PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เบื้องหลัง!'บิ๊กตู่'กลับลำ!ยกเลิกคำสั่งตั้งเลขาสภาฯ บทบาทผู้นำกับอำนาจ ม.44

วันจันทร์ ที่ 19 ตุลาคม 2558 เวลา 10:50 น สำนักข่าวอิศรา
"...ว่ากันว่าเหตุผลเบื้องหลังที่ทำให้ นายนัฑ ผาสุข  ได้รับการแต่งตั้งให้ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นเพราะได้แรงหนุนจากผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ที่นิยมชมชอบการทำงานของนายนัฑ ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งโชว์ผลงานได้ดีเข้าตา และเรียกใช้บริการอยู่เสมอ.."
p0o9i
"เหตุผลสำคัญที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องออกคำสั่งยกเลิกการแต่งตั้ง นายนัฑ ผาสุข ให้ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แทนนายจเร พันธุ์เปรื่อง ที่พ้นจากตำแหน่ง เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ไปดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตามคำสั่ง หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 37/2558  เป็นเพราะนายนัฑ ผาสุข ถูกต่อต้านอย่างหนัก" 
นี่คือ ข้อมูลสำคัญที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้รับการยืนยันจากแหล่งข่าวระดับสูงที่เชื่อถือได้ ในสภาผู้แทนราษฎร ถึงเหตุผลที่มาของคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 37/2558 ที่ลงนามโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. และราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่อย่างเป็นทางการในช่วงกลางดึก คืนวันที่ 18 ต.ค.2558 ที่ผ่านมา

(อ่านประกอบ : "บิ๊กตู่"กลับลำ!ออกคำสั่งยกเลิกตั้ง "นัฑ ผาสุข" ข้ามห้วยนั่งเก้าอี้เลขาสภาฯ)

ส่วนสาเหตุที่ทำให้นายนัฑ ผาสุข ถูกต่อต้านอย่างหนัก  จนถึงขั้นทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจลงนามในคำสั่งฉบับใหม่ เพื่อยกเลิกการเข้าไปดำรงตำแหน่ง เลขาธิการสภาฯ ดังกล่าว
เป็นผลมาจากการที่ข้าราชการในสภาฯ หลายคนมองว่า นายนัฑ ผาสุข ซึ่งมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมาย (นิติกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา
แต่กลับได้รับความเห็นชอบจากผู้นำประเทศ ใช้อำนาจพิเศษ แต่งตั้งให้ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นเลขาสภาฯ เป็นการย้ายข้ามห้วยจากวุฒิสภาไปใหญ่ในสภาผู้แทนราษฎร ถือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างมาก
ว่ากันว่าเหตุผลเบื้องหลังที่ทำให้ นายนัฑ ผาสุข  ได้รับการแต่งตั้งให้ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นเพราะได้แรงหนุนจากผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ที่นิยมชมชอบการทำงานของนายนัฑ ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งโชว์ผลงานได้ดีเข้าตา และเรียกใช้บริการอยู่เสมอ
เมื่อการทำงานของ นายจเร พันธุ์เปรื่อง มีปัญหา ต้องถูกย้ายออกตำแหน่ง จึงเสนอชื่อให้ นายนัฑ เข้ามาทำหน้าที่แทน 
ส่วนพล.อ.ประยุทธ์ ด้วยความที่ไว้วางใจและเชื่อการทำงานของผู้ใหญ่รายนี้อยู่แล้ว จึงเห็นดีเห็นงามลงนามในคำสั่งแต่งตั้งทันที 
แต่เวลาผ่านไปแค่ 2 วัน เริ่มได้รับสัญญาณไม่ดี โดยเฉพาะกระแสต่อต้านจากข้าราชการ จึงตัดสินใจออกคำสั่งแต่งตั้งฉบับใหม่ เพื่อตัดไฟแต่ต้นลมไม่ได้ปัญหานี้ลุกลามบานปลาย กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว 
จะว่าไปการออกประกาศ คสช.หรือ คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ออกมาแล้วถูกมองว่ามีปัญหาในทางปฏิบัติที่ผ่านมามีหลายเรื่อง ตัวอย่างที่เห็นชัดเจน ก็คือ ประกาศ คสช. ฉบับที่ 115/2557 เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีการพิจารณาความอาญา โดยกำหนดให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีอำนาจในการยื่นฟ้อง หรือไม่ยื่นฟ้องคดีทางอาญา ทั้งที่แต่เดิมกระทรวงมหาดไทยมีหน้าที่ในการดูแลประชาชน ในเรื่องการรักษาความสงบรวมไปถึงการดูแลเรื่องความยุติธรรมให้กับประชาชนในพื้นที่
ส่งผลทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเมื่อประกาศฉบับนี้ออกมา อำนาจของผู้ว่าฯจึงถูกลดลงไป และให้อำนาจนั้นแก่ผู้บัญชการตำรวจภูธรภาค ประการสำคัญทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบการถ่วงดุลอำนาจในการพิจารณาคดีความทางอาญา ทั้งในอำนาจการสั่งฟ้อง และการสืบสวน ของทั้งตำรวจและอัยการ 
ซึ่งว่ากันว่าเบื้องหลังที่มาประกาศฉบับนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ถูกยัดไส้โดยคนบางกลุ่ม ให้ลงนามเห็นชอบ ทั้งที่ ยังไม่ได้พิจารณาข้อมูลให้ครบถ้วนรอบด้าน และผลส่งทำให้เกิดปัญหาตามมาจำนวนมากเช่นกัน  
ย้อนกลับมาที่ กรณีการออกคำสั่ง หัวหน้า คสช. เรื่องการแต่งตั้งให้ นายนัฑ ผาสุข ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แทนนายจเร พันธุ์เปรื่อง แม้ในทางปฏิบัติ เป็นเรื่องที่ถูกต้องที่ว่า หลังจากรู้ว่าการออกคำสั่งของตนเอง อาจจะมีความบกพร่องและผิดพลาดเกิดขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ ก็รีบตัดสินใจแก้ไขปัญหา ด้วยการออกคำสั่งแก้ไขคำสั่งเดิมทันที และเป็นสิ่งที่ผู้นำควรปฏิบัติอย่างยิ่ง
แต่ในทางปฏิบัติที่ถูกต้องจริงๆ แล้ว ปัญหาเรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ใช้ความระมัดระวังรอบคอบในการพิจารณาใช้อำนาจมากกว่านี้
ทุกครั้งที่ได้รับการรายงานข้อมูลจากผู้ใกล้ชิด และเจ้าหน้าที่เข้ามา ควรจะต้องมีการตรวจสอบพิจารณาข้อมูลให้ครบถ้วนรอบด้านก่อนตัดสินใจ
เพราะอำนาจ คือ ของศักดิ์สิทธิ โดยเฉพาะอำนาจมาตรา 44  ไม่ใช่ของเล่น ที่นึกจะใช้ นึกจะยกเลิกเมื่อไรก็ได้ 
และที่สำคัญ พอเกิดอะไรผิดพลาด ก็ปล่อยให้ผ่านเลยไป ทำเหมือนให้ลืมๆ ไปซะ เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน แบบที่เห็นและเป็นอยู่ในขณะนี้

ไม่มีความคิดเห็น: