PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เสธน้ำเงิน: ไขปริศนา..ความลับ 5 ปี เส้นทางกฐินสามัคคีเป่าหัวหน้าแก็งค์ท่าพระจันทร์

วันที่ 26 ต.ค. 57 ไขปริศนา..ความลับ 5 ปี เส้นทางกฐินสามัคคีเป่าหัวหน้าแก็งค์ท่าพระจันทร์
Cr:แฉ..ความลับ @ เสธ นํ้าเงิน

ช่วงนี้แก็งค์ “แบ่งงานกันทำ ความเหมือนที่แตกต่าง” มากกว่า 3 แก็งค์ ให้ข้อมูลเพียงด้านเดียว กำลังท้าตี ท้าต่อย ทหาร พระกำนัน หลวงปู่ ฯ โดยทำการด่ากราดทหาร และพระ ด้วยถ้อยคำหยาบคายไปทั่วโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค แถมแก็งค์สภาท่าพระจันทร์ เกิดอาการไม่ได้ฉีดวัคซีน ส่งผลให้น้ำลายฟองฟอดที่มุมปาก ตาขวาง กระโดดฟัดทุกคนที่ขวางหน้า

โดยการเพ้อว่า “ พันธมิตรแท้ ต้องพันธมิตรสายปัญญาเท่านั้น พันธมิตรสาย กปปส.โน่น นี่ นั่น และสายหลวงปู่ก็ไม่ใช่พันธมิตร “ เอ้า..ฮา มีแท้และเทียมเลียนแบบแกนนำ นปช.ซะด้วย..และใช้ให้คนมาส่องเพจนี้เอาไปรายงาน จากนั้นพูดว่า "ใครที่เชื่อ เสธ เป็นคนโง่..บลาๆๆๆ"...ก๊าก..อ่านต่อไป เดี๋ยวจะหงายเงิบทั้งยืน

ตอนนี้มีกลุ่มคนแก็งค์สภาท่าพระจันทร์ ดิ้นเหมือนถูกสาดน้ำร้อนเข้าใส่ อัด เสธ อย่างหนัก..คริ คริ อยากจะบอกว่า ที่เพจนี้ มีสต็อคข้อมูลกลุ่มเคลื่อนไหวทุกกลุ่ม ถ้าใครยังไม่ทำความเสียหาย หรือ ก่อกวนให้ประเทศไทยให้วุ่นวาย ประชาชนไร้ความสงบ ที่เพจนี้จะไม่แฉ เปิดโปงให้อาย เพราะเคารพให้สิทธิ เสรีภาพการแสดงความเห็นของทุกคน “ที่มีขอบเขต”

ถ้าเมื่อไรก็ตามที่ใครเริ่ม “ก่อกวน ปั่นป่วน ปลุกระดมประชาชน” เมื่อนั้น จงรู้เถิดว่า จะถูกทยอยนำมาแฉ แบบถึงพริกถึงขิง ให้ประชาชนได้คิด และพิจารณา ถึงสาเหตุการกระทำของเขา ที่เพจนี้จึงยึดอุดมการณ์นี่มาแต่แรก อย่างมั่นคง แน่วแน่ แต่ประชาชนจะเห็นด้วยกับฝ่ายใด เป็นสิทธิเสรีภาพ ของเขา เพราะเป็นโอกาสทองของประชาชน ที่จะได้รับข้อมูลหลายๆ มุม ไม่ถูกฝังอยู่กับหลุมดำความคิดเดิมๆ

เพราะมวลมหาประชาชน เขาเหนื่อยยากตั้ง 7 เดือน กว่าจะหลุดพ้น M79 และสงครามกลางเมืองมาได้ ดังนั้นจึงไม่ต้องการเห็นประเทศไทยของเรา ต้องจมดิ่งลงเหวอีกครั้ง เพราะการ “ก่อกวน ปั่นป่วน ปลุกระดมประชาชน” ย่อมไม่ส่งผลดีใดๆ ต่อชาติไทยของเราแน่ๆ อยู่แล้ว

การต่อสู้ของประชาชนที่ผ่านมา ต้องไม่สูญเปล่า และจะต้องช่วยกันประคับประคองรัฐบาลอนุรักษ์นิยมนี้ ไปสู่การปฏิรูปประเทศไทยทั้ง 11 ด้าน ให้สำเร็จให้ได้ จะไม่ยอมให้ใครมา “ก่อกวน ปั่นป่วน ปลุกระดมประชาชน” ให้ความฝันของประชาชนหลายสิบล้านคน ต้องพังทลายลงก่อนปฏิรูปประเทศไทย จะแล้วเสร็จสมบูรณ์

ใครติดตาม เสธ มาตลอดจะรู้ไม่เคยกล่าวใดๆ ว่าเชื่อใครแล้วจะเป็นคนโง่ เพียงแต่บอกว่า " อย่าเชื่อใครทั้ง 2 ฝ่าย " แต่ให้ใช้วิจารญาณมากๆ ถอยออกมาจากความเชื่อเดิม ตั้งหลักให้มั่น แล้วคิดวิเคราะห์ อย่างมีเหตุผล “ รักได้ แต่อย่าหลง

สุภาษิตโบราณว่า "คนจนตรอก จะหันกลับไปด่า" หลักนักรบคือ “ ใครชักกระบี่ก่อน แสดงว่ากำลังจะพ่ายแพ้ เข้าตาจน “เพราะรู้ว่าจนแต้ม ข้างหน้าคือกำแพงไปต่อไม่ได้ งานนี้แค่ใช้จิตวิทยาแหย่นิดเดียว ก็ตกหลุมพรางถูกหลอกให้เผยตัวเสียแล้ว

สุดท้ายก็พลาดจนได้ ห้ามอารมณ์ตัวเองไม่อยู่หลุด ยิ่งดิ้นเท่าไร ก็ยิ่งเผยน้ำเหลืองไหลเท่านั้น คนใจเย็นนิ่งกว่าจะได้เปรียบเสมอ ไหนๆ แก็งค์สภาท่าพระจันทร์ ก็ให้เกียรติพูดถึง เสธ แล้ว ต้องแฉ กันเสียหน่อยตามธรรมเนียมเพจนี้ ว่าหลังปี 2554 มีบางคนเปลี่ยนไปมากแบบหน้ามือเป็นหลังมือ

หลายคนก็สงสัยว่าเพราะอะไร นั่นอาจเพราะว่าหลังเดินทางกลับ จากพบใครคนหนึ่งคนนั้น ที่บรูไน (แต่อ้างหลอกว่าไปฮ่องกง) จากนั้นมาเขาคนนั้นก็เปี๋ยนไป๋..ลองคิดตามช้าๆ ว่าหลังจากนั้นมา เขาก่อม็อบต้านใคร?

ปี 2552 ม็อบเสื้อแดงเผาเมืองรอบแรก ขับไล่หล่อใหญ่ออกจากนายกฯ ไม่สำเร็จเพราะอึดโครต , ปี 2553 ม็อบเสื้อแดง จึงเผาเมืองรอบสอง แล้วใช้ชายชุดดำ ก่อการร้ายมายิงทหาร และเสื้อแดงตายไป 80 กว่าคน แต่ก็ยังไล่หล่อใหญ่ ก็ไม่ออกจากนายกฯ อยู่ดี

มีนาคม 2554 และแล้วจึงต้องเป็นคิวของเขาคนนั้น..รับไม้ช่วงต่อจากแกนนำกลุ่มติดอาวุธแดง นปช. มาไล่หล่อใหญ่แบบได้จังหวะเป๊ะ โดยอ้างทวงคืนเขาวิหารเอาดื้อๆ ทั้งที่เหตุที่อ้างมาไล่ เกิดตั้งปี 2544 โน่น แต่เผอิญเพิ่งนึกออก..คริคริ ฉากหน้าคือการกดดัน และไล่ แต่ฉากหลังคือดิสเครดิต ให้คะแนนนิยมหล่อใหญ่ลดลง

เพราะอะไรหรือ? เพราะว่าการที่หล่อใหญ่หยุดม็อบเสื้อแดงเผาเมืองปี 2553 ได้ความสงบคืนมา ได้ใจคนกรุงเทพฯ และคนไทยทั้งประเทศ ส่งผลให้คนไทยฮึด “ เมื่อเสื้อแดงเผาเมือง คนไทยก็จะสร้างเมืองขึ้นมาใหม่ให้เหมือนเดิม “ ซึ่งเป็นสัญญานไม่ดีต่อกลุ่มเผาไทย เพราะใกล้เลือกตั้งใหม่แล้ว

ภารกิจของใครบางคนจึงเริ่มขึ้นเมื่อ มีนาคม 2554 นั่นเอง จนหล่อใหญ่ยุบสภาไปในที่สุด ตรงตามแผนแก็งค์แบ่งงานกันทำเป๊ะ ที่นี่เมื่อดิสเครดิสลดความนิยมหล่อใหญ่แล้ว จะทำอย่างไรต่อ กลุ่มเผาไทยจะได้รับชัยชนะเลือกตั้ง จึงเกิดแคมเปญ “โนโหวต” ขึ้นมา

แต่วิธีนี้มีคนในแก็งค์บางคนเริ่มไม่เห็นด้วย เพราะจะเตะหมูเข้าปากหมากลุ่มเผาไทย เพราะคะแนนนิยม ปชป.กับพันธมิตร ส่วนใหญ่ทับซ้อนกันนั่นเอง เขาจึงแยกออกมาตั้งกลุ่มการเมืองเฉพาะกิจ เป็นกลุ่มการเมืองไม่เก่า ยิ่งทำให้ฐานมวลชนแตกซอยแบ่งย่อยออกไปอีก

เมื่ออีกฝ่ายถูกแบ่งมวลชนออกไปตามแผน แต่ทางกลุ่มเผาไทยยังคงที่ ผลการเลือกตั้งปี 2554 คนไทยจึงได้ปูข้าวเน่าเป็นนายกฯ ตรงตามแผนแบ่งกันทำเป๊ะ , แค่นั้นยังไม่หนำใจ จะต้องชิงพื้นที่ผู้ว่าเมืองหลวงคืนมาให้ได้ด้วย แก็งค์สภาท่าพระจันทร์ จึงงัดมุกเดิมมาใช้อีกครั้ง

โดยการ “แบ่งมวลชนออกไป” อีก โดยชู วีรบุรุษนาแก ขึ้นมาแย่งฐานมวลชน เพื่อหวังผลแนวทางเดิมกับเลือกตั้งใหญ่ปี 2554 ให้ผู้สมัครเผาไทยจอม PR เป็นตาอยู่ ลอยลำขึ้นแท่นชัยชนะ โดยโพลทุกโพล ชี้นำออกมาแทบเหมือนกันหมด สุดท้ายวันนับคะแนนจริง...แห้วรับประทานกันทั้งบาง คุณชาย แซงขึ้นชนะหน้าตาเฉย

เซียนสภาท่าพระจันทร์ หน้ามืด..คริคริ หลังปี 2554 เป็นต้นมา เขาจึงเป็นไปด้วยประการละฉะนี้แล เอาละ แฉ พอหอมปากหอมคอ เก็บความลับไว้ค่อยๆ แฉ ออกมาเรื่อยๆ เพื่อสร้างความเวียนหัว ให้กับหัวหน้าแก็งค์นี้ ที่บอกว่าใครฟัง เสธ แล้วโง่นั้น..อยากให้ฟังต่อไปอีกสักนิดเดียว จะได้รู้ว่าฟังใครแล้วจะฉลาดน้อย เพราะขนาดคนสั่งยิงตัวเอง หลอกใช้มาตั้งแต่ปี 2554 จนถึงปัจจุบัน ยังไม่รู้ตัวอีก..เสธ จะพาทุกคนไปตามรอยเรื่องนี้กัน

สมัยนั้น ดีเอสไอ มี ทวี กิ๊กอีกคนของปูข้าวเน่า เป็นใหญ่ มี สุชาติ เป็นรอง แต่คนเหล่านี้เป็นมรดกตกทอดมาตั้งแต่ คนแดนไกล โยกย้ายชายชุดกากี มาไว้ในหน่วยนี้ รวมทั้งชายชุดเขียวฝีมือดี ทวีนั้น แม้จะไม่ใช่ขุนพลเคียงกาย หรือแม่ทัพคู่บารมีกับคนแดนไกลก็ตาม แต่ทั้งคู่จัดว่าเป็นทหารเอก ในยุคที่เขาเรืองอำนาจ เช่นเดียวกัน

วันที่ 18 ก.พ.2552 ทวี ผู้เป็นเบอร์หนึ่งดีเอสไอ ได้แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนคดีพิเศษ มีโดยชุดปฏิบัติการที่ 3 เกี่ยวกับสำนักเทคโนโลยี และศูนย์ข้อมูลการตรวจสอบ ในลำดับที่ 24 ปรากฏชื่อ ส.ต.ท.วรวุฒิ ??

วันที่ 17 เม.ย.2552 เช้าตรู่ ขณะที่เสื้อแดงกำลังก่อเหตุเผาเมือง ในขณะนั้นรัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน คนร้ายได้ใช้อาวุธสงครามยิงถล่มใส่รถ แก็งค์สภาท่าพระจันทร์ โดยคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มกว่าร้อยนัด บริเวณปั๊มคาลเท็กซ์ ถนนสามเสน หน้าวัดเอี่ยมวรนุช สี่แยกบางขุนพรม เขตพระนคร

ส่งผลให้ เขาถูกกระสุนฝั่งลึกในขมับด้านขวา ได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลฉีกขาดบริเวณใบหน้าด้านขวา และบาดแผลฉีกขาดด้านขวาอีกหลายที่ คนขับรถ ถูกยิงอาการสาหัส แพทย์ได้ผ่าตัดสมอง ทรวงอก และกระดูกต้นแขนขวา เขารอดตายได้อย่างเหลือเชื่อ

พบปลอกกระสุนปืนอาก้าจำนวน 64 นัด , กระสุนเอสเค 17 นัด , เอ็ม 16 จำนวน 3 นัด และรถเมล์ร่วมบริการฯ สาย 30 ถูกกระสุนปืนเอ็ม 79 จำนวน 1 นัด แต่ไม่ระเบิด

เริ่มต้นการคลำหากลุ่มสามัคคีกฐินสังหารนี้ ทราบจากกล้องวงจรปิดแห่งหนึ่งว่ารถยนต์ กระบะอีซูซุ ดีแม็ค สีดำ ทะเบียน สศ.-1785 กรุงเทพ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในคดีนี้ จากการตรวจสอบข้อมูล ทราบว่ารถยนต์คันดังกล่าว เป็นรถยนต์ “ ซึ่งใช้ปฏิบัติราชการในดีเอสไอ “...กลิ่นไม่ดีเริ่มโชยมาแต่ไกลเลย

ตำรวจได้ประสาน ดีเอสไอ ให้ส่งมอบรถยนต์คันเจ้าปัญหานี้มา ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ใช้ในราชการของดีเอสไอ ช่วงนั้นทวี พยายามดึงเกมส์ เตะถ่วง ไม่ให้ความร่วมมือกับตำรวจอย่างเต็มที่ อ้างว่ามีข้อมูลไม่เพียงพอ

แต่จากหลักฐานตำรวจน้ำดี ดันปรากฏว่า ส.ต.ท.วรวุฒิ ได้เซ็นชื่อเบิกใช้รถเจ้าปัญหานี้ถึง 2 ครั้ง และมี สุรศักดิ์ ผบ.สำนักเทคโนโลยีฯ ดีเอสไอ เป็นผู้ลงนามอนุมัติ อุปสรรคคดีนี้ในระยะนี้คือ มี "หนอนบ่อนไส้" ทำให้ ส.ต.ท.วรวุฒิ จึงได้ใช้ช่วงนี้หลบหนีไป และได้มีการนำรถยนต์เจ้าปัญหาคันดังกล่าวคืนไว้ แต่ไม่ยอมเข้ามอบตัว

ส.ต.ท.วรวุฒิ ถูก ทรงศักดิ์ ผบ.สำนักกิจการต่างประเทศฯ ดีเอสไอ ดึงตัวมาช่วยราชการที่ดีเอสไอ ในฐานะผู้ชำนาญการ “ ด้านการดักฟังโทรศัพท์ และระบบกล้องวงจรปิด” และทวี ได้ทำหนังสือ “ลับ” จากดีเอสไอ ส่งถึงกรมการปกครอง กระทรวงคลองหลอด เพื่อขอให้จัดทำฐานข้อมูลทะเบียนบุคคลใหม่
โดยให้เปลี่ยน ชื่อ-นามสกุล และที่อยู่ ของ ส.ต.อ.วรวุฒิ เป็น นายอรรถพล ปาทาน ในทะเบียนกลางในเขตจังหวัดลพบุรี อ้างดื้อว่าๆ เพื่อแฝงตัวเข้าไปสืบราชการในขบวนการค้ายาเสพติดทางภาคใต้

ทีมสังหารของเขาคนที่สอง คือ จ.ส.อ.ปัญญา สังกัดหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ จ.ลพบุรี ผู้ชำนาญการใช้อาวุธปืนสงคราม ที่ใช้ปฎิบัติการยิง เขาจบหลักสูตรการรบแบบจู่โจม และหลักสูตร "ซีล" เขามีความชำนาญด้านการใช้อาวุธปืนทุกชนิด รวมทั้งการใช้ "วัตถุระเบิด"

เขาเคยเป็นหนึ่งในทีมรักษาความปลอดภัยของ บิ๊กจิ๋ว และ บิ๊กเชษฐา อดีต รมว.กลาโหม สมัยคนแดนไกล และช่วงเขาหลบหนีหมายจับ ทนายเขาอ้างว่า เขาทำบุญอยู่กับ " บิีกเชษฐา" เขายังมีความสนิทสนมเป็นการส่วนตัวกับ นายพลแม็คอาเธอร์เมืองไทย ที่สนิทกับ เสธแดง อีกด้วย..เริ่มเห็นเค้ารางเงาเบื้องหลัง ของกลุ่มทหารใหญ่นอกราชการ ในคดีนี้แล้ว

ทีมสังหารคนที่สาม คือ ส.อ.สมชาย หรือ บู่ ถูกขอตัวไปช่วยรายการสังกัด กอ.รมน. ทั้ง จ.ส.อ.ปัญญา และ ส.อ.สมชาย ก็คือ ทีมเดียวกับกลุ่มมือปืนรับจ้างทีม 2 (ทีม 1 เป็นอีกชุด) ที่ เป๊าะ จ้างยิงกำนันยูร ชลบุรี ตาย และเปาะ ก็หนีคดีไปหลายปี สุดท้าย เปาะมาถูกจับได้เมื่อไม่นานมานี้ เพราะป่วยหนัก จึงปลอมตัวมาหาหมอที่กรุงเทพฯ
(วันที่ 23 พ.ค.56 ที่ผ่านมา จ.ส.อ.ปัญญา นอนตาย สภาพร่างกายผอมดำ อยู่ภายในบ้าน ต.จรเข้สามพัน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี อย่างน่าเวทนา ตรวจสอบไม่พบบาดแผลถูกทำร้าย เขาป่วยตายด้วยโรคมะเร็งโพรงจมูก )

วันที่ 10 ส.ค. 2552 ออกหมายจับ ส.อ.สมชาย มือสังหาร เพราะหลักฐานทางโทรศัพท์ที่เขาติดต่อกับทีมสังหาร และสุรศักดิ์

วันที่ 11 ส.ค. 2552 ตำรวจ ได้เข้าตรวจค้นภายในบ้านแม่ยาย ของ ส.ต.ท.วรวุฒิ ในบ้านซอยลาดปลาเค้า เขตบางเขน กทม. พร้อมยึดรถเก๋งยี่ห้อเชฟโรเลต ซาฟิร่า สีบรอนซ์เทา หมายเลขทะเบียน ศว-8051 กทม.

ซึ่งรถคันดังกล่าวถูกหน่วยยาเสพติดอายัดไว้ตรวจสอบ ในคดียาเสพติด และดีเอสไอขยายผลจับกุม นายชาญณรงค์ มูเซอ ผู้ต้องหายาเสพติดรายใหญ่พร้อมของกลางกว่า 100 ล้านบาท เมื่อวันที่ 20 มี.ค.2552

รถคันดังกล่าว นำไปปลอมแปลงทะเบียน และมีการนำไปใช้เหมือนเป็นรถส่วนตัว ทั้งที่รถนั้นเป็นของส่วนราชการ โดยเลขทะเบียนในตอนแรกที่พบ ดันเป็นหมายเลขทะเบียน กษ 3737 เชียงใหม่

ถึงช่วงนี้ดีเอสไอ ยิ่งเตะถ่วงยื้อเวลาสุดฤทธิ์ สุรศักดิ์ ที่เป็นคนเชื่อมโยงมือปืนทุกคน อดีตเขาเคยเป็นนายทหารรับใช้ บิ๊กเชษฐา อดีต รมว.กลาโหม ยุคคนแดนไกล เขาเป็นเจ้าของโรงงานไม้กฤษณา อ.เขาสมิง จ.ตราด และได้ให้ที่หลบซ่อนที่นี่กับ จ.ส.อ.ปัญญา

ก่อนเกิดเหตุยิง หัวหน้าแก็งค์สภาท่าพระจันทร์นั้น สุรศักดิ์ ได้โทรศัพท์ไปขอยืมรถเพื่อนฝูงมาใช้งานหลายคัน แต่สุดท้าย ไปตกที่รถโตโยต้า วีโก้ สีเปลือกมังคุด ทะเบียน บธ 1474 ลพบุรี ของ น.ส.รัศมี รถที่ตำรวจยึดมาตรวจสอบได้เป็นคันแรก

จากหลักฐานการใช้โทรศัพท์มือถือของ สุรศักดิ์ พบว่าเชื่อมโยงเกี่ยวข้องบุคคล และสถานที่ ก่อน และหลังยิงแป๊ะ โดยที่ สุรศักดิ์ ใช้ให้ ส.ต.อ.วรวุฒิ สังกัด หน่วยยาเสพติดมาช่วยราชการดีเอสไอ เขาเป็นคนไปซื้อโทรศัพท์มือถือ 6 เครื่อง เพื่อนำมาใช้ในงานนี้ เชื่อมโยงกันเป็นเครือข่ายของทีม พบว่า เบอร์โทร.หลักที่มีการโทร.เข้า - โทร.ออก กับทีมฆ่า ล้วนมาจากเบอร์ของ สุรศักดิ์ ทั้งสิ้น แต่หลังจากลงมือสังหาร แป๊ะ นั้นกลับดวงแข็งเกินคาด ภายหลังจากการลอบสังหารล้มเหลว สุรศักดิ์ ได้โทรศัพท์ติดต่อหาทวี ซึ่งเป็นเพื่อนกัน และทวีมีความสัมพันธ์ ลับสยิวกับปูข้าวเน่า รวมทั้งเขายังโทรทางไกลไปประเทศดูไบ หาคนแดนไกล อีกเป็นจำนวนหลายครั้ง

กลุ่มนี้ ยังมีการวางแผนจะสังหาร กษิต ที่เป็นอดีต รมต.ต่างประเทศ ในยุคหล่อใหญ่อีกด้วย เพราะกษิต ในช่วงนี้ไล่ล่าคนแดนไกล ในต่างประเทศอย่างหนัก จึงถูกหมายหัวเอาชีวิต แต่ยังไม่มีโอกาสลงมือ

นี่คือข้อเท็จจริง ใครคือ.. “ตัวบงการใหญ่” ที่แท้จริง แย้มโฉมหน้า ออกมาแล้ว ใครเป็นใครน่าจะ “ตาสว่าง” กันบ้างแล้ว เอ..ใครกันหนอที่เพิ่งพูดว่า "ใครที่เชื่อ เสธ เป็นคนโง่..บลาๆๆๆ"... หงายเงิบล้มทั้งยืนไปแล้วมั้ง..ก๊าก

โดนคนแดนไกล และบรรดาเครือข่าย ที่สั่งโป้งตนเอง หลอกใช้มาตั้งแต่ปี 2554 ให้กลายเป็นหุ่นเชิด วางกลเกมส์ต่างๆ เพื่อทำลายคู่แข่งกลุ่มการเมืองอื่นๆ หลักอาชญวิทยา ผู้ร้ายย่อมทิ้งร่องรอย และหลักฐานเสมอ หัวแก็งค์สภาท่าพระจันทร์ จะโทรไปหาเพื่อนรักคนแดนไกล ก็ได้นะ และถามกระซิบเบาๆ ว่า “ เอง ใช้พวก มากฐินสามัคดีข้าทำไม”

หลักคิดที่ว่า “ก่อนเราจะรู้อนาคต เราต้องเรียนรู้อดีตก่อน คนไม่เรียนรู้อดีต ย่อมตามืดบอด“ คิดให้มากว่า อดีตเขาทำอะไรกับตนเองไว้ และอนาคต เราต้องทำอย่างไรกับเขากลับบ้าง
แนะนำว่า แฉ และหักหลังซิ เป็นงานถนัดอยู่แล้ว เปิดโปงอะไรที่เคยตกลงกับเขาไว้..เอาให้ตะลึงตาค้างกันทั้งเมืองเลย !!
@ เสธ น้ำเงิน2
https://www.facebook.com/topsecretthai

ไม่มีความคิดเห็น: