PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ไพศาล ติง กกต.ประกาศลต.ใหม่เองไม่ได้

“ไพศาล” ติง กกต. ให้ทำตัวเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ เตือนไม่มีอำนาจประกาศเลือกตั้งใหม่เอง 

นายไพศาล พืชมงคล อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เปิดเผยกับสื่อมวลชนเมื่อเช้าวันนี้ เตือน กกต. ให้ทำตัวเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง อย่าทำให้สังคมกังขาว่ายอมซุกอยู่ใต้กระโปรงรัฐบาลรักษาการ พร้อมเตือน กกต.ไม่มีอำนาจประกาศรับสมัครเลือกตั้งใหม่ตามที่รัฐบาลบงการ 

นายไพศาล พืชมงคล กล่าวว่า กกต.เป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ มีอำนาจหน้าที่จัดการการเลือกตั้งให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย และต้องจัดการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ขณะนี้รัฐบาลได้แสดงท่าทีกดดันให้ กกต.ประกาศจัดการรับสมัครรับเลือกตั้ง 18 เขตเลือกตั้ง และให้จัดการเลือกตั้งให้เสร็จภายในวันที่ 7 มีนาคม 2557 นอกจากนั้น ยังยอมให้รัฐบาลรักษาการและบริวารข่มขู่คุกคามทั้ง กกต.กลาง และ กกต.เขต จนเห็นได้ชัดว่าจะทำให้เกิดความหวั่นไหว หวาดกลัว ทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม จึงขอย้ำเตือนให้ กกต. ตั้งตนเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง อย่าทำตัวเป็นลูกไล่ และกล้าหาญที่จะใช้อำนาจตามที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายบัญญัติ เพื่อทำให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ต้องกล้าแจกใบเหลือง ใบแดง ต้องกล้าที่จะดำเนินการให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยถูกต้อง กล้าที่จะแก้ไขสิ่งที่ผิด 

นายไพศาล พืชมงคล กล่าวว่าขณะนี้มีความไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมายในการเลือกตั้งในประการที่สำคัญดังต่อไปนี้คือ 

ประการแรก การรับสมัครรับเลือกตั้งขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมายอย่างน้อย 2 เรื่องคือ มีการสมคบกัน 8 พรรคลักหลับสมัครตอนตีสาม ผิดเวลาที่ประกาศรับสมัคร มีการรับสมัครเลือกตั้งนอกพื้นที่ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และมีการสมคบกันลักหลับ ใช้เฮลิคอปเตอร์ของหลวงขนผู้สมัครพรรคเดียวไปลักหลับสมัครตอนตีสี่ ในค่าย ตชด. 

ประการที่สอง มี 18 เขตเลือกตั้งรับสมัครเลือกตั้งไม่ได้ และไม่ประกาศขยายเวลาการสมัครรับเลือกตั้งใหม่ตามอำนาจหน้าที่ จนล่วงพ้นเวลาที่จะรับสมัครเลือกตั้งแล้วก็ไม่ดำเนินการ และบังอาจจัดการเลือกตั้งโดยไม่มีการเลือกตั้ง 18 เขตเลือกตั้ง อันเป็นการฝ่าฝืนต่อรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน เป็นการสมรู้ สมยอมกันระหว่าง กกต.กับรัฐบาล ทั้งๆที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหนทางปฏิบัติไว้ชัดเจนแล้วก็ไม่ปฏิบัติ

ประการที่สาม ปล่อยให้มีการทุจริตในการเลือกตั้งอย่างคึกคักครึกโครม เช่น การใช้ทรัพย์สินและบุคลากรของรัฐเพื่อประโยชน์ในการเลือกตั้ง แต่ไม่ดำเนินการแจกใบเหลือง ใบแดง ทั้งที่กฎหมายบัญญัติให้ต้องไต่สวน และมีคำสั่งโดยพลัน 

ประการที่สี่ ยอมให้นักการเมืองที่สมัครรับเลือกตั้งข่มขู่คุกคามและกดดัน กระทั่งต้องยอมเข้าไปหา และยอมปฏิบัติตามการข่มขู่คุกคามนั้น ไม่ตั้งอยู่ในความสุจริตและเที่ยงธรรม 

ประการที่ห้า ไม่จัดการเลือกตั้งล่วงหน้าให้แล้วเสร็จก่อนการเลือกตั้งทั่วไป กลับดึงดันที่จะจัดการเลือกตั้งล่วงหน้าหลังวันเลือกตั้งทั่วไปแล้ว ซึ่งผิดรัฐธรรมนูญ 

ประการที่หก ยอมให้รัฐบาลรักษาการกดดันข่มขู่ให้จัดการเลือกตั้ง 18 เขตเลือกตั้งใหม่ โดยให้ประกาศเลือกตั้งเอง ทำให้เป็นการเลือกตั้งสองหน และ กกต.ไม่มีอำนาจที่จะกำหนดการรับสมัครเลือกตั้งใหม่หลังการเลือกตั้งทั่วไปเสร็จแล้ว เพราะมีแต่อำนาจให้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งใหม่ หากการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งไม่เรียบร้อยหรือมีการทุจริต แม้รัฐบาลจะอ้างคณะกรรมการกฤษฎีกาก็ไม่มีผลผูกมัด กกต. ที่จะต้องยอมทำผิดรัฐธรรมนูญ 

นายไพศาล พืชมงคล กล่าวว่าการเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 มีความไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมายมายมายหลายสถาน จะแก้ไขอย่างไรก็ไม่มีทางสำเร็จเพราะไม่มีทางแก้ไขความเป็นโมฆะและความผิดกฎหมายทุกประการนั้นได้ ทางออกที่เหลืออยู่ทางเดียวก็คือ กกต.ต้องไปยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้วินิจฉัยว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมาเป็นโมฆะ ซึ่ง กกต. อาจต้องระบุผู้รับผิดชอบด้วย เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไปพร้อมกัน เมื่อการเลือกตั้งเป็นโมฆะแล้ว กกต. จึงมีสิทธิ์ที่จะจัดการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญจะได้กำหนดว่าจะต้องออกพระราชกฤษฎีกาใหม่หรือไม่ 

นายไพศาล พืชมงคล กล่าวอีกว่ารัฐบาลใหม่ที่จะเข้ารับตำแหน่งหลังการเลือกตั้งนั้น มีอยู่สองความหมาย คือ คณะรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง และคณะรัฐมนตรีที่มาจากรัฐธรรมนูญมาตรา 7 ดังนั้นเมื่อครบกำหนดเวลาที่รัฐบาลรักษาการจะอยู่ในอำนาจแล้ว ไม่สามารถประกาศผลการเลือกตั้งได้ ก็เป็นหน้าที่ของผู้มีหน้าที่ที่จะนำความกราบบังคมทูลเพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เพื่อตั้งคณะรัฐมนตรีเข้าบริหารราชการแผ่นดินต่อไป ในกรณีนี้คณะรัฐมนตรีใหม่จะมีอำนาจเต็มตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ เพราะไม่ใช่รัฐบาลรักษาการ ในขณะที่ กกต.ก็จะต้องจัดการเลือกตั้งต่อไปตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ.

http://www.paisalvision.com/news/paisal-new/11145-2014-02-19-05-01-05.html
“ไพศาล” ติง กกต. ให้ทำตัวเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ เตือนไม่มีอำนาจประกาศเลือกตั้งใหม่เอง 

นายไพศาล พืชมงคล อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เปิดเผยกับสื่อมวลชนเมื่อเช้าวันนี้ เตือน กกต. ให้ทำตัวเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง อย่าทำให้สังคมกังขาว่ายอมซุกอยู่ใต้กระโปรงรัฐบาลรักษาการ พร้อมเตือน กกต.ไม่มีอำนาจประกาศรับสมัครเลือกตั้งใหม่ตามที่รัฐบาลบงการ 

นายไพศาล พืชมงคล กล่าวว่า กกต.เป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ มีอำนาจหน้าที่จัดการการเลือกตั้งให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย และต้องจัดการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ขณะนี้รัฐบาลได้แสดงท่าทีกดดันให้ กกต.ประกาศจัดการรับสมัครรับเลือกตั้ง 18 เขตเลือกตั้ง และให้จัดการเลือกตั้งให้เสร็จภายในวันที่ 7 มีนาคม 2557 นอกจากนั้น ยังยอมให้รัฐบาลรักษาการและบริวารข่มขู่คุกคามทั้ง กกต.กลาง และ กกต.เขต จนเห็นได้ชัดว่าจะทำให้เกิดความหวั่นไหว หวาดกลัว ทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม จึงขอย้ำเตือนให้ กกต. ตั้งตนเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง อย่าทำตัวเป็นลูกไล่ และกล้าหาญที่จะใช้อำนาจตามที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายบัญญัติ เพื่อทำให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ต้องกล้าแจกใบเหลือง ใบแดง ต้องกล้าที่จะดำเนินการให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยถูกต้อง กล้าที่จะแก้ไขสิ่งที่ผิด 

นายไพศาล พืชมงคล กล่าวว่าขณะนี้มีความไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมายในการเลือกตั้งในประการที่สำคัญดังต่อไปนี้คือ 

ประการแรก การรับสมัครรับเลือกตั้งขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมายอย่างน้อย 2 เรื่องคือ มีการสมคบกัน 8 พรรคลักหลับสมัครตอนตีสาม ผิดเวลาที่ประกาศรับสมัคร มีการรับสมัครเลือกตั้งนอกพื้นที่ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และมีการสมคบกันลักหลับ ใช้เฮลิคอปเตอร์ของหลวงขนผู้สมัครพรรคเดียวไปลักหลับสมัครตอนตีสี่ ในค่าย ตชด. 

ประการที่สอง มี 18 เขตเลือกตั้งรับสมัครเลือกตั้งไม่ได้ และไม่ประกาศขยายเวลาการสมัครรับเลือกตั้งใหม่ตามอำนาจหน้าที่ จนล่วงพ้นเวลาที่จะรับสมัครเลือกตั้งแล้วก็ไม่ดำเนินการ และบังอาจจัดการเลือกตั้งโดยไม่มีการเลือกตั้ง 18 เขตเลือกตั้ง อันเป็นการฝ่าฝืนต่อรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน เป็นการสมรู้ สมยอมกันระหว่าง กกต.กับรัฐบาล ทั้งๆที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหนทางปฏิบัติไว้ชัดเจนแล้วก็ไม่ปฏิบัติ 

ประการที่สาม ปล่อยให้มีการทุจริตในการเลือกตั้งอย่างคึกคักครึกโครม เช่น การใช้ทรัพย์สินและบุคลากรของรัฐเพื่อประโยชน์ในการเลือกตั้ง แต่ไม่ดำเนินการแจกใบเหลือง ใบแดง ทั้งที่กฎหมายบัญญัติให้ต้องไต่สวน และมีคำสั่งโดยพลัน 

ประการที่สี่ ยอมให้นักการเมืองที่สมัครรับเลือกตั้งข่มขู่คุกคามและกดดัน กระทั่งต้องยอมเข้าไปหา และยอมปฏิบัติตามการข่มขู่คุกคามนั้น ไม่ตั้งอยู่ในความสุจริตและเที่ยงธรรม 

ประการที่ห้า ไม่จัดการเลือกตั้งล่วงหน้าให้แล้วเสร็จก่อนการเลือกตั้งทั่วไป กลับดึงดันที่จะจัดการเลือกตั้งล่วงหน้าหลังวันเลือกตั้งทั่วไปแล้ว ซึ่งผิดรัฐธรรมนูญ 

ประการที่หก ยอมให้รัฐบาลรักษาการกดดันข่มขู่ให้จัดการเลือกตั้ง 18 เขตเลือกตั้งใหม่ โดยให้ประกาศเลือกตั้งเอง ทำให้เป็นการเลือกตั้งสองหน และ กกต.ไม่มีอำนาจที่จะกำหนดการรับสมัครเลือกตั้งใหม่หลังการเลือกตั้งทั่วไปเสร็จแล้ว เพราะมีแต่อำนาจให้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งใหม่ หากการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งไม่เรียบร้อยหรือมีการทุจริต แม้รัฐบาลจะอ้างคณะกรรมการกฤษฎีกาก็ไม่มีผลผูกมัด กกต. ที่จะต้องยอมทำผิดรัฐธรรมนูญ 

นายไพศาล พืชมงคล กล่าวว่าการเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 มีความไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมายมายมายหลายสถาน จะแก้ไขอย่างไรก็ไม่มีทางสำเร็จเพราะไม่มีทางแก้ไขความเป็นโมฆะและความผิดกฎหมายทุกประการนั้นได้ ทางออกที่เหลืออยู่ทางเดียวก็คือ กกต.ต้องไปยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้วินิจฉัยว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมาเป็นโมฆะ ซึ่ง กกต. อาจต้องระบุผู้รับผิดชอบด้วย เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไปพร้อมกัน เมื่อการเลือกตั้งเป็นโมฆะแล้ว กกต. จึงมีสิทธิ์ที่จะจัดการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญจะได้กำหนดว่าจะต้องออกพระราชกฤษฎีกาใหม่หรือไม่ 

นายไพศาล พืชมงคล กล่าวอีกว่ารัฐบาลใหม่ที่จะเข้ารับตำแหน่งหลังการเลือกตั้งนั้น มีอยู่สองความหมาย คือ คณะรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง และคณะรัฐมนตรีที่มาจากรัฐธรรมนูญมาตรา 7 ดังนั้นเมื่อครบกำหนดเวลาที่รัฐบาลรักษาการจะอยู่ในอำนาจแล้ว ไม่สามารถประกาศผลการเลือกตั้งได้ ก็เป็นหน้าที่ของผู้มีหน้าที่ที่จะนำความกราบบังคมทูลเพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เพื่อตั้งคณะรัฐมนตรีเข้าบริหารราชการแผ่นดินต่อไป ในกรณีนี้คณะรัฐมนตรีใหม่จะมีอำนาจเต็มตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ เพราะไม่ใช่รัฐบาลรักษาการ ในขณะที่ กกต.ก็จะต้องจัดการเลือกตั้งต่อไปตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ.

http://www.paisalvision.com/news/paisal-new/11145-2014-02-19-05-01-05.html

ไม่มีความคิดเห็น: