PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

DSIฟันสมเด็จช่วงหลวงพี่น้ำฝนผิดเลี่ยงภาษีนำเข้ารถจดประกอบ

22 ก.ค. 59 เมื่อเวลา 11.00 น. พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอส) พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผู้บัญชาการสำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค นายนิธิต ภูริคุปต์ ผู้บัญชาการสำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้บัญชาการสำนักคดีภาษีอากร และนายมเหสักข์ พันธ์สง่า พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ ร่วมแถลงข่าวกรณีการสืบสวนสอบสวนการครอบครองรถยนต์ประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนอุปกรณ์รถเก่า (รถจดประกอบ) ของพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ประกอบด้วย 1.กรณีรถยนต์โบราณ ยี่ห้อ PANTHER ของพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม และ 2 กรณีรถยนต์โบราณ ยี่ห้อ  Mercedes-Benz รุ่น 300 บี ของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช กรรมการมหาเถรสมาคมและเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ว่า กรณีแรกรถของของหลวงพี่น้ำฝน จากการสืบสวนสอบสวนพยานหลักฐานพบว่ามีการนำเข้าผิดกฎหมาย มีความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากร ตาม พ.ร.บ.ศุลการกร
ส่วนคันที่ 2 ของสมเด็จช่วง ซึ่งในกระบวนการนำเข้าต่างๆ ทางดีเอสไอได้แถลงข่าวไปก่อนหน้านี้แล้วว่า และได้มีการแจ้งข้อหาในคดีนี้ไปแล้ว 3 ราย ออกหมายจับ 1 ราย และวันนี้ในส่วนของผู้ครอบครองและผู้เกี่ยวข้อง ตามพยานหลักฐานทั้งหมด มีความผิดฐานร่วมกันมีไว้ครอบครองซึ่งสินค้าโดยรู้ว่าเป็นสินค้าที่ไม่ได้เสียภาษีหรือเลี่ยงหลีกภาษีไม่ครบถ้วน ตาม พ.ร.บ.สรรพสามิต สืบเนื่องจากพยานหลักฐานชัดเจนว่ารถคันนี้มีการซื้อขายในราคา 4 ล้านบาท แต่ตอนยื่นภาษียื่นแค่ 570,000 บาท อีกส่วนหนึ่งคือมีความผิดฐานร่วมกันแจ้งข้อความเป็นอันเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนได้รับความเสียหาย และร่วมกันแจ้งความอันเป็นเท็จต่อเจ้าหน้าที่ซึ่งมีหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จในเอกสารมหาชนหรือในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นพยานหลักฐาน สืบเนื่องจากว่าการเสียภาษีที่ขนส่งรถราคา 4 ล้านบาท แต่ไปแจ้งเสียภาษี 1 ล้านบาท จึงชัดเจนว่าผู้ครอบครองและผู้เกี่ยวข้องมีความผิดด้วย ทางดีเอสไอขอยืนยันว่าการสอบสวนในคดีนี้และคดีอื่นใช้มาตรฐานเดียวกัน

ไม่มีความคิดเห็น: