ชี้′พล.ต.′คนดังยื่นหนังสือลาออกแล้ว อ้างประกอบธุรกิจส่วนตัว แฉอายัดเงิน 20 ล. หลังพบ′พ.อ.′โอนให้นักธุรกิจสาวอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่ ไว้ตรวจสอบที่มาที่ไป คาดเป็นของ′บิ๊กทหาร′ ประสานพม่าส่งตัวพันเอกกลับไทย
"การลาออกจากราชการเป็นเรื่องส่วนบุคคล ผมมีอำนาจยับยั้งได้ภายใน 30 วัน ถ้าเห็นว่ามีประโยชน์กับทางราชการ อย่างกรณีนี้เจ้าตัวตั้งใจจะลาออก จะเออร์ลี่รีไทร์อยู่แล้ว ก็คงต้องว่าไปตามนั้น ต้องขอโทษสื่อมวลชนด้วย ผมก็เพิ่งทราบเรื่อง ยอมรับว่าขั้นตอนต้องผ่านผม แต่วันหนึ่งต้องเซ็นเอกสารประมาณ 30 แฟ้ม ทำให้จำไม่ได้ อย่างไรก็ตามยืนยันว่า พล.ต.อ.ประวุฒิออกแน่นอน ผมเซ็นไปแล้ว" พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าว และว่า การลาออกของ พล.ต.อ.ประวุฒิ ซึ่งรับผิดชอบงานด้านกิจการพิเศษ และเป็นหัวหน้างานจราจร จะไม่กระทบต่องานที่รับผิดชอบโดยเฉพาะงานปั่นเพื่อพ่อ หรือ BIKE FOR DAD เพราะยังมีรองหัวหน้างานที่เคยทำงานและเคยรับผิดชอบงานปั่นเพื่อแม่มาก่อน ทั้งนี้มอบหมายให้ พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ที่ปรึกษา (สบ 10) รับผิดชอบแทน
เมื่อถามว่าการลาออกของ พล.ต.อ.ประวุฒิในช่วงที่มีกระแสข่าวเกี่ยวกับคดีหมิ่นสถาบันฯ มีนัยยะอะไรหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า "ให้ถามท่านเอง ผมไม่ใช่ตัวท่าน" เมื่อถามว่าการลาออกเป็นเหตุผลส่วนตัวไม่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบันฯใช่หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า "ไม่น่าจะเกี่ยวข้อง เพราะท่านอยากจะเออร์ลี่รีไทร์อยู่แล้ว"
ขณะที่ พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกระแสข่าวนายทหารยศ พ.อ.ที่เกี่ยวข้องกับคดีหมิ่นสถาบันฯ หลบหนีออกนอกประเทศว่า ตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีนายทหารยศ พ.อ.และ พล.ต. ร่วมเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดคดีหมิ่นสถาบันฯ ตามที่มีกระแสข่าวด้วยหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่าเดินทางไปที่ไหนอย่างไร อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน ขณะเดียวกันยังไม่ยืนยันกรณีโอนเงิน 20 ล้านบาทจาก พ.อ.คนดังกล่าวไปให้ผู้หญิงคนหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ จริงหรือไม่
เมื่อถามว่า มีการระบุมีทหารกว่า 50 นายมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีหมิ่นสถาบันฯ พล.ต.ต.ปิยะพันธ์กล่าวว่า อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน ต้องมีการวิเคราะห์กันว่าคดีไปถึงไหน ว่ากันไปตามพยานหลักฐานและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตามยังไม่มีการเชิญนายทหารที่ถูกพาดพิงมาสอบปากคำแต่อย่างใด รวมทั้งไม่มีการประสานกองทัพในเรื่องนี้
เมื่อถามว่า นายทหารกว่า 50 นายที่ถูกพาดพิงมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีอย่างไร รองโฆษก ตร.กล่าวว่า ตรงนี้เป็นข้อมูลการสืบสวนสอบสวน ไม่สามารถเปิดเผยได้ หากเสนอศาลออกหมายจับ สื่อมวลชนจะทราบเองว่าผู้ต้องหามีพฤติการณ์อย่างไร เพราะจะมีประกาศสืบจับ เพราะข้อมูลทุกอย่างเปิดเผยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามคาดว่าคณะพนักงานสอบสวนจะสรุปสำนวนคดีได้ภายในสัปดาห์นี้ โดยเหลือเพียงการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์อีกเพียงบางส่วนเท่านั้น
เวลา 13.30 น. วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีกลุ่มเจ้าหน้าที่ระดับผู้บริหารจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เข้าให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดีแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงเรียกรับผลประโยชน์ กรณี พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา ผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูงที่ผูกคอเสียชีวิตในเรือนจำชั่วคราวก่อนหน้านี้ ลักลอบนำเสาสัญญาณและอุปกรณ์ระบบวิทยุดีทีอาร์เอสจากย่านบางชันไปติดตั้งบนอาคารใบหยกทาวเวอร์ 2 เพื่อกระทำการบางอย่างโดยไม่ได้รับอนุญาต อีกทั้งในวันตรวจค้นที่พักของ พ.ต.ต.ปรากรม พบวิทยุสื่อสาร (Mobile Phone) พร้อมเสาวิทยุ 5 ต้น อยู่ในห้องพักดังกล่าว เมื่อตรวจสอบพบว่ามีการผูกโยงสัญญาณไปที่อาคารสูง เชื่อว่าเป็นพฤติกรรมในการลักลอบใช้วิทยุสื่อสารหรือการดักฟัง นอกจากนี้ยังพบวิทยุสื่อสารแบบพกพากว่า 200 เครื่องอยู่ภายในห้อง โดยพบว่า พ.ต.ต.ปรากรมเป็นผู้ขอเบิกวิทยุสื่อสารจำนวนดังกล่าวออกไปจากกองตำรวจสื่อสาร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยอ้างว่าจะนำมาใช้ในงานราชการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ กสทช.เข้าให้ข้อมูลผ่านไปประมาณ 30 นาที ตำรวจสื่อสารพร้อมทีมสอบสวนได้เดินทางไปตรวจสอบเสาสัญญาณดังกล่าวที่ตึกใบหยก 2 เขตพญาไท กทม. เพื่อตรวจสอบสถานที่ดังกล่าวว่ามีการติดตั้งเสาสัญญาณและเป็นไปตามข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ กสทช. แจ้งกับทางพนักงานสอบสวนจริงหรือไม่และตรวจสอบว่าเข้าข่ายความผิดใดบ้าง เพื่อพิจารณาแจ้งความดำเนินคดีต่อไป
จากนั้นเวลา 14.30 น. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท. รอง ผบ.ตร. ได้กลับเข้ามาภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีกลุ่มผู้สื่อข่าวรอดักสัมภาษณ์เกี่ยวกับความคืบหน้าคดีแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงหลังจาก พล.ต.ท.ศรีวราห์ออกมาระบุข้อมูลว่า จากการสอบปากคำพยานมีการซัดทอดไปถึงนายทหารระดับสูงยศ พล.ต.และ พ.อ. กว่า 50 นาย และการเดินทางไปตรวจสอบการติดตั้งเสาสัญญาณของตำรวจและเจ้าหน้าที่ กสทช. โดย พล.ต.ท.ศรีวราห์มีสีหน้าเคร่งเครียดพร้อมกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ไม่ให้สัมภาษณ์แล้ว ขนาดเมื่อวานนี้ยังโยงกันมั่วไปหมด ก่อนจะเดินขึ้นห้องทำงานชั้น 7 อาคาร 1 ตร. ทันที
