นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเห็นกรณีที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้า คสช.ใช้อำนาจตามมาตรา44 สั่งย้ายนายจเร พันธุ์เปรื่อง พ้นเลขาธิการสภาสภาผู้แทนราษฎร ไปช่วยราชการเป็นที่ปรึกษาประจําสํานักนายกฯ โดยเห็นว่า มีการใช้อำนาจตามมาตรา 44 กับบุคลากรของรัฐสภา 2 ครั้งแล้ว ซึ่งหากจะเอาผิดใครก็ควรจัดการต้นตอ นอกจากนี้ยังเห็นว่า การย้ายคนนอกเข้ามาเป็นการบั่นทอนจิตใจของคนทำงาน และขอว่าอย่าใช้อำนาจดังกล่าวพร่ำเพรื่อ
"ย้ายเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร"
อ่านข่าวท่านนายกรัฐมนตรี(หน.คสช.)ใช้อำนาจตามม.44ย้ายเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ไปประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และย้ายบุคคลจากวุฒิสภา มาทำหน้าที่เลขาสภาผู้แทนราษฎร ผมไม่สบายใจอยู่ 4-5 ประการ
1.การใช้ม.44กับเลขาสภาผู้แทนราษฎรเกิดขึ้น2ครั้งแล้วตั้งแต่มีการยึดอำนาจ ซึ่งปกติไม่ค่อยมีการใช้อำนาจพิเศษอย่างนี้กับบุคลากรของรัฐสภา
2.หากเลขาสภาผู้แทนราษฎรปฏิบัติหน้าที่โดยไม่สมควรเช่นในอดีตมีการติดตั้งนาฬิกาในสภาราคา70,000บาท/เครื่องหรือเรื่องอื่นใดก็ตามขอให้ทราบว่าลำพังเลขาสภาฯไม่สามารถทำอะไรได้มากมายหรอกแต่ต้องมีคนอยู่เบื้องหลังคือฝ่ายการเมือง เช่น ประธานสภาผู้แทนราษฎร หากจะเอาผิดก็ควรเอาผิดให้ถึงต้นตอ
3.การย้ายบุคคลจากวุฒิสภามาดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นการตัดโอกาสข้าราชการจากสภาผู้แทนราษฎรที่จะเติบโตก้าวหน้าตามสายงาน ยิ่งผู้ที่จะมาใหม่ยังมีอายุราชการอีกนาน(มาก) ยิ่งตัดโอกาสและบั่นทอนขวัญ-กำลังใจ คนจากสภาผู้แทนราษฎร
4.หากเลขาสภาฯทำไรผิด ก็ควรใช้วิธีปฏิบัติอย่างอื่นดีกว่า อย่าใช้ม.44พร่ำเพรื่อเลย สถาบันสภาผู้แทนราษฎรบอบช้ำมากแล้ว
5.การใช้อำนาจตามม.44ควรให้ประชาชนรับรู้เหตุผลด้วยว่าเพราะอะไรอย่างน้อยผมก็เป็นคนไทยคนหนึ่งที่อยากรู้ผมมิได้ปฏิเสธการใช้อำนาจแต่ผมมีสิทธิรับทราบเหตุผลการใช้อำนาจบ้างมิใช่หรือ?
6.อยากรู้จริงๆใครเป็นเจ้าของความคิดให้หน.คสช.ใช้อำนาจตามม.44กับกรณีนี้ซึ่งผมคิดว่าเป็นเรื่องเล็กเกินไปที่จะใช้อำนาจตามม.44กับเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
ผมตรงไปตรงมาอย่างนี้แหละครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น