PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

คอร์รัปชันถึงขั้นวิกฤติ

ภาพข่าวสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ เจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เป็นประธานนำพระเถระจำนวน 500 รูป และพุทธศาสนิกชน สวดพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวง รัชกาลที่ 9 ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม อยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับ

ทำให้สัมผัสได้กับความเข้มขลังของพระสงฆ์ที่น่าเลื่อมใส

เป็นความงดงามในกิจของอริยสงฆ์อย่างแท้จริง ที่ผุดขึ้นมากระตุกศรัทธา กลบกระแสความปั่นป่วนวุ่นวายในวงการพุทธจักรของไทยจากปัญหาของ “พระการเมือง” ที่ซาลงไป

เป็นอะไรที่รู้สึกได้ว่า วงการสงฆ์กำลังกลับคืนสู่ความสงบ

รับกับกระแสอันเป็นมงคลในห้วงใกล้วันพระใหญ่ “มาฆบูชา”

แต่ที่ยังวุ่นวายต่อเนื่อง ตามปรากฏการณ์ย้อนแย้ง บรรยากาศสวนทางกับโหมดปรองดอง

ล่าสุด พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) สำทับข้อมูลเองเลยว่า ตัวการโพสต์โซเชียลมีเดียขู่ฆ่า “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.กับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม

เป็นกลุ่มคนไทยที่หมิ่นสถาบันผ่านโซเชียลมีเดียในประเทศลาว

เพราะเหตุที่ได้รับผลจากการที่ทางการไทยเร่งรัดทางการลาวให้ช่วยติดตาม โดยทั้งหมดเป็นกลุ่มบุคคลที่มีรายชื่ออยู่แล้ว และแนวโน้มจะโดนเล่นงานตามกฎหมายอาญาที่เกี่ยวกับการข่มขู่ทำร้ายบุคคลสำคัญเพิ่มอีกข้อหาหนึ่ง

หน่วยข่าว สมช.คอนเฟิร์มข้อมูลอย่างเป็นทางการ

นั่นก็หมายถึงช่วยการันตีว่า ไม่ใช่ข่าวโคมลอย แบบที่มีเสียงถากถางพี่น้องบูรพาพยัคฆ์ปูดขึ้นมากลบกระแสในห้วงที่รัฐบาล คสช.กำลังเผชิญแรงเสียดทานรอบด้าน

อาการเหมือนรัฐบาลเลือกตั้งที่กำลังเผชิญภาวะศรัทธาแผ่ว

เลยต้องเล่นแต้มขอความเห็นใจ งัดมุกเรียกคะแนนสงสารกันตามฟอร์ม

เอาเป็นว่า ในอารมณ์ที่ขุนทหาร คสช.ต้องให้ความสำคัญกับคำขู่ฆ่าในโลกโซเชียล หยิบยกเอามาเป็นประเด็นใหญ่โต พูดกันอย่างเป็นการเป็นงาน

อีกนัยหนึ่งมันก็บ่งบอกความอ่อนไหวของสถานการณ์

ชักจะฝ่อกับแรงเสียดทานที่พุ่งเข้าใส่ทุกทิศทุกทาง

ปฏิรูป ปรองดอง คอร์รัปชัน นัวเนียพัวพันเป็นคนละเรื่องเดียวกัน

แถมยังต้องมาเจอกับปมเศรษฐกิจล่าสุดที่กระตุกต่อมฉุน “นายกฯลุงตู่” หงุดหงิดอย่างแรงกับกระแสข่าวเงินคงคลังวูบเหลือแค่ 7.5 หมื่นล้านบาท ต่ำสุดในรอบหลายปี

ยืนยันเสียงแข็งสถานะการเงินการคลังไม่ได้อยู่ในขั้นถังแตก

ตามสถานการณ์แบบที่นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ต้องตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงทันทีว่า เหตุที่ระดับเงินคงคลังในเดือนธันวาคม 2559 ที่ต่ำถึง 7.49 หมื่นล้านบาท เนื่องจากเป็นการบริหารจัดการของกระทรวงการคลังที่ไม่ต้องการกู้เงินมากองไว้ จะได้ไม่ต้องเสียดอกเบี้ย

แม้จะต่ำกว่านี้กระทรวงการคลังยังมีวงเงินกู้ฉุกเฉินเพื่อรักษาสภาพคล่องอีก 8 หมื่นล้านบาท
ดังนั้น การที่เงินคงคลังไม่สูงมาก ทำให้ประหยัดดอกเบี้ยได้ถึง 2,000 ล้านบาท สามารถนำเงินดังกล่าวไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้

ต้องรีบกู้กระแสความมั่นใจกันหูตาเหลือก

เพราะมันเท่ากับซ้ำเติมภาวะความอ่อนไหวทางเศรษฐกิจ ที่ทีมงานของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจ แบกโจทย์การบ้านหนักๆจนล้นบ่าแล้ว

แถมแนวโน้มที่หนักกว่าปมเงินคงคลังรัฐบาลถังแตก

นั่นก็คือเงื่อนสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่โยงกับปมคอร์รัปชันที่โยงมาจากสินบนข้ามชาติโรลส์รอยซ์ แบบที่ “ขุนคลัง” อย่างนายอภิศักดิ์จ่อเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ใช้มาตรา 44 ในการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญาของกระทรวงยุติธรรม

โดยลดโทษผู้ให้หรือถูกบังคับต้องจ่ายสินบน เหลือเพียงค่าปรับ และถูกทัณฑ์บนหากเปิดเผยหลักฐาน และระบุชื่อผู้เรียกรับสินบน เพื่อเอาผิดผู้สร้างความเสียหายแก่โครงการรัฐ

ต้องชงวิธีการปล่อยผีแลกจับโจร ท้าทายจริยธรรม ล้อเสียงต้าน เสียงโห่ฮา

เพราะถ้ายังไม่รู้สึกรู้สา ไม่ขยับให้เห็นการเอาจริงกับการปราบคอร์รัปชัน

ประเทศไทยเสี่ยงล้มละลายจาก “วัฒนธรรมโกง” ประจำชาติ.

ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐ น.3(7/2/60)

ไม่มีความคิดเห็น: