PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ภัยเถื่อนกลางกรุง “สะพานพุทธฯ” แหล่งเสื่อมโทรม-มั่วสุม ดักจี้ปล้น


โดย ASTVผู้จัดการรายวัน3 ตุลาคม 2556 20:14 น.

        อาจเป็นเรื่องที่เคยชินของคนในย่านนั้นไปเสียแล้ว ปัญหามั่วสุม จี้ปล้น บริเวณสะพานพระพุทธยอดฟ้า หลังตกเป็นประเด็นฮือฮาอีกครั้งเมื่อมีการตั้งกระทู้ผ่านเว็บสังคมชื่อดังอย่างพันทิป “อยากจะเตือนภัยวัยรุ่นที่จะไปสะพานพุทธฯ ครับ” ชี้ให้เห็นว่าปัญหาซ้ำซากบริเวณนี้ที่ขึ้นชื่อว่าเถื่อน ยังไม่ได้รับการใส่ใจและแก้ปัญหา โดยเฉพาะคำติติงจากประชาชนที่กล่าวไปในทำนองเดียวกันว่า “ตำรวจเค้าก็เฉยๆ แจ้งความไปก็เท่านั้น” 
    
       โจ๋สะพานพุทธฯ ซ่าส์ ดักปล้น
    
        “ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เคยเที่ยวสะพานพุทธฯ มาก่อน ก็ไปมาบ่อยมากครับ แต่ไม่เคยเจอเหตุการณ์อย่างนี้เลยตกใจมากๆ ครับ เมื่อมันถึงเวลาเกิดขึ้นกับครอบครัวเรา (เรื่องเกิดขึ้น วันศุกร์ 27 กันยายน 2556 ครับ)
    
        เรื่องเกิดขึ้นกับน้องชายผมอายุราวๆ ประมาณ 15-16 ไปกับเพื่อนๆ อีกราวๆ 4คน (ผู้ชายหมด) เรื่องเกิดขึ้นว่าน้องผมกำลังคุยโทรศัพท์อยู่บนสะพานพุทธฯ สักพักมีกลุ่มวัยรุ่นไม่รู้มาจากไหนราว 10-20 คนได้ ซึ่งไม่พูดพร่ำทำเพลงเลยครับ ต่อยน้องผมก่อนเลย เสร็จแล้วตามด้วยขวดเบียร์ฟาดเข้าที่หัว หน้าซ้ำยังรุมกระทืบอีก อาวุธมีทั้ง ไม้ มีด เหล็ก พอพวกมันกระหน่ำเสร็จก็แย่งเอาโทรศัพท์ไป แล้วก็ไปกันครับ 
    
        หลายคนคงสงสัยว่าทำไมเพื่อนน้องผมไม่ช่วย ผมคิดว่าด้วยที่ว่ายังเด็กและด้วยความตกใจกัน และยังมีเวลาเพียงแปปเดียว เลยได้แต่เพียงยืนดูน่ะครับ แต่ก็ยังดีที่ส่งน้องผมไป ร.พ.ได้ครับ อาการของน้องผมหนักสุดคือ โดนกระทืบจนซี่โครงหักทิ่มปอดเลยครับ เกือบตายได้เลยครับ โดนเหล็กตีเข้าที่หัวด้านหน้าครับ โดนขวดเบียร์ตีเข้าที่หัวด้านหลังแตกครับ ฟันหน้าหักไป 2 ซี่ครับ สภาพดูไม่ได้เลย มีแผลเหมือนถูกแทงเข้าที่หลัง 2 รูครับ และแผลฟกช้ำอีกหลายจุดครับ มากๆครับ ตอนนี้น้องผมปลอดภัยดีและครับ อยู่ ร.พ นอนหยอดข้าวต้มอยู่ครับ ยังโชคดีที่ไม่ถึงตายก็เป็นอุทาหรณ์ได้เลยครับว่าไม่ควรไปอีกครั้งที่ 2”
    
        ข้อความจากกระทู้ “อยากจะเตือนภัยวัยรุ่นที่จะไปสะพานพุทธฯ ครับ” บนเว็บไซต์พันทิป ถูกเผยแพร่เมื่อราวปลายเดือนที่ผ่านมา พร้อมกับรูปภาพบาดแผลตามร่างกายของเหยื่อรายหนึ่งที่ถูกชิงทรัพย์ กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์จากชาวเน็ต เหตุการณ์ซ้ำรอยที่ไม่ควรเกิดขึ้นในแหล่งพลุกพล่านอย่าง “สะพานพุทธฯ” สอดรับกับคำกล่าวขานเมื่อนานมาแล้ว เรื่องเล่าที่ว่า บริเวณนั้นมี “มาเฟีย” คุมแก๊งอยู่
    
