออกแน่นอน ผมเซ็นไปแล้ว" พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าว และว่า การลาออกของ พล.ต.อ.ประวุฒิ ซึ่งรับผิดชอบงานด้านกิจการพิเศษ และเป็นหัวหน้างานจราจร จะไม่กระทบต่องานที่รับผิดชอบโดยเฉพาะงานปั่นเพื่อพ่อ หรือ BIKE FOR DAD เพราะยังมีรองหัวหน้างานที่เคยทำงานและเคยรับผิดชอบงานปั่นเพื่อแม่มาก่อน ทั้งนี้มอบหมายให้ พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ที่ปรึกษา (สบ 10) รับผิดชอบแทน

เมื่อถามว่าการลาออกของ พล.ต.อ.ประวุฒิในช่วงที่มีกระแสข่าวเกี่ยวกับคดีหมิ่นสถาบันฯ มีนัยยะอะไรหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า "ให้ถามท่านเอง ผมไม่ใช่ตัวท่าน" เมื่อถามว่าการลาออกเป็นเหตุผลส่วนตัวไม่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบันฯใช่หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า "ไม่น่าจะเกี่ยวข้อง เพราะท่านอยากจะเออร์ลี่รีไทร์อยู่แล้ว"

ขณะที่ พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกระแสข่าวนายทหารยศ พ.อ.ที่เกี่ยวข้องกับคดีหมิ่นสถาบันฯ หลบหนีออกนอกประเทศว่า ตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีนายทหารยศ พ.อ.และ พล.ต. ร่วมเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดคดีหมิ่นสถาบันฯ ตามที่มีกระแสข่าวด้วยหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่าเดินทางไปที่ไหนอย่างไร อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน ขณะเดียวกันยังไม่ยืนยันกรณีโอนเงิน 20 ล้านบาทจาก พ.อ.คนดังกล่าวไปให้ผู้หญิงคนหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ จริงหรือไม่

เมื่อถามว่า มีการระบุมีทหารกว่า 50 นายมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีหมิ่นสถาบันฯ พล.ต.ต.ปิยะพันธ์กล่าวว่า อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน ต้องมีการวิเคราะห์กันว่าคดีไปถึงไหน ว่ากันไปตามพยานหลักฐานและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตามยังไม่มีการเชิญนายทหารที่ถูกพาดพิงมาสอบปากคำแต่อย่างใด รวมทั้งไม่มีการประสานกองทัพในเรื่องนี้

เมื่อถามว่า นายทหารกว่า 50 นายที่ถูกพาดพิงมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีอย่างไร รองโฆษก ตร.กล่าวว่า ตรงนี้เป็นข้อมูลการสืบสวนสอบสวน ไม่สามารถเปิดเผยได้ หากเสนอศาลออกหมายจับ สื่อมวลชนจะทราบเองว่าผู้ต้องหามีพฤติการณ์อย่างไร เพราะจะมีประกาศสืบจับ เพราะข้อมูลทุกอย่างเปิดเผยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามคาดว่าคณะพนักงานสอบสวนจะสรุปสำนวนคดีได้ภายในสัปดาห์นี้ โดยเหลือเพียงการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์อีกเพียงบางส่วนเท่านั้น

เวลา 13.30 น. วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีกลุ่มเจ้าหน้าที่ระดับผู้บริหารจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เข้าให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดีแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงเรียกรับผลประโยชน์ กรณี พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา ผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูงที่ผูกคอเสียชีวิตในเรือนจำชั่วคราวก่อนหน้านี้ ลักลอบนำเสาสัญญาณและอุปกรณ์ระบบวิทยุดีทีอาร์เอสจากย่านบางชันไปติดตั้งบนอาคารใบหยกทาวเวอร์ 2 เพื่อกระทำการบางอย่างโดยไม่ได้รับอนุญาต อีกทั้งในวันตรวจค้นที่พักของ พ.ต.ต.ปรากรม พบวิทยุสื่อสาร (Mobile Phone) พร้อมเสาวิทยุ 5 ต้น อยู่ในห้องพักดังกล่าว เมื่อตรวจสอบพบว่ามีการผูกโยงสัญญาณไปที่อาคารสูง เชื่อว่าเป็นพฤติกรรมในการลักลอบใช้วิทยุสื่อสารหรือการดักฟัง นอกจากนี้ยังพบวิทยุสื่อสารแบบพกพากว่า 200 เครื่องอยู่ภายในห้อง โดยพบว่า พ.ต.ต.ปรากรมเป็นผู้ขอเบิกวิทยุสื่อสารจำนวนดังกล่าวออกไปจากกองตำรวจสื่อสาร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยอ้างว่าจะนำมาใช้ในงานราชการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ กสทช.เข้าให้ข้อมูลผ่านไปประมาณ 30 นาที ตำรวจสื่อสารพร้อมทีมสอบสวนได้เดินทางไปตรวจสอบเสาสัญญาณดังกล่าวที่ตึกใบหยก 2 เขตพญาไท กทม. เพื่อตรวจสอบสถานที่ดังกล่าวว่ามีการติดตั้งเสาสัญญาณและเป็นไปตามข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ กสทช. แจ้งกับทางพนักงานสอบสวนจริงหรือไม่และตรวจสอบว่าเข้าข่ายความผิดใดบ้าง เพื่อพิจารณาแจ้งความดำเนินคดีต่อไป

