PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2556

จับตาสหรัฐ"ชัตดาวน์"ป่วนโลก

จับตามะกัน"ชัตดาวน์"ป่วนโลก

วันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม 2556, 05:00 น.

จี้ธปท.รับมือบาทแข็งหลังเงินทะลักเข้าไทย

“กิตติรัตน์” เผยนายกรัฐมนตรีห่วงสหรัฐฯชัตดาวน์กระทบเศรษฐกิจไทย แต่เชื่อไม่ขยายวงกว้าง และกระทบค่าเงินบาทแค่ระยะสั้น ด้านแบงก์ชาติ ลั่นจับตาใกล้ชิด 2 เรื่อง คือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเงินทุนไหลเข้า–ออก เตือน ธปท.รับมือบาทแข็งเป็นพิเศษ ลั่นถ้าขยายเพดานก่อหนี้เพิ่มไม่ได้ ฉุดเชื่อมั่นสหรัฐฯฟาดหางเศรษฐกิจโลก

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ  รมว.คลัง  เปิดเผยว่า  ในที่ประชุมคณะทำงานกำกับบริหารนโยบายเศรษฐกิจ ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธาน นายกรัฐมนตรีเป็นห่วงทุกเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ รวมทั้งการหยุดทำงานชั่วคราวของหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ (Shut Down) จากกรณีที่สภาคองเกรสสหรัฐฯไม่สามารถผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ซึ่งอาจทำให้ค่าเงินบาทผันผวนในระยะสั้น จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด หากได้ข้อสรุปใน 1-2 สัปดาห์นี้ คงไม่กระทบไทยมาก ทั้งนี้ สหรัฐฯเคยเกิดกรณีเดียวกันนี้เมื่อปี 2538 สมัยประธานาธิบดีบิล คลินตัน ที่หน่วยงานรัฐหยุดงาน 21 วัน แต่ผลกระทบไม่ร้ายแรงนัก และไม่ได้กระจายตัวออกนอกสหรัฐฯ

ด้านนายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ถามถึงกรณีของสหรัฐฯ ซึ่งที่ประชุมรายงานว่าการหยุดงานครั้งก่อนกระทบเศรษฐกิจสหรัฐฯ 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งผลกระทบส่วนใหญ่เกิดขึ้นในสหรัฐฯเท่านั้น แต่นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินว่าเหตุการณ์นี้จะกระทบเศรษฐกิจสหรัฐฯในไตรมาสล่าสุดเพียง 0.1% และในไม่ช้าคงหาทางออกได้ “นายกฯเป็นห่วงเอสเอ็มอี ที่อาจได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกผันผวน จึงสั่งให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ร่วมกับกระทรวงการคลัง ตั้งคณะกรรมการขึ้น เพื่อหาทางช่วยเหลือเอสเอ็มอีทั้งระบบ”

ส่วนนายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า สิ่งที่ห่วงคือ การขอขยายเพดานก่อหนี้ของสหรัฐฯ ถ้าไม่สามารถขยายเพดานได้ จะส่งผลต่อการจัดอันดับความน่าเชื่อของประเทศ พันธบัตร ตราสารหนี้ และเงินดอลลาร์สหรัฐฯ รวมถึงอาจถูกสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือลดเรตติ้ง และเกิดปัญหาความสามารถในการชำระหนี้ ซึ่งจะกระทบทั่วโลก นักลงทุนที่ลงทุนในสหรัฐฯถอนเงินออกไปลงทุนในตลาดอื่นแทน ซึ่งจะมีเงินทุนไหลเข้าไทยมากขึ้น จึงเตือนให้ ธปท.เตรียมความพร้อม และระมัดระวังเงินบาทแข็งเป็นกรณีพิเศษด้วย

ขณะที่นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโสสายเศรษฐกิจการเงิน ธปท. กล่าวว่า ธปท.กำลังติดตามสถานการณ์ชัตดาวน์ของสหรัฐฯอย่างใกล้ชิด เพราะจะกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ และการเงินทั่วโลก รวมทั้งไทย โดยจะติดตาม 2 เรื่อง คือ ผลกระทบที่จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอตัว และการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศ แต่ขณะนี้การไหลเข้า-ออกของเงินทุนต่างประเทศในไทย ยังเป็นปกติ ค่าเงินบาทยังนิ่ง “การขอขยายเพดานหนี้ สำคัญกว่า เพราะถ้าไม่ขยายเพดาน รัฐบาลสหรัฐฯอาจผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งกระทบความเชื่อมั่นมาก แต่เชื่อว่าไม่น่าเกิดขึ้น”

นายวีรพงษ์ รามางกูร นักเศรษฐศาสตร์แถวหน้าของประเทศไทย ระบุถึงความล้มเหลวของรัฐบาลกลางสหรัฐฯกระทั่งมีผลให้หน่วยงานด้านบริการหลายแห่งปิดทำการชั่วคราวอย่างน้อย 15 วันว่า จะนำไปสู่ความยุ่งยากต่อเนื่องในเรื่องการขอขยายเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางในวันที่ 17 ต.ค.นี้ด้วย “ความเชื่อมั่นของสหรัฐฯลดลงรุนแรงอีกครั้ง หลังจากที่นายเบน เบอร์นันเก ประธานธนาคารกลาง (เฟด) ได้ทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลกด้วยการกลับคำพูดไปมาในเรื่องของ QE มาแล้ว ขณะนี้กำลังเข้าตาจนในฐานะการเงินการคลังอีกรอบ ถ้าแก้ปัญหาไม่ได้ เงินดอลลาร์สหรัฐฯจะเข้าสู่ภาวะไร้ค่า เช่นเดียวกับพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯที่ไทยเราถือไว้มากด้วย”

ส่วนนายจิตติ ตั้งสิทธิภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เผยว่า ราคาทองคำในตลาดประเทศไทยวันที่ 2 ต.ค. ผันผวนตลอดทั้งวัน โดยปรับราคาขึ้นลงต่อเนื่อง 4 ครั้ง หรือเฉลี่ยปรับราคาลงบาทละ 450 บาท เมื่อเทียบกับวันที่ 1 ต.ค. โดยทองคำแท่งซื้อบาทละ 19,150 บาท ขายบาทละ 19,250 บาท ทองรูปพรรณซื้อบาทละ 18,874.20 บาท ขายบาทละ 19,750 บาท ตามการปรับลงของราคาทองคำต่างประเทศ ที่ลดลงมากว่า 20 เหรียญสหรัฐฯต่อออนซ์ มาอยู่ที่ 1,290 กว่าเหรียญฯต่อออนซ์ เพราะความขัดแย้งของพรรคการเมืองในสหรัฐฯ ถือว่าอยู่ในภาวะผิดคาด เพราะหากเศรษฐกิจมีปัญหา จะทำให้ตลาดหุ้นตก ราคาทองคำขึ้น แต่ครั้งนี้ราคาทองคำปรับลง ตลาดหุ้นพุ่ง “ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตลาดทองคำ ต้องรอดูสถานการณ์อีก 1-2 วัน แต่เชื่อว่าในระยะสั้น ราคาทองคำในตลาดน่าจะเด้งกลับขึ้นมาใหม่”.

ไม่มีความคิดเห็น: