หลังจากที่ เว็บไซต์ประชาไทได้มีการออกมาเปิดเผยข่าว ถึงกรณีที่พนักงานของบริษัทผลิตรายการข่าวแห่งหนึ่ง ถูกเลิกจ้าง เนื่องจาก “มีทัศนคติหรือเจตจำนงทางการเมืองที่ขัดต่อแนวนโยบาย และแนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัท" ประกอบด้วย อนุชา รุ่งมรกต ชุมาพร แต่งเกลี้ยง ธนาพงศ์ เกิ่งไพบูลย์ และ แอน(ไม่ขอเปิดเผยชื่อจริง)
และมีรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะที่การเลิกจ้างพลักงานในครั้งนี้ มีสาเหตุมาจากการที่รายการบางรายการของบริษัทหมดสัญญากับช่อง และบางรายการถูกยกเลิกสัญญา ทำให้บริษัทมีความจำเป็นต้องปรับลดจำนวนพนักงานลง โดยมีพนักงานถูกเลิกจ้างทั้ง 21 คน โดย 16 คนถูกเลิกจ้างโดยไม่มีความผิด และบริษัทยินดีที่จะให้เงินชดเชยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มี 1 คน ถูกเลิกจ้างโดยมีฐานความผิดรับจ้างทำงานให้บริษัทอื่น และอีก 4 คน ถูกเลิกจ้างด้วยเหตุผลทางการเมือง นั้น
ล่าสุด แหล่งข่าวจากบริษัท ดังกล่าวที่มีการเลิกจ้างพนักงานทั้ง 4 คน ได้เปิดเผย กับ มติชนออนไลน์ ว่า ประเด็นที่มีพนักงานบางส่วน(4คน)ระบุว่าไม่ได้รับเป็นธรรมจากการเลิกจ้างเพราะแสดงออกทางการเมืองนั้น ก่อนหน้านี้ทางบริษัทได้มีการให้นโยบายไปแล้วว่าในสถานการณ์การเมืองที่มีกฎหมายพิเศษ ก็ไม่ประสงค์ให้พนักงานไปกระทำการในลักษณะหมิ่นเหม่ที่จะละเมิดต่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบริษัท พนักงานกลุ่มที่ถูกเลิกจ้างที่ไปเคลื่อนไหวเมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา มีกระทำการละเมิดนโยบายบริษัท จึงพิจารณาให้ออก โดยจ่ายเงินเยียวยาให้ตามสมควร โดยบางรายจ่ายให้ในจำนวนตามที่กฎหมายแรงงานที่กำหนด ไม่ใช่การไล่ออก
ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องการเคลื่อนไหวทางการเมือง(ประมาณ 16 คน)เป็นพนักงานที่ไม่ได้กระทำความผิดใดๆ แต่เป็นการเลิกจ้างตามปกติในการทำธุรกิจเพื่อปรับลดขนาดองค์กรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากทางบริษัทได้ยุติการผลิตรายการบางรายการให้กับทางสถานีดิจิตอลทีวีบางช่อง และได้จ่ายเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงานทุกประการ โดยการปรับลดพนักงานทั้งหมดในครั้งนี้ เป็นจำนวนเพียง 1 ใน 4 ของจำนวนพนักงานทั้งหมดที่มีอยู่กว่า 80 คน
ทางบริษัทยืนยันว่าตลอดระยะเวลาในการดำเนินการที่ผ่านมา ทางบริษัทไม่เคยมีทัศนคติเอนเอียงหรือฝักใฝ่ไปในทางการเมืองทางใดทางหนึ่ง และให้อิสระในความคิดเห็นที่แตกต่างไม่ได้จำกัดกรอบความคิดของพนักงาน ตราบใดที่พนักงานไม่มีการกระทำซึ่งเข้าข่ายส่งผลกระทบต่อกฎหมายและชื่อเสียงขององค์กร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น