PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2556

อารีพงศ์ยอมรับน้อยใจถูกเด้ง ห่วงวินัยการเงินการคลัง

'อารีพงศ์'น้อยใจโดนเด้ง! ทิ้งทุ่นห่วงวินัยการเงินการคลัง

วันพุธที่ 2 ตุลาคม 2556, 19:01 น.

“อดีตปลัดคลัง” เปิดใจครั้งแรกหลังถูกเตะโด่งไปเป็น เลขาฯ ก.พ.ร. ยอมรับ “น้อยใจ” แต่จะทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่ พร้อมยืนยันที่ผ่านมามุ่งแก้ปัญหาโกง VAT อย่างจริงจัง... 

เมื่อวันที่ 2 ต.ค. นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม อดีตปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวกับไทยรัฐออนไลน์ โดยเป็นการเปิดใจครั้งแรก หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2556 มีมติเห็นชอบแต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่ง เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาข้าราชการพลเรือน หรือ ก.พ.ร. ว่า คำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายที่เกิดขึ้นดังกล่าวถือว่าเป็นคำสั่งผู้บังคับบัญชา เมื่อเป็นข้าราชการมืออาชีพต้องรับนโยบายดังกล่าวไปปฏิบัติ และตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ โดยที่ผ่านมาได้มีการศึกษารูปแบบการทำงานและได้เริ่มงานไปแล้วบางส่วน แต่ยอมรับว่า รู้สึกน้อยใจที่ถูกโยกย้ายจากกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นองค์กรขนาดใหญ่ ไปสังกัด ก.พ.ร. ซึ่งเป็นองค์กรที่มีขนาดเล็กกว่า  

อดีตปลัดกระทรวงการคลังยังกล่าวด้วยว่า แม้ ก.พ.ร.จะเป็นองค์กรขนาดเล็ก แต่ก็เป็นองค์กรที่มีความสำคัญต่อการปฏิรูปส่วนราชการต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้น ตนต้องรับผิดชอบหน้าที่ในการขับเคลื่อนงานที่ได้รับมอบหมายให้บรรลุผลตามเป้าหมาย โดยเฉพาะการให้ส่วนราชการส่งเสริมดูแลผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องสร้างขึ้นมา เพราะมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม อดีตปลัดกระทรวงการคลัง ยังแสดงความเป็นห่วงภาระหน้าที่ในกระทรวงการคลัง โดยระบุว่า สิ่งที่ยังเป็นห่วงในกระทรวงการคลังขณะนี้ คือ การรักษาวินัยการเงินการคลังของประเทศซึ่งเป็นหน้าที่หลักของกระทรวงการคลังที่จะต้องรักษากรอบวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นมาในอนาคต 

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า การถูกโยกย้ายในครั้งนี้มีสาเหตุมาจากแก้ปัญหาการทุจริตภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ของกรมสรรพากรได้ไม่เต็มที่ ตนขอยืนยันว่า ที่ผ่านมา ตนได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบและสามารถสอบวินัยเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว ในขณะที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ยังเดินหน้าตรวจสอบเส้นทางการเงินต่อไป เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีก โดยกรมที่จัดเก็บภาษีภายใต้ความดูแลของกระทรวงการคลังทั้ง 3 แห่ง คือ กรมสรรพากร กรมศุลกากร และกรมสรรพสามิต จะต้องเชื่อมโยงข้อมูลร่วมกัน เพื่อให้การจัดเก็บภาษีเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการเร่งเชื่อมข้อมูลของทั้ง 3 กรมจะลดปัญหาการรั่วไหลการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้




โดย ไทยรัฐออนไลน์


ไม่มีความคิดเห็น: