PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ปี 1963 (2506) สำคัญไฉน?

พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์

ประเทศไทยมีแผนพัฒนาศก.แล้วตั้งแต่ปี 1961 (2504) เป็นประเทศแรกในเอเซียอาคเนย์ที่เริ่มพัฒนาอสก. มีถนนลาดยางหลายพันกม. และปี 1963 ไทยเริ่มใช้คอมพิวเตอร์เป็นประเทศแรก ไทยเป็นประเทศที่รวยและเจริญที่สุดในแถบนี้

ปี 1963 มาเลเซียเพิ่งเป็นเอกราชจากอังกฤษ มีแต่สวนยาง สวนปาล์ม และเหมืองดีบุก ถนนลาดยางไม่กี่ร้อยกม. ศก.90% เป็นเกษตรกรรม ไม่มีอสก. เป็นประเทศยากจน

ปี 2013 (2556) มาเลเซืยมีรายได้ประชาชาติต่อหัว (GNI) 10,430 ดอลลาร์สรอ. ประเทศไทยมี 5,340 ดอลลาร์สรอ. คนมาเลเซียโดยเฉลี่ย "รวยกว่า" คนไทยสองเท่า ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ถนนหลวง ทางด่วน โทรคมนาคม สนามบิน แต่ทั้งมาเลเซียและไทยก็ยังคงสังกัดกลุ่ม "ประเทศรายได้ปานกลาง-กลุ่มสูง"

ศก.มาเลเซียช่วงหนึ่งก็คล้ายไทย เติบโตก้าวกระโดดปลายยุค 2520-40 เจอวิกฤตศก.2540 การเมืองไม่ค่อยเป็นปชต. แต่จุดต่างสำคัญคือ กองทัพขึ้นต่อรัฐบาลพลเรือน และไม่มีรัฐประหาร!

ปี 1991 นายกฯมหาธีร์ตั้งเป้าให้มาเลเซียเป็น "ประเทศพัฒนาแล้ว" ภายในปี 2020

ปี 2009 นายกฯราซัคเปลี่ยนจากแนวทางมหาธีร์ที่เน้นรัฐวิสาหกิจ อุ้มธุรกิจกลุ่มทุนมาเลย์ หันมาเปิดเสรีการค้า เร่งเจรจาเอฟทีเอ เร่งขยายสนามบิน ระบบราง ถนนหลวงและทางด่วน กับผ่อนคลายการเมือง

มาเลเซียจะมี GNI ทะลุเพดาน 12,745 ดอลลาร์สรอ. ในปี 2018 กลายเป็น "ประเทศรายได้สูง" ตามนิยามของธนาคารโลก

วันนี้ มาเลเซียเข้าร่วมเขตศก. TPP เข้าถึงตลาดสหรัฐ แคนาดา ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เม็กซิโก ด้วยภาษีศูนย์ มาเลเซียจึงเป็น "เสือตัวที่ห้า" แห่งเอเซียอย่างแท้จริง

ประเทศไทยสำลักฝุ่นท้ายขบวนรถมาเลเซียไปก่อนก็แล้วกัน!

ไม่มีความคิดเห็น: