โอกาสสุดท้าย?
ถ้าเราลองมองย้อนกลับไปวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๖ เราจะเห็นทางออกจากวิกฤติบ้านเมืองวันนี้
วันนั้นคือวันที่มีการพิจารณากฎหมายนิรโทษกรรมครั้งแรกในสภาฯ ประชาธิปัตย์ได้ปราศรัยข้ามคืนที่ลานใต้ทางด่วนอุรุพงษ์ และในเช้าวันรุ่งขึ้น คุณอภิสิทธิ์ คุณชวน คุณบัญญัติ และคุณสุเทพได้เดินนำประชาชนจำนวนหลายพันคนไปสภาฯ เราได้หลีกเลี่ยงที่จะมีการปะทะโดยการหยุดขบวนหน้าด่านตำรวจ และมวลชนได้สลายตัวในขณะที่เหล่าส.ส.ได้เดินต่อเพื่อทำหน้าที่คัดค้านในสภาฯ
(ก่อนยุคที่กำนันพาเดินวันละเป็นสิบกิโลจนชิน วันนั้นจำได้ได้ว่าทุกคนบ่นว่าเดินกันไกลจัง!)
พวกเราทุกคนพยายามที่จะแนะนำให้รัฐบาลหลีกเลี่ยงวิกฤติที่จะเกิดขึ้น ด้วยการยกเลิกกฎหมายนิรโทษฯ และเดินหน้า 'ปฏิรูป' อย่างจริงจัง ผมได้เขียนไว้วันนั้นว่า
"ถ้าคุณทักษิณคิดว่า 'เรื่องอะไรต้องถอย เดินหน้าตอนนี้อย่างนี้ไงๆก็ชนะอยู่แล้ว' บ้านเมืองก็จะวิกฤตต่อไป และที่น่าเสียดายก็คือ เมื่อมองย้อนหลังไป ๕-๖ ปีที่ผ่านมา คุณทักษิณมีทางเลือกอย่างนี้ทีไร แกเลือกเดินไปผิดทางทุกที"
ผมพูดไว้เพิ่มเติม (เหมือนๆกับหลายๆคนที่พูดเหมือนกัน) ว่า
"จริงๆขึ้นอยู่กับว่าคุณทักษิณจะยอมถอยด้วยการถอนร่างกฎหมายออกหรือไม่
สมมติว่าไม่ยอม ทางเลือกก็คือ เราออกมาต่อต้าน พวกผมสู้ในสภาฯ และออกมาใช้สิทธิในฐานะประชาชนคนหนึ่งในการคัดค้านนอกสภาฯด้วย เราไม่ใช้ความรุนแรงอยู่แล้ว ดังนั้นวิธีเดียวที่จะเปลี่ยนใจเขาได้ก็คือมีประชาชนออกมาแสดงพลังเยอะจริงๆ"
และแล้วประชาชนก็ออกมาร่วมคัดค้านกันอย่างที่สังคมเราไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน
ส่วนในเรื่องสำคัญสุดท้ายคือการปฏิรูป ผมได้เขียนไว้วันนั้นว่า
"ส่วนการปฏิรูปนั้น ห้ามทำเพียงในเรื่องของนักการเมืองเด็ดขาด โครงสร้างสังคมวันนี้จับไปตรงไหนก็จะพบข้อบกพร่อง ภาคประชาชนเขาก็ต้องการใช้โอกาสนี้ในการ 'ปฏิรูป' ในด้านที่มีผลต่อเขา ไม่ว่าจะเป็นตุลาการ เศรษฐกิจ ตำรวจ การกระจายอำนาจ การดูแลสิ่งแวดล้อม การศึกษา ระบบราชการ หรืออื่นๆ"
เรื่องสุดท้ายนี้ยังไม่จบ และอาจจะยังไม่สายเกินไปที่ฝ่ายคุณทักษิณจะกลับตัว
เพราะผมมั่นใจว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมาจะมีผลเป็นโมฆะ และเมื่อเป็นเช่นนั้น จะเป็นโอกาสของสังคม แทนที่จะมีการประกาศวันเลือกตั้งใหม่ทันที ควรใช้โอกาสนั้นในการเดินหน้าสู่การปฏิรูปก่อน อย่าเดินซํ้ารอยความผิดพลาดเดิม ทำผิดซํ้ากี่ที ผลก็มีแต่จะออกมาเหมือนเดิม
ขอทิ้งท้ายว่าวันที่ ๗ สิงหาคม ปีที่แล้วนั้น ผมได้แสดงความกังวลไว้ ว่าความดื้อดึงของรัฐบาลจะสร้างปัญหาให้กับเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน ผมเขียนไว้ว่า "ผมมีความเห็นอย่างแรงกล้าว่า เรื่องที่รัฐบาลกำลังทำนี้ไม่ได้มีผลดีแต่อย่างใดต่อสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ถือได้ว่ามีปัญหาหมักหมมมากมาย และการละเลยปัญหาเหล่านี้ก็จะบานปลายไปกระทบกับค่าครองชีพ และความเป็นอยู่ของประชาชน ปัญหาการเมืองไม่เคยทำให้ปากท้องประชาชนดีขึ้น"
รีบคิดใหม่ครับ เร็วๆนี้เราอาจจะมีโอกาสแก้ตัวได้เป็นครั้งสุดท้าย
ถ้าเราลองมองย้อนกลับไปวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๖ เราจะเห็นทางออกจากวิกฤติบ้านเมืองวันนี้
วันนั้นคือวันที่มีการพิจารณากฎหมายนิรโทษกรรมครั้งแรกในสภาฯ ประชาธิปัตย์ได้ปราศรัยข้ามคืนที่ลานใต้ทางด่วนอุรุพงษ์ และในเช้าวันรุ่งขึ้น คุณอภิสิทธิ์ คุณชวน คุณบัญญัติ และคุณสุเทพได้เดินนำประชาชนจำนวนหลายพันคนไปสภาฯ เราได้หลีกเลี่ยงที่จะมีการปะทะโดยการหยุดขบวนหน้าด่านตำรวจ และมวลชนได้สลายตัวในขณะที่เหล่าส.ส.ได้เดินต่อเพื่อทำหน้าที่คัดค้านในสภาฯ
(ก่อนยุคที่กำนันพาเดินวันละเป็นสิบกิโลจนชิน วันนั้นจำได้ได้ว่าทุกคนบ่นว่าเดินกันไกลจัง!)
พวกเราทุกคนพยายามที่จะแนะนำให้รัฐบาลหลีกเลี่ยงวิกฤติที่จะเกิดขึ้น ด้วยการยกเลิกกฎหมายนิรโทษฯ และเดินหน้า 'ปฏิรูป' อย่างจริงจัง ผมได้เขียนไว้วันนั้นว่า
"ถ้าคุณทักษิณคิดว่า 'เรื่องอะไรต้องถอย เดินหน้าตอนนี้อย่างนี้ไงๆก็ชนะอยู่แล้ว' บ้านเมืองก็จะวิกฤตต่อไป และที่น่าเสียดายก็คือ เมื่อมองย้อนหลังไป ๕-๖ ปีที่ผ่านมา คุณทักษิณมีทางเลือกอย่างนี้ทีไร แกเลือกเดินไปผิดทางทุกที"
ผมพูดไว้เพิ่มเติม (เหมือนๆกับหลายๆคนที่พูดเหมือนกัน) ว่า
"จริงๆขึ้นอยู่กับว่าคุณทักษิณจะยอมถอยด้วยการถอนร่างกฎหมายออกหรือไม่
สมมติว่าไม่ยอม ทางเลือกก็คือ เราออกมาต่อต้าน พวกผมสู้ในสภาฯ และออกมาใช้สิทธิในฐานะประชาชนคนหนึ่งในการคัดค้านนอกสภาฯด้วย เราไม่ใช้ความรุนแรงอยู่แล้ว ดังนั้นวิธีเดียวที่จะเปลี่ยนใจเขาได้ก็คือมีประชาชนออกมาแสดงพลังเยอะจริงๆ"
และแล้วประชาชนก็ออกมาร่วมคัดค้านกันอย่างที่สังคมเราไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน
ส่วนในเรื่องสำคัญสุดท้ายคือการปฏิรูป ผมได้เขียนไว้วันนั้นว่า
"ส่วนการปฏิรูปนั้น ห้ามทำเพียงในเรื่องของนักการเมืองเด็ดขาด โครงสร้างสังคมวันนี้จับไปตรงไหนก็จะพบข้อบกพร่อง ภาคประชาชนเขาก็ต้องการใช้โอกาสนี้ในการ 'ปฏิรูป' ในด้านที่มีผลต่อเขา ไม่ว่าจะเป็นตุลาการ เศรษฐกิจ ตำรวจ การกระจายอำนาจ การดูแลสิ่งแวดล้อม การศึกษา ระบบราชการ หรืออื่นๆ"
เรื่องสุดท้ายนี้ยังไม่จบ และอาจจะยังไม่สายเกินไปที่ฝ่ายคุณทักษิณจะกลับตัว
เพราะผมมั่นใจว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมาจะมีผลเป็นโมฆะ และเมื่อเป็นเช่นนั้น จะเป็นโอกาสของสังคม แทนที่จะมีการประกาศวันเลือกตั้งใหม่ทันที ควรใช้โอกาสนั้นในการเดินหน้าสู่การปฏิรูปก่อน อย่าเดินซํ้ารอยความผิดพลาดเดิม ทำผิดซํ้ากี่ที ผลก็มีแต่จะออกมาเหมือนเดิม
ขอทิ้งท้ายว่าวันที่ ๗ สิงหาคม ปีที่แล้วนั้น ผมได้แสดงความกังวลไว้ ว่าความดื้อดึงของรัฐบาลจะสร้างปัญหาให้กับเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน ผมเขียนไว้ว่า "ผมมีความเห็นอย่างแรงกล้าว่า เรื่องที่รัฐบาลกำลังทำนี้ไม่ได้มีผลดีแต่อย่างใดต่อสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ถือได้ว่ามีปัญหาหมักหมมมากมาย และการละเลยปัญหาเหล่านี้ก็จะบานปลายไปกระทบกับค่าครองชีพ และความเป็นอยู่ของประชาชน ปัญหาการเมืองไม่เคยทำให้ปากท้องประชาชนดีขึ้น"
รีบคิดใหม่ครับ เร็วๆนี้เราอาจจะมีโอกาสแก้ตัวได้เป็นครั้งสุดท้าย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น