        ยามค่ำคืนของสะพานพุทธฯฯ ค่อนข้างคึกคักคลาคล่ำไปด้วยผู้คนเนื่องด้วยมีตลาดค้าขายสินค้าหลากหลายชนิด จนกระทั่งที่นี่ได้ฉายาว่าเป็นตลาดมืด ไม่ใกล้ไม่ไกลเป็นศูนย์รวมสินค้าสดอย่างดอกไม้และผลไม้หรือปากคลองตลาด เหล่าวัยรุ่นวัยโจ๋มักเลือกมุมวิวดีกลางสะพานจับกลุ่มซ่องสุม โดยที่คนธรรมดาคงมิอาจแยกออกว่าเป็นเด็กเที่ยวเตร็ดเตร่ทั่วไปหรือเป็นมิจฉาชีพตัวร้ายภัยของสังคม 
    
        นอกจากนั้น ยังมีข้อมูลระบุจากคนในพื้นที่ว่า ยิ่งดึก กลุ่มพวกนี้ก็ยิ่งเพิ่มจำนวนคนมากขึ้น ไม่เว้นแม้กระทั่งนักเรียนคอซองก็มักจะเลือกสถานที่เหล่านี้มาจับกลุ่มเฮฮา “บ้างมานั่งกินเหล้า บางทีก็เห็นคู่รักมาจู๋จี๋กัน บางทีก็มีนักเรียนมาตีกัน สารพัดอย่าง แล้วแต่ละคนนี่ก็ยังเป็นเด็กๆ อยู่เลยนะ” แหล่งข้อมูลอีกด้านที่เคยแวะเวียนมาก็ระบุว่า ขอมาครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย เพราะเข็ด!! หลังต้องตกอยู่ในสถานการณ์เฉียดตาย
    
        “เคยไปเดินซื้อของกับเพื่อนที่สะพานพุทธฯ เขาว่ากันว่าของถูก ก็เลยพาไปเดินช็อปปิ้ง ระหว่างที่เดินดูของกัน ก็มีกลุ่มวัยรุ่นตีกัน วิ่งไล่กันเสียงดังน่ากลัวมาก เห็นๆ เลย วัยรุ่นคนหนึ่งถือมีดเล่มยาว วิ่งกันมาเป็นกลุ่ม ในใจตอนนั้นชัวร์เลยว่าต้องมีเรื่องกันแน่ๆ เพราะเห็นผู้คนเริ่มแตกตื่น และวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น เรากับเพื่อนก็วิ่งหนีเช่นกัน ระหว่างนั้นก็มีเสียงระเบิด คิดว่าน่าจะเป็นระเบิดปิงปอง บอกตรงๆ กลัวตายมาก แต่สุดท้ายก็รอดมาได้ 
    
        หลังจากเกิดเหตุการณ์ในวันนั้น บอกกับเพื่อนๆ เลยว่า ขอไม่ไปเหยียบที่นั่นอีก แม้จะมีคนบอกว่าไม่มีอะไรหรอก เขาเลิกตีกันแล้ว แต่ก็เลือกที่จะไม่ไปดีกว่า ถ้าเกิดตีกันอีก แล้วถูกลูกหลงขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบ ส่วนตัวอยากให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดกว่านี้ ถ้าไม่ลงมาตรวจดู และจัดการอย่างจริงจัง ใครที่ไหนจะอยากมาเดิน
    
        ยิ่งพอมาได้ยินข่าวมีกลุ่มวัยรุ่นดักตี ชิงทรัพย์ วิ่งราวด้วยแล้ว ก็ยิ่งน่าเป็นห่วง ฝากถึงคนที่ไปเดินด้วยว่า พยายามอย่าไปเดินช่วงดึกมากๆ ระหว่างเดินซื้อของก็ควรมองซ้าย มองขวาด้วย เพราะต้องยอมรับว่า ตลาดมืดแห่งนี้กลายเป็นสถานที่อันตราย และเสี่ยงตายมากขึ้นทุกวัน บางครั้งจะไปหวังพึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเดียวก็ไม่ได้ ป้องกันตัวเองไว้ก่อนดีที่สุดครับ”
    
       เกิดซ้ำซาก เพราะตำรวจเมิน??
    