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับผู้หญิงคนที่ได้รับเงินโอน 20 ล้านบาทจาก พ.อ.นั้นเป็นนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ จ.เชียงใหม่ อายุ 40 ปีเศษ รวยระดับเศรษฐินี โดยชุดสืบสวนได้เชิญมาสอบสวนถึงที่มาที่ไปของเงิน รวมถึงวัตถุประสงค์ในการโอนเงินจำนวนดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว โดยนักธุรกิจหญิงระบุว่า พ.อ.โอนเงินมาให้ในช่วงวันที่ 30-31 ตุลาคมที่ผ่านมา แต่ไม่รู้จักกับ พ.อ.คนดังกล่าว ตำรวจคาดว่าน่าจะเป็นเงินของนายทหารที่ยศสูงกว่า พ.อ.และ พล.ต. โอนให้เพื่อลงทุนทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ร่วมกัน อย่างไรก็ตามตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบที่มาของเงิน 20 ล้านบาทว่าได้มาถูกกฎหมายหรือไม่ โดยได้อายัดเงินจำนวนดังกล่าวเอาไว้แล้ว ขณะนี้เงินจำนวนดังกล่าวยังค้างอยู่ในบัญชีของนักธุรกิจหญิงคนดังกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน พล.ต.คนดังกล่าวที่ถูกพาดพิงได้ยื่นหนังสือลาออกจากราชการไปยัง พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เพื่อขออนุมัติการลาออกต่อไป โดยให้เหตุผลว่าออกไปประกอบธุรกิจส่วนตัว
ที่สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังเป็นประธานในงานกิจกรรมเปิดตัวมูลนิธิต่อต้านการทุจริต ถึงกรณีที่มีข่าวว่ามีนายทหารยศ พล.ต.และ พ.อ. ประมาณ 40-50 นาย เกี่ยวข้องกับความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า "กำลังดำเนินการสอบสวนอยู่ ไปถาม พล.อ.ธีรชัย ถ้าผิดก็สอบไป"
แหล่งข่าวนายทหารกองทัพบกเปิดเผยว่า ขณะนี้ยังเป็นเพียงข้อกล่าวหาพาดพิง ในส่วนของระบบทหารการพาดพิงยังไม่ถือว่าเป็นความผิด นอกจากจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาให้กับเจ้าตัวทราบ โดยเฉพาะตำแหน่งที่ผู้ถูกพาดพิงอยู่ในตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิขึ้นตรงกับสำนักงานเลขานุการกองทัพบก จะต้องมีเอกสารมายืนยันว่ากระทำความผิดในเรื่องใด หรือจนกว่าเจ้าพนักงานจะนำหมายจับหรือหมายศาลมาแจ้งข้อกล่าวหาถึงจะเข้าสู่กระบวนการสอบสวนของกองทัพ หากแจ้งมาแล้วทางกองทัพบกก็ยินดีให้ความร่วมมือในกระบวนการสืบสวน
แหล่งข่าวฝ่ายความมั่นคง จ.ตาก เปิดเผยว่า ฝ่ายทหารได้ประสานทางการพม่า ขอให้ส่งตัว พ.อ.คนดังกล่าวให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย เนื่องจากออกนอกประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นพฤติกรรมหนีราชการทหาร ส่วนจะเกี่ยวข้องกับคดีเครือข่ายนายสุริยันหรือไม่คงต้องตรวจสอบต่อไป ล่าสุดทางการพม่ายังไม่ตอบมา คาดว่านายทหารคนดังกล่าวไปอยู่กับชนกลุ่มน้อยกลุ่มหนึ่ง ซึ่งในพื้นที่จังหวัดเมียวดีมีกองกำลังชนกลุ่มน้อย 4 กลุ่มคือ ฝ่ายกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (เคเอ็นยู) ฝ่ายกะเหรี่ยงสันติภาพ ฝ่ายกะเหรี่ยงดีเคบีเอ และกะเหรี่ยงฝ่ายบีจีเอฟ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น