จากนั้นเวลา 14.30 น. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท. รอง ผบ.ตร. ได้กลับเข้ามาภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีกลุ่มผู้สื่อข่าวรอดักสัมภาษณ์เกี่ยวกับความคืบหน้าคดีแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงหลังจาก พล.ต.ท.ศรีวราห์ออกมาระบุข้อมูลว่า จากการสอบปากคำพยานมีการซัดทอดไปถึงนายทหารระดับสูงยศ พล.ต.และ พ.อ. กว่า 50 นาย และการเดินทางไปตรวจสอบการติดตั้งเสาสัญญาณของตำรวจและเจ้าหน้าที่ กสทช. โดย พล.ต.ท.ศรีวราห์มีสีหน้าเคร่งเครียดพร้อมกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ไม่ให้สัมภาษณ์แล้ว ขนาดเมื่อวานนี้ยังโยงกันมั่วไปหมด ก่อนจะเดินขึ้นห้องทำงานชั้น 7 อาคาร 1 ตร. ทันที

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับผู้หญิงคนที่ได้รับเงินโอน 20 ล้านบาทจาก พ.อ.นั้นเป็นนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ จ.เชียงใหม่ อายุ 40 ปีเศษ รวยระดับเศรษฐินี โดยชุดสืบสวนได้เชิญมาสอบสวนถึงที่มาที่ไปของเงิน รวมถึงวัตถุประสงค์ในการโอนเงินจำนวนดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว โดยนักธุรกิจหญิงระบุว่า พ.อ.โอนเงินมาให้ในช่วงวันที่ 30-31 ตุลาคมที่ผ่านมา แต่ไม่รู้จักกับ พ.อ.คนดังกล่าว ตำรวจคาดว่าน่าจะเป็นเงินของนายทหารที่ยศสูงกว่า พ.อ.และ พล.ต. โอนให้เพื่อลงทุนทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ร่วมกัน อย่างไรก็ตามตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบที่มาของเงิน 20 ล้านบาทว่าได้มาถูกกฎหมายหรือไม่ โดยได้อายัดเงินจำนวนดังกล่าวเอาไว้แล้ว ขณะนี้เงินจำนวนดังกล่าวยังค้างอยู่ในบัญชีของนักธุรกิจหญิงคนดังกล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน พล.ต.คนดังกล่าวที่ถูกพาดพิงได้ยื่นหนังสือลาออกจากราชการไปยัง พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เพื่อขออนุมัติการลาออกต่อไป โดยให้เหตุผลว่าออกไปประกอบธุรกิจส่วนตัว

ที่สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังเป็นประธานในงานกิจกรรมเปิดตัวมูลนิธิต่อต้านการทุจริต ถึงกรณีที่มีข่าวว่ามีนายทหารยศ พล.ต.และ พ.อ. ประมาณ 40-50 นาย เกี่ยวข้องกับความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า "กำลังดำเนินการสอบสวนอยู่ ไปถาม พล.อ.ธีรชัย ถ้าผิดก็สอบไป"

แหล่งข่าวนายทหารกองทัพบกเปิดเผยว่า ขณะนี้ยังเป็นเพียงข้อกล่าวหาพาดพิง ในส่วนของระบบทหารการพาดพิงยังไม่ถือว่าเป็นความผิด นอกจากจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาให้กับเจ้าตัวทราบ โดยเฉพาะตำแหน่งที่ผู้ถูกพาดพิงอยู่ในตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิขึ้นตรงกับสำนักงานเลขานุการกองทัพบก จะต้องมีเอกสารมายืนยันว่ากระทำความผิดในเรื่องใด หรือจนกว่าเจ้าพนักงานจะนำหมายจับหรือหมายศาลมาแจ้งข้อกล่าวหาถึงจะเข้าสู่กระบวนการสอบสวนของกองทัพ หากแจ้งมาแล้วทางกองทัพบกก็ยินดีให้ความร่วมมือในกระบวนการสืบสวน

แหล่งข่าวฝ่ายความมั่นคง จ.ตาก เปิดเผยว่า ฝ่ายทหารได้ประสานทางการพม่า ขอให้ส่งตัว พ.อ.คนดังกล่าวให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย เนื่องจากออกนอกประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นพฤติกรรมหนีราชการทหาร ส่วนจะเกี่ยวข้องกับคดีเครือข่ายนายสุริยันหรือไม่คงต้องตรวจสอบต่อไป ล่าสุดทางการพม่ายังไม่ตอบมา คาดว่านายทหารคนดังกล่าวไปอยู่กับชนกลุ่มน้อยกลุ่มหนึ่ง ซึ่งในพื้นที่จังหวัดเมียวดีมีกองกำลังชนกลุ่มน้อย 4 กลุ่มคือ ฝ่ายกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (เคเอ็นยู) ฝ่ายกะเหรี่ยงสันติภาพ ฝ่ายกะเหรี่ยงดีเคบีเอ และกะเหรี่ยงฝ่ายบีจีเอฟ

ไม่มีความคิดเห็น: