ทำให้สัมผัสได้กับความเข้มขลังของพระสงฆ์ที่น่าเลื่อมใส
เป็นความงดงามในกิจของอริยสงฆ์อย่างแท้จริง ที่ผุดขึ้นมากระตุกศรัทธา กลบกระแสความปั่นป่วนวุ่นวายในวงการพุทธจักรของไทยจากปัญหาของ “พระการเมือง” ที่ซาลงไป
เป็นอะไรที่รู้สึกได้ว่า วงการสงฆ์กำลังกลับคืนสู่ความสงบ
รับกับกระแสอันเป็นมงคลในห้วงใกล้วันพระใหญ่ “มาฆบูชา”
แต่ที่ยังวุ่นวายต่อเนื่อง ตามปรากฏการณ์ย้อนแย้ง บรรยากาศสวนทางกับโหมดปรองดอง
ล่าสุด พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) สำทับข้อมูลเองเลยว่า ตัวการโพสต์โซเชียลมีเดียขู่ฆ่า “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.กับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม
เป็นกลุ่มคนไทยที่หมิ่นสถาบันผ่านโซเชียลมีเดียในประเทศลาว
เพราะเหตุที่ได้รับผลจากการที่ทางการไทยเร่งรัดทางการลาวให้ช่วยติดตาม โดยทั้งหมดเป็นกลุ่มบุคคลที่มีรายชื่ออยู่แล้ว และแนวโน้มจะโดนเล่นงานตามกฎหมายอาญาที่เกี่ยวกับการข่มขู่ทำร้ายบุคคลสำคัญเพิ่มอีกข้อหาหนึ่ง
หน่วยข่าว สมช.คอนเฟิร์มข้อมูลอย่างเป็นทางการ
นั่นก็หมายถึงช่วยการันตีว่า ไม่ใช่ข่าวโคมลอย แบบที่มีเสียงถากถางพี่น้องบูรพาพยัคฆ์ปูดขึ้นมากลบกระแสในห้วงที่รัฐบาล คสช.กำลังเผชิญแรงเสียดทานรอบด้าน
อาการเหมือนรัฐบาลเลือกตั้งที่กำลังเผชิญภาวะศรัทธาแผ่ว
เลยต้องเล่นแต้มขอความเห็นใจ งัดมุกเรียกคะแนนสงสารกันตามฟอร์ม
เอาเป็นว่า ในอารมณ์ที่ขุนทหาร คสช.ต้องให้ความสำคัญกับคำขู่ฆ่าในโลกโซเชียล หยิบยกเอามาเป็นประเด็นใหญ่โต พูดกันอย่างเป็นการเป็นงาน
อีกนัยหนึ่งมันก็บ่งบอกความอ่อนไหวของสถานการณ์
ชักจะฝ่อกับแรงเสียดทานที่พุ่งเข้าใส่ทุกทิศทุกทาง
ปฏิรูป ปรองดอง คอร์รัปชัน นัวเนียพัวพันเป็นคนละเรื่องเดียวกัน
แถมยังต้องมาเจอกับปมเศรษฐกิจล่าสุดที่กระตุกต่อมฉุน “นายกฯลุงตู่” หงุดหงิดอย่างแรงกับกระแสข่าวเงินคงคลังวูบเหลือแค่ 7.5 หมื่นล้านบาท ต่ำสุดในรอบหลายปี
ยืนยันเสียงแข็งสถานะการเงินการคลังไม่ได้อยู่ในขั้นถังแตก
ตามสถานการณ์แบบที่นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ต้องตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงทันทีว่า เหตุที่ระดับเงินคงคลังในเดือนธันวาคม 2559 ที่ต่ำถึง 7.49 หมื่นล้านบาท เนื่องจากเป็นการบริหารจัดการของกระทรวงการคลังที่ไม่ต้องการกู้เงินมากองไว้ จะได้ไม่ต้องเสียดอกเบี้ย
แม้จะต่ำกว่านี้กระทรวงการคลังยังมีวงเงินกู้ฉุกเฉินเพื่อรักษาสภาพคล่องอีก 8 หมื่นล้านบาท
ดังนั้น การที่เงินคงคลังไม่สูงมาก ทำให้ประหยัดดอกเบี้ยได้ถึง 2,000 ล้านบาท สามารถนำเงินดังกล่าวไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้
ต้องรีบกู้กระแสความมั่นใจกันหูตาเหลือก
เพราะมันเท่ากับซ้ำเติมภาวะความอ่อนไหวทางเศรษฐกิจ ที่ทีมงานของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจ แบกโจทย์การบ้านหนักๆจนล้นบ่าแล้ว
แถมแนวโน้มที่หนักกว่าปมเงินคงคลังรัฐบาลถังแตก
นั่นก็คือเงื่อนสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่โยงกับปมคอร์รัปชันที่โยงมาจากสินบนข้ามชาติโรลส์รอยซ์ แบบที่ “ขุนคลัง” อย่างนายอภิศักดิ์จ่อเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ใช้มาตรา 44 ในการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญาของกระทรวงยุติธรรม
โดยลดโทษผู้ให้หรือถูกบังคับต้องจ่ายสินบน เหลือเพียงค่าปรับ และถูกทัณฑ์บนหากเปิดเผยหลักฐาน และระบุชื่อผู้เรียกรับสินบน เพื่อเอาผิดผู้สร้างความเสียหายแก่โครงการรัฐ
ต้องชงวิธีการปล่อยผีแลกจับโจร ท้าทายจริยธรรม ล้อเสียงต้าน เสียงโห่ฮา
เพราะถ้ายังไม่รู้สึกรู้สา ไม่ขยับให้เห็นการเอาจริงกับการปราบคอร์รัปชัน
ประเทศไทยเสี่ยงล้มละลายจาก “วัฒนธรรมโกง” ประจำชาติ.
ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐ น.3(7/2/60)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น