        อย่างไรก็ตาม นอกเหนือไปจากประเด็นความไม่ปลอดภัยบริเวณสะพานพุทธฯ ในยามค่ำคืนแล้ว อีกหนึ่งเสียงจากประชาชนคือ ความบกพร่องหละหลวมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยถูกติติงผ่านโลกอินเทอร์เน็ตว่าบริเวณสะพานเป็นจุดเกี่ยวเนื่องระหว่าง สน. ปากคลองสานกับสน.พระราชวัง ทั้งนี้ แหล่งข้อมูลคนในพื้นที่ระบุเพิ่มเติมว่า ความจริงแล้วก็พอมีสายตรวจคอยมาสอดส่องอยู่บ้าง แต่เหล่าวัยรุ่นก็จะรีบหลบ พอตำรวจกลับไปก็กลับขึ้นมาจับกลุ่มมั่วสุมกันต่อ 
    
        “มีอยู่วันหนึ่งผมอยู่บ้านเพื่อนย่านฝั่งธนฯ มองเห็นบนสะพานพุทธฯ มีเด็กยกพวกตีกัน แล้วได้ยินเสียงปืนด้วย พวกผมก็ได้โทร.ไปแจ้งตำรวจ แต่กว่าที่ตำรวจจะมาเรื่องมันก็เงียบไปแล้ว.... ตำรวจไทยเหมือนในหนังเลยครับมาตอนจบ” ข้อความจาก Professional Advice
    
        “บ้านอยู่แถวนี้ขอยืนยันว่าจริงครับ สมัยเปิดใหม่ๆ เมื่อสิบปีที่แล้วยังโอเค แต่เดี๋ยวนี้อย่าว่าแต่ซื้อของ เดินผ่านยังไม่ควรเลย ส่วนสน. ปากคลองสานกับพระราชวังก็เกี่ยงกันดูแล” ข้อความจาก CloudColorOfSound 
    
        “พูดเลยครับกฎหมายประเทศไทยยังแข็งไม่พอครับ และเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายของบ้านเมืองเรา อ่อนแอมากครับ” ข้อความจากสมาชิกหมายเลข 856348
    
        “บนสะพานเป็นจุดเกี่ยงกันทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 สน. มั้งครับ รู้สึกว่าเคยมีเคสแบบนี้เกิดขึ้นบนสะพาน เวลาโทร.ไปแจ้งความ ตำรวจจะมาช้าเป็นพิเศษ เพราะงงว่าใช่พื้นที่ตัวเองหรือป่าว” ข้อความจากข้าวคลุกน้ำปลา
    
        สำหรับการมั่วสุมจับกลุ่มของเด็กวัยรุ่น ไม่ได้ถือเป็นความผิดแต่อย่างใด แต่หากมีพฤติกรรมขัดต่อกฎหมาย เจ้าหน้าที่ก็สามารถจับกุมได้ทันที ในประเด็นนี้พ.ต.ท. ด.ร. กฤษณพงศ์ พูตระกูล ประธานบริหารหลักสูตรวิทยาลัยบริหารรัฐกิจและรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้ให้ความคิดเห็นที่น่าสนใจว่า
    
        “จริงๆ แล้วการที่เด็กและเยาวชนมารวมตัวกันตามสถานที่ต่างๆ เนี่ย ถ้าไม่ได้ส่งเสียงดังรบกวนอะไร ดื่มเหล้าเอะอะอะไร ไม่ได้ไปรบกวน สร้างความลำบากเดือดร้อนให้กับคนที่สัญจรผ่านไป-มา แถวนั้น ความผิดทางกฎหมายก็อาจยังไม่ชัดเจนครับ แต่ถ้าเกิดรวมตัวกันแล้วมีการพกอาวุธมีด มาจี้, ปล้น, เสพยาเสพติด หรือดมกาว อันนี้ก็จะมีความผิดตามกฎหมาย เพราะว่าสิ่งเหล่านี่มีกฎหมายบัญญัติห้ามไว้” 
    
       เปิดต้นตอแหล่งมั่วสุมกลางสะพาน
    
        หลายคนที่เดินผ่านไป-มา บริเวณนั้น อาจมองว่าเด็กวัยรุ่นที่มาจับกลุ่มนั่งดื่มเหล้า สูบบุหรี่ เป็นปัญหาหนักใจของสังคม แต่จากการประสบการณ์ที่เคยได้สัมผัสเด็กเหล่านี้อย่างใกล้ชิด พ.ต.ท. ด.ร. กฤษณพงศ์ จึงมีความคิดเห็นที่ต่างไป โดยมุ่งหวังแก้ปัญหาจากต้นตอ เรื่องของครอบครัวของเด็กเหล่านี้ มากกว่าการใช้มาตรการบีบบังคับอันจะยิ่งทำให้เด็กเหล่านี้ก่อปัญหามากกว่าเดิม 
    
        “จากที่ผมเคยลงพื้นที่สำรวจตรงนั้นเลยนะครับตรงสะพานพุทธฯ เมื่อประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นผมกำลังสนใจเรื่องปัญหาอาชญากรรมของเด็กเร่ร่อน สิ่งหนึ่งที่ผมเคยได้ไปดูมานะครับ พบว่าเด็กเหล่านี้ส่วนมากไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง แต่ว่าที่เค้าไปมั่วสุมกันส่วนหนึ่งก็จะเกี่ยวเนื่องกับเรื่องดมกาว หรือยาเสพติดบางส่วน 
    
        ประเด็นที่ถามว่าพวกเขาเหล่านี้มาจากไหน มามั่วสุมกันเพราะอะไร ตรงนี้มันมีหลายปัจจัย ส่วนแรกคือโครงสร้างทางสังคมของบ้านเรา หมายความว่าครอบครัวอาจจะไม่พร้อมขณะที่มีบุตร หรือถูกเลี้ยงโดยญาติพี่น้องก็ดูแลไม่เต็มที่ หรือพ่อ-แม่ไม่มีเวลา เค้าก็จะออกมาอยู่กับเพื่อนข้างนอกบ้าน ประการที่สองก็อาจเป็นเด็กที่มีปัญหากับครอบครัว บางครั้งพ่อ-แม่ไม่เข้าใจพฤติกรรมของวัยรุ่น ก็อาจจะถูกเพื่อนชักจูงกันไปได้ ซึ่งเราก็ต้องเข้าใจว่าเป็นเรื่องธรรมดาของเด็กวัยรุ่นนะครับ อยากจะรู้ อยากลอง อยากท้าทาย” 
    
        ทั้งนี้ จากที่ทีมงาน ASTV ผู้จัดการ Live ได้สำรวจพื้นที่บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาอื่นๆ ก็พบว่า มีปัญหาการมั่วสุมของเยาวชนบ้างประปราย แต่ที่น่าสังเกตคือบริเวณสะพานกรุงธนนั้น มีการจับกลุ่มของนักศึกษาที่คาดว่าน่าจะเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยราชภัฏสองแห่งที่อยู่ในบริเวณเดียวกัน นอกจากนั้นรศ.ดร.สุณีย์ กัลยะจิตร ประธานคณะกรรมการบริหารงานหลักสูตรปริญญาเอก สาขาอาชญาวิทยาการบริหารงานยุติธรรมและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล มองว่า ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ใดก็สามารถเกิดการมั่วสุมได้ทุกแห่ง 
    
        “จริงๆ แล้วกรณีการมั่วสุม และการรวมตัวของเหล่าเยาวชน มันก็มีทุกที่นั่นแหละ เพียงแต่ลักษณะของการมั่วสุมรูปแบบในปัจจุบันมันค่อนข้างที่จะเปลี่ยนไป เช่นการมั่วสุมแล้วไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เรื่องของการอยากได้ทรัพย์ต่างๆ ก็เป็นช่องที่จะทำให้พวกเขาชิงทรัพย์
    
        ส่วนแหล่งมั่วสุมมันก็มีทั่วทุกที่ในกรุงเทพฯ ซึ่งภาครัฐเองก็ต้องมีการจัดการปรับปรุงสภาพสิ่งแวดล้อม จุดอับต่างๆ ที่ไม่มีไฟฟ้า หรือจุดที่เป็นที่รกร้างให้ดูสะอาด ซึ่งถ้าสังเกตดีๆ แล้ว บริเวณสะพานพุทธฯ จะมีปัญหาเรื่องของไฟส่องสว่าง ตรงบันไดทั้งสองข้าง และสวนหย่อม ซึ่งคิดว่าบริเวณนั้นยังสว่างไม่เพียงพอ”
    
        อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ใดหากอยู่ในสถานที่สาธารณะ ควรหรือไม่?? กับการมั่วสุมประพฤติไม่ดี และตำรวจควรจะต้องหามาตรการสอดส่องตรวจตราเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายได้อย่างไร

ไม่มีความคิดเห็น: