PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ลองฟังเสียงสะท้อน ‘ปัญหาซินเจียงอุยกูร์’

‘บ้านเกิดของผมอยู่ซินเจียง’! ลองฟังเสียงสะท้อน ‘ปัญหาซินเจียงอุยกูร์’

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 26 ธ.ค. 2557 05:30

ข่าวคราวเหตุรุนแรงที่เขตปกครองซินเจียงอุยกูร์... ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีนมีบ่อยขึ้น...ถี่ขึ้น...จนทำให้กลายเป็นภูมิภาคที่เกิดเหตุการณ์รุนแรงมากที่สุดของจีนไปแล้ว
ทางการแดนมังกรชี้ว่า เหตุรุนแรงในซินเจียง ซึ่งบางครั้งกลุ่มคนร้ายยังเข้ามาก่อเหตุถึงจัตุรัสเทียนอันเหมินในกรุงปักกิ่ง เป็นฝีมือพวกชนมุสลิมเผ่าอุยกูร์ หัวรุนแรง จึงได้ดำเนินมาตรการป้องกันและปราบปรามอย่างเด็ดขาด รวมทั้งหากจับกุมตัวคนร้ายลงมือก่อเหตุได้ ก็จะลงโทษถึงขั้นประหารชีวิตเลยทีเดียว
ขณะเดียวกัน การกระทำของรัฐบาลจีนต่อชาวมุสลิมชนเผ่าอุยกูร์ ในซินเจียง ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน และทำให้มีชาวอุยกูร์อพยพหนีไปตายดาบหน้าจำนวนไม่น้อย จนบางคนต้องถูกตำรวจต่างแดน จับกุมในข้อหาแอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
กองทัพจีนฝึกซ้อมทางทหาร
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางการรายงานข่าวของสื่อต่างชาติ เกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนในซินเจียง และการลงโทษของทางการจีนต่อกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุรุนแรง... เราลองมาฟังเสียงสะท้อนสักอีกหนึ่งเสียง จากหนุ่มจีนคนหนึ่ง ซึ่งเขียนบทความ บอก ‘บ้านเกิดของผมอยู่ที่ซินเจียง’ กันดูว่า เขามีความคิดเห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในบ้านเกิดของเขาอย่างไร? ...
นับแต่ปีนี้เป็นต้นไป จะมีชาวซินเจียงของจีน ที่หลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายถูกตำรวจไทยจับกุมคุมขังอยู่ไม่ขาด สื่อมวลชนของที่นี่ก็มีการรายงานข่าวอยู่บ่อยครั้ง เมื่อไม่นานมานี้ มีหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งตีพิมพ์บทบรรณาธิการ เห็นว่าไม่ควรนำชาวซินเจียงที่หลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายที่อยู่ทางภาคใต้ของไทยส่งกลับประเทศจีน บอกว่าเจ้าหน้าที่ของไทยควรไปอ่านคำรายงานขององค์กรสิทธิมนุษยชนสากลและของสื่อสารมวลชนอเมริกา-ยุโรป เกี่ยวกับรัฐบาลจีนปฏิบัติต่อชาวมุสลิมซินเจียงอย่างไร ?
เพราะเห็นว่าถ้าส่งชาวอุยกูร์พวกนี้กลับประเทศจีนจะทำให้รัฐบาลไทย “สองมือเปื้อนเลือด” อ่านบทบรรณาธิการนี้แล้ว ผมอดไม่ได้ที่จะต้องทำให้ผู้คนรู้สึกว่าซินเจียงเป็นนรกที่เต็มไปด้วยการฆ่าล้างแค้นทางเชื้อชาติ ประชาชนยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
ผมไม่อยากจะเชื่อว่าบทบรรณาธิการบทนี้เขียนโดยมิตรที่ดีชาวไทย เพราะในระหว่างบรรทัดของบทความ กลับเต็มไปด้วยสำนวนโวหารของประเทศตะวันตก ในฐานะชาวจีนที่เคยใช้ชีวิตอยู่ในซินเจียงเป็นเวลายาวนาน ผมโกรธมาก ผมจะพูดออกมาดังๆ ว่า ไม่… ซินเจียง บ้านเกิดเมืองนอนของผมไม่เป็นแบบนี้
วิถีชีวิตของชาวบ้านในซินเจียง
ซินเจียง’ ตั้งอยู่ชายแดนด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของจีน มีพื้นที่ 1 ล้าน 6 แสน 6 หมื่นตารางกิโลเมตร คิดเป็น 1ใน 6 ของพื้นที่ทั้งประเทศ มันไม่เพียงแต่เป็นเขตบริหารระดับมณฑลที่มีผืนแผ่นดินใหญ่ที่สุด และเป็นเส้นทางสัญจรสำคัญในเส้นทางสายไหมโบราณเท่านั้น
แต่ซินเจียง ยังเป็นบ้านของชนชาติพี่น้อง 47 ชนชาติ มี อุยกูร์, ฮั่น, คาซัค, มุสลิม เป็นต้น ที่นี่ทิวทัศน์สวยงาม มีพืชผลอุดมสมบูรณ์ เป็นดินแดนแห่ง “ธัญญาหาร” “เนื้อสัตว์” “บ่อน้ำมัน” “ถ่านหิน” “แตงและผลไม้” ที่อยู่ระหว่างกลุ่มเขาสูงตระหง่านและทะเลทรายโกบี
ที่นี่ไม่เพียงแต่มี ภูเขาเทียนซัน คุนหลุนซันที่สวยงาม ยังมีทะเลทรายทากลิมากานอันเวิ้งว้าง ที่นี่มีทั้งน้ำมันปิโตรเลียม ก๊าซธรรมชาติมหาศาล ทั้งมีทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ธรรมชาติอันกว้างไพศาลจนสุดลูกหูลูกตา
ที่นี่มีทั้งแตงฮามี่ องุ่นเต้านมม้าที่ขึ้นชื่อลือชา ทั้งมีแพะย่างทั้งตัว ไก่จานใหญ่ อาหารเลิศรสที่ยากจะลืมเลือน ที่นี่มีทั้งมัสยิด มีพลาซ่า (ตลาดนัด) ที่ใหญ่ที่สุดของโลก ที่นี่ทั้งมีสายการบินที่บินไปยังประเทศต่างๆ หลายประเทศ และก็มีรถไฟความเร็วสูงที่เชื่อมต่อกับพื้นที่ต่างๆ ภายในประเทศจีน
ขี่ม้าคอยต้อนฝูงวัวที่เลี้ยงไว้
• เดือนตุลาคม ปี 2538 ตั้งเขตปกครองตนเองอุยกูร์ซินเจียง
ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญจีนและกฎหมายท้องถิ่นเขตชนชาติ รัฐบาลเขตปกครองตนเอง สามารถดูแลจัดการกิจการภายในชนชาติและภายในพื้นที่ของตนเองได้ โดยเฉพาะหลังการปฏิรูปเปิดประเทศ รัฐบาลกลางได้กำหนดนโยบายที่เอื้ออำนวยเป็นพิเศษต่อการส่งเสริมชนเผ่าส่วนน้อย และพัฒนาพื้นที่เขตชนเผ่าส่วนน้อย ทำให้โฉมหน้าของซินเจียงเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน
ดูจากผลสำเร็จของการพัฒนาเศรษฐกิจสังคม ดัชนีการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ยก้าวขึ้นมาอยู่ใน 5 อันดับแรกของจีน ปริมณฑลทางวัฒนธรรม การศึกษา วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และสาธารณสุขก็ได้รับผลสำเร็จอย่างเด่นชัด อูรูมฉีก็กลายเป็นมหานครที่เจริญรุ่งเรืองที่เชื่อมต่อระหว่างประเทศจีนกับภูมิภาคเอเชียกลางที่สำคัญที่สุด
แต่แม้จะอยู่ต่อหน้าความเป็นจริงอันเห็นได้อย่างโจ่งแจ้ง องค์กรสิทธิมนุษยชนสากลและสื่อสารมวลชนตะวันตกยังคงมองผ่านแว่น คอยตำหนิโน่นวิจารณ์นี่ ผมอยากจะถามว่า พวกท่านเคยไปซินเจียงมาแล้วหรือ พวกท่านรู้จักซินเจียงมากน้อยเพียงใด
ผมเกิด ที่ซินเจียง โตที่ซินเจียง ตอนเด็กก็ร่วมเล่นกับเพื่อนเด็กชาวอุยกูร์ เมื่อเข้าโรงเรียนเรียนหนังสือก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง มีเพื่อนนักเรียนชาวอุยกูร์อยู่ไม่น้อย วันอาทิตย์เพื่อนๆ จะชวนกันไปเที่ยวบ้านนั้นบ้านนี้หรือไม่ก็นัดกันไปเที่ยวพลาซ่า
นี่เป็นเรื่องธรรมดายิ่งกว่าธรรมดา พวกเราไม่เคยแบ่งว่าใครชนชาติฮั่น ใครชนชาติอุยกูร์ เพราะว่าภายในจิตใจส่วนลึกของเรา เราล้วนเป็นเพื่อนที่ดี เป็นคนบ้านเดียวกัน ผมยังจำได้ เพื่อนนักเรียนชาวอุยกูร์บางคน บางครั้งบอกว่าจะไปละหมาดที่มัสยิดร่วมกับคนในครอบครัวของตัวเอง เพื่อนนักเรียนหญิงชาวอุยกูร์บางคนบางทียังใช้ผ้าคลุมศีรษะ แม้กระนั้นก็ตาม เราก็ไม่เคยรู้สึกว่า เรามีอะไรที่แตกต่าง เพราะเราเห็นว่า แต่ละฝ่ายมีวิถีชีวิตและความศรัทธาที่แตกต่างกันก็เหมือนในโลกนี้เราไม่สามารถหาคน 2 คนที่มีหน้าตาเหมือนกันทั้งหมด ก็เท่านั้นเอง
ขนมประจำท้องถิ่น
บางคนบอกว่า รัฐบาลจีนใช้ข้ออ้างต่อต้านผู้ก่อการร้าย ทำการปองร้ายชาวมุสลิมในซินเจียง ถ้าเช่นนั้น ขอให้ท่านเช็ดแว่นตาให้สะอาด จำแนกผิดถูก ขอถามหน่อย พวกวายร้ายที่ใช้ความรุนแรง ทำการจู่โจม คร่าชีวิตของพี่น้องชนชาติต่างๆ ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ หรือว่าพวกเขาไม่ใช่อาชญากร ไม่ได้ทำผิดกฎหมายกระนั้นหรือ ในเมื่อเป็นอาชญากร ไม่สมควรต้องรับโทษตามกฎหมายหรือ ?
การลงโทษอย่างหนักต่ออาชญากรก่อการร้ายในเขตพื้นที่ซินเจียงก็เพื่อสร้างสภาวะแวดล้อมอันสงบสันติแก่พี่น้องชนชาติต่างๆ รวมทั้งชาวมุสลิมด้วย ให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตที่สวยสดงดงามและมีความสุขอย่างเต็มที่ ลัทธิก่อการร้ายเป็นศัตรูร่วมของประชาคมโลก การใช้มาตรการที่ได้ผลร่วมกันโจมตีลัทธิก่อการร้ายเป็นสิ่งที่รับรู้และเข้าใจร่วมกันของประชาคมโลก
ถ้าบอกว่า การขยายปฏิบัติการต่อต้านก่อการร้ายคือการปองร้ายชาวมุสลิม ถ้าเช่นนั้นเหตุใดประเทศมุสลิมรวมทั้งอินโดนีเซียยังออกแรงเพิ่มระดับต่อต้านการก่อการร้ายภายในประเทศของตัวเองเล่า เวลานี้ปฏิบัติการต่อต้านก่อการร้ายที่ประชาคมโลกร่วมกันโจมตี “รัฐอิสลาม” นั้น หมายถึงกำลังปองร้ายชาวมุสลิมทั่วโลกกระนั้นหรือ?
ชาวมุสลิมอุยกูร์ชูธงประท้วงจีน อยู่ในตุรกี
ยังมีคนบอกว่า ต้องเคารพสิทธิมนุษยชนของชาวซินเจียงของจีนที่หลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย จะส่งพวกเขากลับประเทศจีนไม่ได้ ผู้หลบหนีเข้าเมืองเหล่านี้ถูกหลอก ถูกล้างสมอง เพื่อหาเงินเป็นค่าใช้จ่ายในการหลบหนีเข้าเมืองที่พวกเขาต้องจ่ายให้กับพวกนักค้ามนุษย์เป็นจำนวนมาก ทำให้พวกเขาบ้านแตกสาแหรกขาด พวกเขาหอบลูกจูงหลาน ออกจากบ้านเกิดเมืองนอน ไปตกระกำลำบากอยู่ต่างแดน มีความเป็นอยู่ที่น่าเวทนามาก ในหมู่พวกเขามีไม่น้อยเป็นผู้หญิงและเด็ก กระทั่งเป็นทารกที่เพิ่งเกิดได้ไม่นาน เนื่องจากไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ ต้องเจ็บไข้ได้ป่วย สภาพน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง
บางคนอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือของกลุ่มอาชญากรข้ามชาติ ถูกบีบให้รับการฝึกอบรม ทำการเคลื่อนไหวก่อการร้าย ถลำลึกสู่ห้วงเหวแห่งความชั่วร้าย ขอถามองค์กรสิทธิมนุษยชนและสื่อตะวันตก นี่หรือคือสิ่งที่พวกท่านเรียกว่าสิทธิมนุษยชน ถ้าหากปล่อยให้ผู้หลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายเหล่านี้ตกอยู่ในมือของกลุ่มก่อการร้ายสากลอีกครั้ง กระทั่งกลายเป็นผู้ก่อการร้ายที่ซุ่มเงียบอยู่ อย่างนี้แหละถึงจะเรียกว่ารัฐบาลไทยส่งเสริมอาชญากรรม “สองมือเปื้อนเลือด”
กองทัพจีนฝึกซ้อมทางทหารในซินเจียง
ตลอดเวลาที่ผ่านมา องค์กรสิทธิมนุษยชนและสื่อตะวันตกมักทำตัวอยู่เหนือคนอื่น คิดว่าตัวเองเท่านั้นที่มีศีลธรรมและเป็นปากเสียงแทนชาวบ้าน ตำหนิวิจารณ์นโยบายแห่งรัฐ และสภาพสิทธิมนุษยชนของประเทศอื่นตามอำเภอใจ พวกเขามองไม่เห็นผลงานของรัฐบาลไทยที่ทุ่มเทให้กับการแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ของไทย ทำการวิจารณ์และบิดเบือนนโยบายที่มีต่อปัญหาชายแดนภาคใต้ของรัฐบาลไทย ในข้อนี้ ผมกับเพื่อนมิตรชาวไทยมีความรู้สึกเหมือนกับที่ตัวเองได้รับ

ดังนั้น ผมจึงหวังว่าเพื่อนมิตรชาวไทยพึงเอาใจเขามาใส่ใจเรา ใช้ท่าทีหาสัจจะจากความเป็นจริงไปทำความเข้าใจซินเจียงที่แท้จริง และร่วมกับรัฐบาลจีนปรึกษาหารือแสวงวิธีแก้ปัญหา ให้ชาวซินเจียงที่หลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายที่ยังตกค้างอยู่ในประเทศไทยได้กลับสู่อ้อมอกของปิตุภูมิและญาติสนิท เริ่มชีวิตใหม่อันสวยสดงดงามและมีความสุขต่อไป...”
อ่านบทความของหนุ่มจีนที่บอกว่า ‘บ้านเกิดของผมอยู่ซินเจียง’ แล้ว...คุณมีความคิดเห็นกันอย่างไร?

ไม่มีความคิดเห็น: