PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558

อลงกรณ์แบไต๋! เอาแน่คณะกรรมการปรองดอง ตามแนว"เอนกโมเดล"แก้การเมืองสีเสื้อ

วันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558 มติชน



นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวถึงสูตรการทำงานของ สปท. 1+1+18 ภายใต้การทำงาน 20 เดือนว่า ระยะแรก 1 เดือนนับจากวันที่ 19 ต.ค. คือการยกร่างกลไก ทั้งการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการยกร่างข้อบังคับการประชุม และตั้งคณะกรรมาธิการปฏิรูปทั้ง 11 ด้าน ซึ่งจะใช้เวลา 1 เดือน โดยในวันที่ 20 ต.ค. เวลา 09.00 น. จะเป็นการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกในเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะการสร้างความปรองดอง ก่อนนำข้อสรุปเข้าสู่การพิจารณาของการประชุมแม่น้ำ 5 สาย ในวันที่ 28 ต.ค.นี้

นอกจากนี้ ในวันที่ 20 ต.ค. จะมีการเปิดศูนย์สื่อสาร สปท.ที่รัฐสภา เพื่อเปิดช่องทางให้ประชาชนได้ส่งวิธีการปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ ระยะที่ 2 สปท.จะใช้เวลา 1 เดือน กลั่นกรอง 37 วาระการปฏิรูป และ 8 วาระการพัฒนา ของ สปช. เพื่อจัดลำดับความสำคัญ ก่อนจะใช้เวลา 18 เดือน ดำเนินการสรุปวิธีการปฏิรูปทั้งหมดส่งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ส่วนร่างกฎหมายจะส่งต่อไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)

นายอลงกรณ์ยังกล่าวถึงแนวทางการสร้างความปรองดองว่า ขึ้นอยู่กับข้อบังคับการประชุมที่จะร่างขึ้น และนโยบายของ ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธาน สปท. แต่จากการหารือร่วมกันระหว่างประธานและรองประธาน เห็นว่าประเด็นดังกล่าวมีความสำคัญและมีความจำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการสร้างความปรองดอง สานต่อแนวทางของคณะกรรมการชุดของนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ อดีตประธานคณะกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)

"มั่นใจว่าจะสามารถควบคุมบรรยากาศการประชุมได้ แม้ว่าส่วนประกอบของ สปท.จะมีทั้งพรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองคู่ขัดแย้งร่วมด้วย โดยจะทำให้ สปท.เป็นสัญลักษณ์และจุดเริ่มต้นของการปรองดอง ยอมรับว่าอาจเป็นเรื่องลำบาก ที่จะประสานแนวคิดทุกกลุ่มให้เป็นเอกภาพ แต่ยังมั่นใจว่าทุกฝ่ายมีเป้าหมายเดียวกัน ซึ่งจะต้องมีการพูดคุยนอกรอบระหว่างสมาชิกมากขึ้น" นายอลงกรณ์กล่าว

นายอลงกรณ์กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม สปท.จะไม่จัดสรรโควตาในตำแหน่งประธานและรองประธาน แต่ละคณะกรรมาธิการ ทุกตำแหน่งจะมีคณะกรรมการกลั่นกรองบุคคลที่เหมาะสมมาทำหน้าที่ ไม่เหมือนสภาการเมือง ขอให้ลืมรูปแบบเดิมเรื่องการจับจองโควตาในอดีต

ไม่มีความคิดเห็น: