ตระกูล ชินวัตรมีที่ไปที่มาอย่างไร ลองวิเคราะห์กันเอง ทำไมถึงโหดเหี้ยมผิดมนุษย์ ผู้คนที่บริสุทธิต้องมาเสียชีวิ ตไปหลายพันศพ เพราะใคร DNA มีผลต่อผู้สืบสันดานจริงหรือไม่ โดย บัณรส บัวคลี่ มีการเผยแพร่ข้อมูลว่า นายเส็ง แซ่คู ต้นตระกูลชินวัตรเคยเป็นอั้งยี่ ระดับหัวหน้าและเคยถูกจับติดคุก มาก่อน นับเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก เนื้อหาของเรื่องดังกล่าวสามารถ อ่านได้จากบทความเรื่อง “อั้งยี่ที่เมืองจันทน์” ตอน 1 และตอน 2 ต่อเนื่องในหนังสือพิมพ์สื่อมหา ชนออนไลน์ www.mahachonnews.com ที่ได้เขียนไว้ว่า ง่วนเส็ง แซ่คู บุตรนายเช้า (ชาวจีน) เป็นหัวหน้าอั้งยี่คณะงี่เฮ็งบ้ านบางกะจะ อำเภอพลอยแหวน เมืองจันทบุรีในยุคที่ถูกฝรั่งย ึดครองเป็นหลักประกันให้สยามจ่า ยค่าตอบแทน กรณี รศ.112
ต่อมาถูกทางการจับกุมขังคุก มีลูกชื่อ ชุนเชียง แซ่คู อพยพมาอยู่เชียงใหม่เป็นต้นตระก ูลชินวัตร ปู่ของทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรีในเวลาต ่อมา แม้บทความดังกล่าวไม่ปรากฏชื่อผ ู้เขียนและก็ไม่ได้ระบุเอกสารอ้ างอิง อันใดไว้แต่มากพอที่ทำให้ยิ่งอย ากรู้เข้าไปอีกว่าประวัติศาสตร์ ดังกล่าวคัด ลอกอ้างอิงมาจากแหล่งใด ใช้เวลาสืบค้นอยู่พักใหญ่จึงค่อ ยทราบว่า เนื้อหาที่บทความอั้งยี่ที่เมือ งจันทน์นำมาเผยแพร่นั้นแท้ที่จร ิงปรับแปลงมา จากหนังสือเล่มที่ชื่อว่า “จดหมายเหตุความทรงจำสมัยฝรั่งเ ศสยึดจันทบุรี ตั้งแต่พ.ศ.2436-2447” เขียนโดย หลวงสาครคชเขต (ประทวน สาคริกานนท์)
โชคดีที่ยังพอมีหนังสือเล่มนี้ใ นท้องตลาดแต่กว่าจะได้มาถึงมือใ ช้ เวลา 2 วัน เล่มที่ใช้อ้างอิงเป็นเล่มปกแข็ งพิมพ์ครั้ง 3 โดยสำนักพิมพ์ศรีปัญญาจัดจำหน่า ยโดยเคล็ดไทยราคา 500 บาท สำหรับท่านที่สนใจเรื่องแนวนี้ป ัจจุบันยังพอหาได้ตามคลังสต๊อกข องร้าน หนังสือใหญ่ หลวงสาครคชเขต เป็นข้าราชการฝ่ายปกครองที่อยู่ ในเหตุการณ์ฝรั่งเศสถืออำนาจบาต รใหญ่มายึด เมืองจันทน์สมัยปลายรัชกาลที่ 5 กว่าจะคืนกลับมาได้ไทยต้องเสียด ินแดนในเขมรในลาวเพิ่มให้ไปอย่า งเจ็บปวด หลวงสาครฯมีชีวิตอยู่จนข้ามมาสม ัยเปลี่ยนแปลงการปกครองเสียชีวิ ตเมื่อ 2497 ได้บันทึกเหตุการณ์รายละเอียดที ่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์อย่าง ยิ่งบรรยาย ถึงสภาพบ้านเมืองผู้คนรายละเอีย ดความสัมพันธ์ของคนฝ่ายต่างๆ ในยุคนั้น เช่นเล่าว่ามีทหารฝรั่งเศสประมา ณ 60-70 นายทหารญวนประมาณ 600 มาตั้งค่าย เย็นๆ ก็แก้ผ้าอาบน้ำทั้งฝรั่งทั้งญวน หญิงไทยเดินผ่านเบือนหน้าหลบก็ถ ูกฝรั่งหัวเราะใส่ ไปจนถึงมีเหตุการณ์จันทรุปราคาช าวบ้านยิงปืนตีเกราะเคาะไม้ผู้บ ัญชาการทหาร ฝรั่งเศสตกใจเตรียมพร้อมรับมือค นไทยบุก หรือกรณีทหารฝรั่งเศสเมาสุราไปเ ที่ยวแทะโลมจับนมหญิงชาวบ้าน ฯลฯ เป็นต้น
บันทึกกรณีเหตุการณ์กรณีอั้งยี่ ที่มีการโยงมาถึงตระกูลชินวัตรป รากฏ ในตอนที่ชื่อว่า “สมาคมอั้งยี่กำเริบ ทหารฝรั่งเศสช่วยปราบ” อยู่ในหน้า 61-64 ขอคัดลอกลงมาเพื่อผู้อ่านจะได้เ ทียบเคียงกับข้อความที่เผยแพร่ก ่อนหน้า สมาคมอั้งยี่กำเริบ ทหารฝรั่งเศสช่วยปราบ เมื่อ ฝรั่งเศสเข้าไปตั้งอยู่ที่จังหว ัดจันทบุรีแล้วไม่กี่ปี ระหว่างพ.ศ.2438-2439 (ร.ศ.114-115) ก็เกิดมีสมาคมอั้งยี่ขึ้น 2 คณะ คณะหนึ่งใช้สมนามสมญาว่า “งี่ฮก” สำนักตั้งอยู่ที่ตำบลวัดใหม่ อำเภอเมืองจันทบุรีแห่งหนึ่งมีน าย อำภณ วิเศษประสิทธิ์ บุตรพระประสิทธิ์พลรักษ์ กรมการพิเศษเป็นหัวหน้า (หลวงสาครฯคงจะใส่นาม สกุลที่เกิดขึ้นภายหลังเข้าในบั นทึกไปเลยไม่ได้ใช้เฉพาะชื่อตนต ามยุคสมัย อีกทั้งชื่อจังหวัดก็เรียกแบบยุ คหลังไม่ได้เรียกว่าเมืองจันทบุ รีอันเป็น เชื่อก่อนตั้งมณฑลเทศาภิบาล—บัณ รส) อีกคณะหนึ่งมีนามสมญาว่า “งี่เฮ็ง” สำนักงานตั้งอยู่ที่ตำบลบางกะจะ อำเภอพลอยแหวน จังหวัดจันทบุรีแห่งหนึ่ง มีนายง่วนเส็ง บุตรนายเช้า (ชาติจีน) เป็นหัวหน้าสมาคมอั้งยี่ ทั้ง สองคณะนี้ไม่มีความสามัคคีปรองด องกัน ต่างหมู่ต่างคณะได้ถืออำนาจในพว กเหล่าของตนคุมสมัครพรรคพวกทำร้ ายซึ่งกันและ กันอยู่เป็นเนื่องนิตย์บรรดาประ ชาชนคนใดไม่เข้าในคณะใดพวกอั้งย ี่ก็เที่ยว กรรโชกขู่เข็ญทำร้ายประชาชนพลเม ืองโดยพลการอยู่เนืองๆ บางครั้งคุมสมัครพรรคพวกเที่ยวป ล้นแย่งชิงทรัพย์สินพลเมืองก็มี นอกจากนี้ความยังปรากฏว่าบรรดาพ วกพ่อค้าแม่ค้าที่อยู่ในท้องที่ อำเภอพลอย แหวนซึ่งเคยน้ำสินค้ามาจำหน่ายข ายให้แก่พลเมืองทางท้องที่อำเภอ เมืองแล้ว พวกคณะอั้งยี่ทางฝ่ายคณะงี่เฮ็ง ก็ประกาศห้ามปราม.............. .. และ ความเดือดร้อนทั้งนี้ไม่ได้มีแต ่พลเมืองฝ่ายเดียวเลยพลอยทำให้ก องทหาร ฝรั่งเศสก็มีส่วนได้รับความเดือ ดร้อนด้วยเหมือนกัน กล่าวคือกองทหารฝรั่งเศสก็ต้องอ าศัยสินค้าจากพ่อค้าแม่ค้าทางเข ตอำเภอพลอย แหวนเหมือนกันเมื่อความเดือดร้อ นของพลเมืองตลอดจนกองทหารฝรั่งเ ศสไม่ได้รับ ความสะดวกเช่นนี้แล้ว.......... . ก็ มาขอร้องให้ทางบ้านเมืองจัดการป ราบปรามแต่เวลานั้นทางฝ่ายบ้านเ มืองก็ไม่มี กำลังพาหนะ ตำรวจหรือพลตระเวนอย่างใดที่จะท ำการระงับปราบปรามอั้งยี่ให้เป็ นที่เรียบ ร้อยได้ จึงนับว่ายุคนั้นที่จันทบุรีแม้ แต่ตามถนนตลาดประชาชนพลเมืองก็ม ีความหวาด เกรงภัยของคณะอั้งยี่อยู่ถ้วนหน ้า........... ทาง ฝ่ายบ้านเมืองจึงได้ปรึกษาทำควา มตกลงกับกองทหารฝรั่งเศสผลที่สุ ดฝ่ายกองทหาร ฝรั่งเศสจัดกำลังทหารฝรั่งเศสมอ บให้แก่ทางบ้านเมืองทำการปราบปร ามจับกุม อั้งยี่ทั้งสองคณะนี้โดยความร่ว มมือกับพนักงานฝ่ายบ้านเมืองออก เที่ยวสืบจับ ตามตำบลต่างๆ มีตำบลบางกะจะ ตำบลวัดใหม่และที่แห่งอื่นๆ เป็นต้น เจ้าพนักงานฝ่ายไทยที่ควบคุมทหา รฝรั่งเศสและพลเมืองออกไปสืบจับ พวกอั้งยี่ นั้นคือท่านพระยาเดชานุชิตเป็นห ัวหน้า หลวงพรหมเสนากับหลวงศรีรองเมือง เป็นผู้ช่วยทำการจับกุมอั้งยี่ท ั้งสองคณะได้ พรรคพวกและหัวหน้าสำคัญหลายคนมี นายอำภณและนายง่วนเส็งเป็นต้น แล้วจัดการนำตัวส่งไปกรุงเทพฯ ต่อมาปรากฏว่าหัวหน้ากับพรรคพวก ถูกรับพระราชอาญาจองจำกักขังไว้ หลายๆ ปี ตั้งแต่นั้นมาสมาคมอั้งยี่ก็แตก หมู่แตกคณะควบคุมกันไม่ติดและไม ่มีสมาคมใด ที่คิดตั้งคณะอั้งยี่ขึ้นมาอีก นับว่าเหตุการณ์เรื่องอั้งยี่เป ็นปกติเรียบร้อยมาจนบัดนี้ นอกจากความเรื่องอั้งยี่ที่กล่า วไปแล้วบันทึกจะหมายเหตุของหลวง สาคร คชเขต หน้า 203 ยังได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่จีน ง่วนเส็ง ไปทำร้ายร่างกายผู้พิพากษาบาดเจ ็บ โดยเหตุการณ์ตอนนี้เป็นช่วงที่ฝ รั่งเศสมอบเมืองจันทบุรีคืนแก่ส ยามใน พ.ศ.2447 หลังจากยึดไว้นานถึง 11 ปีแต่ก็ยังไม่ไปไหนกำลังทหารที่ ถอนจากจันทบุรีก็ไปยึดเมืองตราด ไว้ต่อ ฝรั่งเศสยึดเมืองตราดนาน 3 ปีจนที่สุดสยามต้องแลกตราดและเก าะกูด กลับคืนมาโดยตัดเฉือนที่ฝั่งขวา แม่น้ำโขงด้านตรงข้ามหลวงพระบาง อันเป็นแขวง ไชยะบุรีในปัจจุบันรวมทั้งเสียม ราฐ ศรีโสภณ พระตะบองในเขมรให้ไป เหตุการณ์ตอนที่ฝรั่งย้ายไปยึดเ มืองตราดจึงมีข้าราชการไทยที่โย กย้าย กลับมา บ้างก็สมัครใจอยู่ที่เดิมหลวงสา ครคชเขตได้กล่าวถึง ผู้พิพากษาท่านหนึ่งที่ เกี่ยวข้องเป็นค่ากรณีกับจีนง่ว นเส็ง ความว่า “มีข้าราชการบางคนสมัครคงอยู่ใน จังหวัดตราดก็มีบ้างดังเช่น หลวงวิพิธพจนการ ผู้พิพากษาศาลคนหนึ่งเป็นผู้มีเ คหสถานบ้านเรือนแลเรือกสวนไร่นา อยู่มากจะ ละทิ้งฐานเดิมไปก็รู้สึกเสียดาย จึงคงอยู่ที่จังหวัดตราดต่อไปชั ่วคราวต่อมา ภายหลังหลวงวิพิธพจนการเห็นว่าก ารอยู่กับฝรั่งเศสจะไม่เป็นผลดี ต่อไปแล้วจึง ได้อพยพย้ายครอบครัวมาตั้งอยู่ท ี่บ้านตลาดขวาง จังหวัดจันทบุรีแลต่อมาก็ประจวบ เวลานั้นอำเภอขลุงได้ยกขึ้นเป็น จังหวัดแลขาด ตัวผู้พิพากษาอยู่ พระยานครไภยพิเฉทซึ่งเป็นอธิบดี ผู้พิพากษาเห็นเป็นโอกาสดีจึงได ้ขออนุญาต กระทรวงยุติธรรมให้หลวงวิพิธฯเป ็นผู้พิพากษาศาลเมืองขลุงบุรีตั ้งแต่นั้นมา ระหว่างที่หลวงวิพิธฯ พักอยู่ที่จังหวัดจันทบุรีก่อนย ังไม่ได้รับตำแหน่งผู้พิพากษาศา ลเมืองขลุงนั้น ได้ถูกนายง่วนเส็ง (เชิงอรรถของหลวงสาครระบุว่า คือคนๆเดียวกันกับที่ปรากฏเรื่อ งอั้งยี่) หัวหน้าอั้งยี่คณะงี่เฮ็ง ให้พรรคพวกทำร้ายร่างกายบาดเจ็บ ทั้งนี้ปรากฏว่านายง่วนเส็งมีคว ามเจ็บแค้นหลวงวิพิธฯ ตั้งแต่ครั้งเป็นผู้พิพากษาศาลจ ังหวัดตราดก่อนสมัยฝรั่งเศสปกคร องได้ตัดสิน คดีความจำคุกพวกอั้งยี่คณะของเข า การที่หลวงวิพิธฯ ถูกพรรคพวกนายง่วนเส็งทำร้ายครั ้งนั้นผลที่สุดการสืบสวนจับกุมค ้นร้ายไม่ได้ ทั้งไม่มีหลักฐานอะไรด้วย ตกลงว่าหลวงวิพิธฯถูกทำร้ายเปล่ า เมื่อพิจารณาเปรียบถ้อยคำในจดหม ายเหตุฯของหลวงสาครคชเขตซึ่งเป็ นหลัก ฐานชั้นต้นที่มีอยู่ทั้งหมดตามท ี่คัดลอกมามีข้อสังเกตดังนี้ 1.จดหมายเหตุระบุชื่อจีน ง่วนเส็ง แต่ประวัติที่เผยแพร่ของตระกูลช ินวัตรระบุว่าปู่ทวดชื่อ ชุ่นเส็ง 2.ในจดหมายเหตุไม่ระบุนามสกุล แต่ข่าวสารที่เผยแพร่ไปเรื่องอั ้งยี่เมืองจันทน์ เติมนามสกุลแซ่คู ให้กับ จีนง่วนเส็ง 3.ประวัติตระกูลชินวัตรไม่เคยกล ่าวถึงบิดาของคูชุ่นเส็ง บอกเพียงว่าปู่ทวดชุ่นเส็งเดินท างจากกวางตุ้งมาขึ้นบกที่เมืองจ ันทบุรี แต่ในจดหมายเหตุของหลวงสาครระบุ ชื่อบิดาของ จีนง่วนเส็งว่าชื่อ นายเช้า สัญชาติจีน ดังนั้นหากพิจารณาเฉพาะหลักฐานถ ้อยคำในจดหมายเหตุ หัวหน้าอั้งยี่ชื่อ “ง่วนเส็ง” ไม่น่าจะเป็นคนเดียวกับ “คูชุ่นเส็ง” ผู้ที่ต่อมาอพยพครอบครัวจากบางก ะจะ เมืองจันทบุรีไปอยู่เชียงใหม่แล ะเปลี่ยนสกุลเป็นชินวัตรในเวลาต ่อมาก็ได้ อย่างไรก็ตามเมื่อมองเหตุการณ์แ วดล้อม ดูเงื่อนไขประกอบ และระยะเวลา (Time Line) ของจีนง่วนเส็งมีเหตุทำร้ายร่าง กายผู้พิพากษาและมีบทบาทในแวดวง คนจีนบ้านบาง กะจะเมืองจันทบุรี ย่อมอยู่ในยุคสมัยเดียวกับ คูชุ่นเส็ง ซึ่งก็ปักหลักสร้างหลักฐานอยู่ท ี่บ้านบางกะจะ เมืองจันทบุรีเหมือนกัน หาก จีนง่วนเส็ง ตั้งตัวเป็นหัวหน้าอั้งยี่คณะงี ่เฮ็ง รวบรวมสมัครพรรคพวกคนเชื้อสายจี นมีพื้นที่เคลื่อนไหวในเขตบางกะ จะในช่วง พ.ศ.2436-38 ย่อมน่าสนใจว่าในตอนนั้นบรรพบุร ุษตระกูลชินวัตรผู้มีถิ่นฐานบ้า นบางกะจะที่ ชื่อ คูชุ่นเส็ง มีบทบาทใด และหากจะสวมวิญญาณนักจินตนาการป ระสาคอหนังฮอลลีวูดปะติดปะต่อผู กตำนานใหม่ขึ้นมาอาจจะเป็นเนื้อ เรื่องว่า... เมื่อกว่า 100 ปีก่อนจีนง่วนเส็งนายอั้งยี่คณะ งี่เฮ็งแห่งบ้านบางกะจะ ตั้งตัวขึ้นมาจากการเป็นผู้นำชา วจีนในยุคที่อำนาจการปกครองของส ยามกับ ฝรั่งเศสทับซ้อนกันอยู่ ตั้งสมาคมองค์กรปกครองดูแลชาวจี นด้วยกันซึ่งเป็นเรื่องปกติมากส ำหรับ ธรรมเนียมของคนจีนโพ้นทะเล แต่ต่อมาเกิดวิวาทกับสมาคมชาวจี นอีกคณะทำให้ถูกจับกุมคุมขังแต่ ก็ยังมีสถานะ เป็นระดับแกนนำของชาวจีนในท้องถ ิ่น จนกระทั่งเขาเกิดมีวิวาทกับขุนน างผู้กำลังจะรับตำแหน่งผู้พิพาก ษาด้วยสำคัญ ผิดว่าขุนนางผู้นั้นไม่ได้รับรา ชการแล้ว ทำให้ต้องอพยพหนีคดีพาครอบครัวล ี้ภัยไปอยู่เมืองเหนือ เปลี่ยนชื่อเรียกเสียใหม่เพื่อล บอดีตติดตัวจากเมืองจันทน์ นิยายแต่งใหม่เรื่องนี้คงน่าสนุ กไม่น้อยเพราะโยงเอาบรรพบุรุษขอ งนายก รัฐมนตรี 2 คนไปผูกโยงกับเรื่องราวอั้งยี่เ มืองจันทบุรีในยุคที่อำนาจการปก ครองของสยาม ไม่มั่นคงแถมฝรั่งเศสมาตั้งกำลั งเป็นอำนาจทับซ้อนปกครองอยู่ ประวัติศาสตร์คงจะเล่นตลกไม่น้อ ยหากจีนง่วนเส็งนายอั้งยี่ มาเป็น คูชุ่นเส็งนายอากรเชียงใหม่ !!!? มันจะไม่เล่นตลกได้ยังไงเพราะหล วงวิพิธพจนการผู้พิพากษาที่ถูกท ำร้าย คนคนดังกล่าวเป็นคนเดียวกับ หลวงวิพิธพจนการ (แจ่ม สูตะบุตร) ผู้เป็นคุณตาของ พ.ญ.สดใส เวชชาชีวะ (สกุลเดิมสูตะบุตร) มารดาของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือนัยหนึ่ง หลวงวิพิธพจนการเป็นคุณตาทวด ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนั่นเอง ซึ่งก็หมายถึงว่าก๋งของอดีตนายก ฯทักษิณ ชินวัตร ชื่อ คูชุ่นเส็ง-จีนง่วนเส็ง เคยมีกรณีวิวาทขนาดส่งลูกน้องไป ทำร้ายร่างกายตาทวดของ อดีตนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เหตุเกิดที่เมืองจันทบุรี ในช่วงพ.ศ. 2449-2450 โดยประมาณ !! แต่เหตุการณ์ในโลกของความเป็นจร ิงจะเป็นดั่งเช่นที่ผูกนิยายที่ กล่าว มาข้างต้นหรือไม่ ก็ต้องมาดูประวัติชีวิตของคูชุ่ นเส็งตลอดถึงเหตุการณ์แวดล้อมเม ื่อ 100 ปีก่อนโน้นกันเพื่อมาชั่งน้ำหนั กว่าตำนานอั้งยี่เมืองจันทน์ที่ เผยแพร่ใน อินเตอร์เน็ตนั้นตรงกับข้อเท็จจ ริงแค่ไหนเพียงใด ตอนหน้าจะมาวิเคราะห์เรื่องราวช ีวิตของ คูง่วนเส็ง ช่วงที่อยู่ในเมืองจันทบุรีก่อน จะอพยพโยกย้ายมาเชียงใหม่ซึ่งน่ าแปลกนะครับ ขนาดตระกูลชินวัตรเองก็แทบไม่รู ้เรื่องปู่ทวดต้นตระกูลของเขาเช ่นเดียวกัน.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น