PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ปฏิบัติการเด็ดหัว ก๊อดส์อาร์มี ปฏิบัติการที่กบฏไพร่พึงสังวร (พิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล

พุธ เมษายน 2553
 พิมพ์หน้านี้  |  ดูบล๊อกอื่นๆ ที่ OKnation

ปฏิบัติการเด็ดหัว ก๊อดส์อาร์มี ปฏิบัติการที่กบฏไพร่พึงสังวร (พิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล)



.
.
ปฏิบัติการเด็ดหัว ก๊อดส์อาร์มี (God's Army)
ปฏิบัติการที่กบฏไพร่พึงสังวร
(พิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล)

เช้าตรู่วันที่ 24 มกราคม 2543 (ก่อนวันกองทัพไทยเพียง 1 วัน) ในสมัยนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี (ครั้งที่ 2) ควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.ตรีสนั่น ขจรประศาสตร์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นผู้บัญชาการทหารบก

กะเหรี่ยงอิสระกลุ่มหนึ่งในนาม ก๊อดส์อาร์มี (God's Army) ติดอาวุธสงครามครบมือจากอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี บุกเข้ายึดโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี พร้อมจับตัวแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ และคนไข้เกือบ 600 ชีวิต เป็นตัวประกัน

ก๊อดส์อาร์มี เป็นกะเหรี่ยงอิสระกลุ่มหนึ่ง มีกองกำลังประมาณ 200 คน มีลักษณะเป็นกองกำลังแบบกองโจร มีผู้นำหรือหัวหน้าเป็นเด็กฝาแฝดอายุเพียง 12 ปี ชื่อ "ลูเซอร์กับจอห์นี" ซึ่งแตกมาจากกองกำลังของนายพลโบเมี๊ยะ และเป็นศัตรูกับพม่าเรียกตนเองว่า "นักรบของพระเจ้า:God's Army" เป็นกองกำลังชุดเดียวกับที่บุกสถานทูตพม่าที่กรุงเทพมหานครเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2542 ซึ่งรัฐบาลชวน หลีกภัย ได้เข้าเจรจาจนสามารถเกลี้ยกล่อมให้ยอมเดินทางออกไปจากประเทศไทย โดยมี ม.ร.ว. สุขุมพันธ์ บริพัตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศในขณะนั้น ยอมเสี่ยงเป็นตัวประกันร่วมขึ้นเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ลำเดียวกันไปส่งที่ ชายแดนจนปลอดภัยทั้งสองฝ่าย

กองกำลังผู้ก่อการร้าย ก๊อดส์อาร์มี พร้อมอาวุธร้ายแรงจำนวน 10 คน ซึ่งเป็นกองกำลังส่วนหนึ่งของ "กะเหรี่ยงดีเคบีเอ" มีฐานที่มั่นอยู่ตามตะเข็บแนวชายแดน จ.ราชบุรี

ผู้ก่อการร้าย "ก๊อดส์อาร์มี" เรียกร้องให้รัฐบาลจัดเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์พร้อมแพทย์ 10 คน เพื่อนำไปรักษานักรบ ก๊อดส์อาร์มี ที่บาดเจ็บจากการปะทะกับทหารพม่า และขอไม่ให้ไทยและพม่าวางกำลังปิดล้อมชายแดนเพื่อให้เขาสามารถเคลื่อนไหวใน บริเวณนี้ได้สะดวก กับขอให้ไทยปล่อยนักรบก๊อดส์อาร์มีที่ถูกจับคืนถิ่น ซึ่งล้วนเป็นข้อเรียกร้องที่รัฐบาลไทยไม่สามารถรับได้

นายกรัฐมนตรีชวน หลีกภัย เรียกประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ พร้อม น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ที่ปรึกษานายกฯ ด้านความมั่นคงเข้าร่วมประชุม เพื่อระดมสรรพกำลังทางสมองวางแผน แก้ปัญหา โดยมี "ผู้บริสุทธิ์" หลายร้อยชีวิตในโรงพยาบาลเป็นเดิมพัน

พลเอกยุทธ์ จุลานนท์ ผู้บัญชาการทหารบกสมัยนั้น ถูกมอบหมายจาก นายกรัฐมนตรี ชวน หลีกภัย ให้เป็น "ผู้บัญชาการแก้ไขวิกฤต"

มีการเรียกหน่วยจู่โจมชั้นยอดของประเทศ ทั้งชุดปฏิบัติการพิเศษพลร่มป่าหวาย จากหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ จ.ลพบุรี หน่วยนเรศวร 261 จาก จ.ประจวบคีรีขันธ์ หน่วยอรินทราช 26 จากกองบัญชาการตำรวจนครบาล และหน่วยคอมมานโดจากกองปราบปราม กรมตำรวจมา "สแตนบายด์" เพื่อเตรียมปฏิบัติการขั้นเด็ดขาด..!!

"ชวน หลีกภัย" บินด่วนจากกรุงเทพฯ พร้อมด้วย พล.ต.สนั่น ขจรประศาสตร์ และ พล.อ.มงคล อัมพรพิศิษฐ์ ไปยังค่ายภาณุรังษี จังหวัดราชบุรี เพื่อหารือถึงข้อเสนอซึ่งเป็น "ทางออกสุดท้าย" ให้กับ กลุ่มนักรบก๊อดส์อาร์มี คือขอให้ก๊อดส์อาร์มีวางอาวุธและยอมมอบตัว ส่วนเหตุการณ์ระหว่างประเทศที่เกิดขึ้นทั้งหมด ไทยจะไม่ขอยุ่งเกี่ยว และจะส่งเรื่องให้ศาลโลกเป็นคนตัดสินเพื่อความเป็นธรรม แต่ข้อเสนอไม่ได้รับการสนองใดๆ จากฝ่าย "ก๊อดส์อาร์มี"

นายกรัฐมนตรีใช้เวลาประเมินสถานการณ์อย่างถี่ถ้วน สุดท้ายก็ได้แจ้ง "การตัดสินใจครั้งสำคัญ" ให้ที่ประชุมรับทราบ เพื่อช่วยเหลือตัวประกันผู้บริสุทธิ์ทุกคนก่อนที่สถานการณ์จะเลวร้ายหนัก การใช้วิธีรุนแรงเข้าแก้ปัญหาจึงเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ภายใต้ข้อกำชับอย่างหนักแน่นจากนายกรัฐมนตรีว่า "ปฏิบัติการนี้ต้องไม่มีความผิดพลาด และต้องไม่มีตัวประกันบาดเจ็บล้มตายเป็นอันขาด"

แผนปฏิบัติการ "ชิงตัวประกัน..เด็ดหัวก๊อดส์อาร์มี" เริ่มต้นด้วยคำกำชับจาก พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ผู้บัญชาการแก้ไขวิกฤตว่า

"ทุกคนต้องทำตามแผน อย่างละเอียด รอบคอบ และรัดกุม หน่วยกล้าตายทุกนายให้ใช้แค่อาวุธปืนพก หรือปืนสั้นเท่านั้น ห้ามหยิบ เอ็ม-16 หรือเอชเค ออกมาใช้ และปฏิบัติการนี้ห้ามเกิดข้อผิดพลาดอย่างเด็ดขาด"

ปฏิบัติการสำคัญเริ่มต้นโดยเจ้าหน้าที่ขว้าง สตั๊นบอมบ์ (ระเบิดสีและแสงนำทาง) เปิดฉากลุยเข้าหาโดยมีเจ้าหน้าที่หน่วยกล้าตายที่รุกคืบเข้าไปฝังตัวอยู่ตาม ชายคากันสาด ในระยะทำการของปืนพก

รวมทั้งที่ซุ่มโป่งอยู่ข้างล่างก่อนแล้ว พร้อมกันกรูเข้าจู่โจมใส่คนร้ายแบบสายฟ้าแลบ

นักรบก๊อดส์อาร์มีที่เก่งๆ เพราะผ่านการฝึกมาอย่างช่ำชองยังหมดสิทธิชักอาวุธตอบโต้ เพราะกระสุนปืนพกสั้นทุกนัดของเจ้าหน้าที่ผู้เข้าปฏิบัติการเจาะเข้ากลาง ศีรษะนักรบก๊อดส์อาร์มีทุกคนอย่างเผาขน จนกลายเป็นร่างไร้วิญญาณทันทีโดย "ตัวประกัน" ไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่คนเดียว

ร่างนักรบก๊อดส์อาร์มี 9 คน นอนเรียงรายจมกองเลือดในบริเวณไม่ห่างกัน ส่วนรายที่ 10 เสียชีวิตคาห้องน้ำหลังหลบหนีออกมาจากการปะทะเดือดจึงถูกยิงตายคาห้องน้ำ ทุกศพมีบาดแผลถูกยิงที่ศีรษะในลักษณะ "เผาขน" นัดเดียวจอด และเสียชีวิตทันที

พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ให้เหตุผลที่ต้องเด็ดชีพเหล่าทหารของพระเจ้าว่า

"เป็นการยิงเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวประกันได้รับบาดเจ็บคือ ต้องยิงทีเดียว ยิงที่ศีรษะทั้งหมด ผู้ก่อการร้ายต้องเสียชีวิตทันที มิฉะนั้นเขาอาจจะกดระเบิด หรือโยนระเบิดออกมาทำให้ตัวประกันบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้ ถือเป็นยุทธวิธีสากลที่ใช้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก เป็นการทำเพื่อช่วยชีวิตผู้บริสุทธิ์จากการทำร้ายของผู้ก่อการร้าย"

นักรบของพระเจ้าทั้ง 10 คนผู้ถูกเด็ดหัวเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2543 ถึงแม้เป็นคนต่างชาติและเป็นผู้ก่อการร้าย แต่ยังไม่ได้ทำร้ายประเทศไทยร้ายแรงเท่าขบวนการกบฏไพร่ในขณะนี้

นักรบก๊อดส์อาร์มี ไม่เคยคิดก่อการกบฏต่อรัฐบาลไทย

นักรบก๊อดส์อาร์มี ไม่เคยคิดสร้าง "รัฐไทยใหม่" เพื่อล้มล้างระบอบการปกครองของไทย

นักรบก๊อดส์อาร์มี ไม่เคยคิดล้มล้างรัฐบาลและระบบรัฐสภาไทย

นักรบก๊อดส์อาร์มี ไม่เคยจาบจ้วงคิดล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย

นักรบก๊อดส์อาร์มี ไม่เคยเข้ามาก่อวินาศกรรมทำร้ายประเทศไทย

นักรบก๊อดส์อาร์มี ไม่เคยจัดกองกำลังเข้ามาฆ่าทำร้ายทหารและประชาชนไทย

นักรบก๊อดส์อาร์มี ไม่เคยเข้ามาจับประชาชนในกรุงเทพฯ และยึดศูนย์เศรษฐกิจสำคัญของไทยเป็นตัวประกันจนเสียหายยับเยินวันละนับหมื่น ล้านบาท

นักรบก๊อดส์อาร์มี เปิดเผยตัวตนชัดเจนไม่ใช่อ้างเป็น "กองกำลังกบฏไม่ทราบฝ่าย"

วันนี้รัฐบาลยังมีนักรบหน่วยจู่โจมชั้นยอดของประเทศ ทั้งชุดปฏิบัติการพิเศษพลร่มป่าหวาย จากหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ หน่วยนเรศวร 261 จากกองบัญชาการตำรวจชายแดน หน่วยอรินทราช 26 จากกองบัญชาการตำรวจนครบาล และหน่วยคอมมานโดจากกองปราบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

แต่เพียงแค่แกนนำกบฏไม่กี่คนที่มีหมายจับแล้วรัฐบาลก็ยังจับไม่ได้ พ่ายแพ้กบฏอย่างซ้ำซากครั้งแล้วครั้งเล่า

เหตุเพราะวันนี้ไม่มีผู้บัญชาการทหารบกที่เด็ดขาดเยี่ยง พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์

เหตุเพราะวันนี้ไม่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเยี่ยง พลตรี สนั่น ขจรประศาสตร์ และ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน

เหตุเพราะวันนี้ไม่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและนายกรัฐมนตรีเยี่ยง นายชวน หลีกภัย

เหตุเพราะวันนี้ไม่มีที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงเยี่ยง น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ

การใช้มาตรการรุนแรงกับกบฏผู้กำลังก่อการร้ายและถืออาวุธร้ายแรง เป็นความชอบธรรมที่กระทำได้ แต่ยังไม่มีใครเด็ดขาดและกล้าหาญพอ เหมือนที่นายชวน หลีกภัย เคยเด็ดหัวก๊อดส์อาร์มี เพื่อช่วยตัวประกันมาแล้ว

วันนี้บ้านเมืองกำลังถูกกบฏไพร่จับไว้เป็นตัวประกัน
หรือวันนี้คนไทยจำเป็นต้องรอให้ดอกไม้บานที่ปลายกระบอกปืนอีกสักครั้งหนึ่ง ?

ที่มา 
http://www.naewna.com/news.asp?ID=207736

ไม่มีความคิดเห็น: