กรณีประชาธิปัตย์ ถูกคาดหมายว่าจะได้ ส.ส.ต่ำร้อยนั้น
แน่นอน ย่อมเป็นการหยามหยันหัวหน้าพรรคที่ชื่อ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”
อย่างมิต้องสงสัย
เพราะปักธงเป้าหมายเอาไว้ที่ 140 ที่นั่ง
บวก-ลบตามสภาวะ
การมาคาดการณ์จะได้ต่ำร้อย
รับไม่ได้ และนำมาสู่ “สัญญาประชาคม” จากหัวหน้ามาร์คทันควัน
นั่นคือ หากพรรคประชาธิปัตย์ได้ต่ำร้อย พร้อมจะรับผิดชอบ
ซึ่งคงไม่ต้องตีความอะไรให้วุ่นวาย
ง่ายๆ ประชาธิปัตย์ต่ำร้อย
อภิสิทธิ์ลาออกจากหัวหน้าพรรค
แน่นอน 100%
มีเสียงเชียร์ต่อ “จุดยืน” ดังกล่าว
ด้านหนึ่ง เป็นการแสดงสปิริตอันถูกต้อง
อีกด้านหนึ่ง หากแยกแยะเสียงเชียร์ดีๆ จะแฝงความดีใจ โล่งใจ เอาไว้ด้วย
โดยเฉพาะฝ่ายที่ประสงค์จะดึงเอาพรรคประชาธิปัตย์ไปร่วมขั้วตั้งรัฐบาล
ที่เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ
อย่างที่ทราบกันดี นายอภิสิทธิ์ค่อนข้างหัวเด็ดตีนขาดกับนายกฯ ว่าไม่ควรเป็นคนที่สืบทอดจากคณะรัฐประหาร
จุดยืนนี้เหมือนการสร้างกำแพงขวางกั้น พล.อ.ประยุทธ์จึงนำมาสู่ปฏิบัติการหลายอย่างเพื่อทลายกำแพงนั้น
ที่มีเค้าและร่องรอยมากสุดก็คือ การโค่นนายอภิสิทธิ์ลงจากหัวหน้าพรรค จากกลุ่ม กปปส.ในพรรค
ซึ่งแม้จะทำได้อย่างมีพลังระดับหนึ่ง
แต่ก็ไม่มากพอที่จะโค่นนายอภิสิทธิ์ลงได้
พรรคประชาธิปัตย์จึงเหมือน “ก้าง” คอยขวางคอฝ่ายหนุน พล.อ.ประยุทธ์ต่อไป
ขั้ว พล.อ.ประยุทธ์ทำได้เพียงพยายามมองในแง่ดีเอาไว้
คือ หลังเลือกตั้ง เมื่อทราบผลดีแล้ว
1) นายอภิสิทธิ์อาจเปลี่ยนใจ
2) พรรคประชาธิปัตย์อาจมีมติ “หักคอ” ใช้เสียงส่วนใหญ่เข้าร่วมรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ โดยทิ้งนายอภิสิทธิ์ไว้ข้างหลัง
3) อาจเกิดกลุ่มงูเห่า แยกตัวออกไป
ทั้ง 3 ประการ มีโอกาสเป็นไปได้ทุกทาง
แต่ในแง่ความเป็นพรรคเก่าแก่ อาจจะไม่สง่างามนัก
ทุกอย่างจึงไม่ชัดเจน
แต่แล้วเมื่อมีประเด็นประชาธิปัตย์ต่ำร้อยแล้วนายอภิสิทธิ์รับปากจะลาออกขึ้นมา
ฟ้าก็เปิดกว้างขึ้นอีกพอสมควร
นั่นคือ หากประชาธิปัตย์ไม่แพ้หลุดลุ่ย
ยังได้เสียงระดับ 80-90 กว่าๆ ก็ยังถือว่าเป็นพรรคหลักที่จะชี้ขาดว่าใครจะได้เป็นนายกฯ
นายอภิสิทธิ์ก็ต้องรับเสียงปรบมือผู้มีสปิริตสูงไป ด้วยการลาออกไปตามที่รับปากไว้
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ก็มีโอกาสที่จะเอนเอียงไปยังขั้ว พล.อ.ประยุทธ์สูงมาก
เรียบร้อยโรงเรียน คสช.
ประชาธิปัตย์ต่ำร้อยจึงกลายเป็นเงื่อนไขช่วยคลี่คลายการรวมขั้วหนุน พล.อ.ประยุทธ์ขึ้นมาแบบ “ดื้อๆ” อย่างนี้เอง!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น