PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ประวัติของนายปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ในมุมที่ไม่อยากให้โลกรู้-3

By TRACHOO KANCHANASATITYA 

หากได้อ่าน 2 บล็อกที่แล้วของผมคงจะจำกันได้ว่านายปูตินจับพลัดจับผลูจากการเป็นสายลับตกงานจนกลายมาเป็นประธานาธิบดีที่ทรงอิทธิพลของโลกในวันนี้ แต่บล็อกที่แล้วไม่ได้ลงในรายละเอียดเชิงลบที่เค้าดำเนินชีวิตมา บางทีอ่านเรื่องราวของเค้าจากบล็อกตอนนี้แล้ว อาจจะไม่ค่อยอยากปลื้มเค้าอย่างที่หลายคนกำลังปลื้มอยู่ก็เป็นได้
การกลับมาเป็นประธานาธิบดีครั้งนี้ของเค้าในปี 2012 หลังจากที่สลับให้นาย Dmitry Medvedev ผลัดเป็นประธานาธิบดีไปทีนึง ครั้งนี้เค้าแก้กฏหมายต่ออายุให้ดำรงตำแหน่งได้ 6 ปีต่อเทอม เป็นที่คาดว่าเค้าจะสามารถอยู่ได้จนถึงปี 2024 นับจากวันนี้ไปอีก 9 ปี ในขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาต้องเปลี่ยนอีก 2 คนใน 3 เทอม เกิดความได้เปรียบในความต่อเนื่อง และมันน่าสงสัยไหมว่าทำไมถึงต้องทำอย่างนี้ ที่แน่ๆเค้าแสดงให้โลกตะวันตกรู้แล้วว่า ประชาธิปไตยน่ะ ไม่ใช่เป้าหมายของเค้าคนนี้อย่างแน่นอน
เพื่อให้เห็น”ความเป็นนายปูติน”กันอย่างชัดๆเรามาเริ่มต้นกันลึกๆเลย
วลาดิเมียร์ ปูติน อายุ 16 ปี
วลาดิเมียร์ ปูติน อายุ 16 ปี
ในสมัยที่ยังเป็นสหภาพโซเวียต ตอนอายุ 16 เค้าเดินไปสมัครทำงานกับ KGB แต่โดนปฏิเสธบอกว่าให้ไปเรียนหนังสือมหาลัยมาให้จบก่อนค่อยกลับมาใหม่ เค้าก็กลับมาจริงๆและอยู่จนได้เป็นระดับสูงถูกส่งไปดำรงตำแหน่งที่เยอรมันจนกระทั่งเยอรมันตะวันออกตะวันตกรวมตัวกัน เค้าเลยตกงานกลับประเทศที่บ้านเกิดของเค้าที่เมืองเลนินกราดปัจจุบันเรียกว่า เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก
นายปูตินตอนทำงานที่เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก
นายปูตินตอนทำงานที่เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก
Anatoly Sobchak ผู้ว่าการเมืองเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก นายของปูติน
Anatoly Sobchak ผู้ว่าการเมืองเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก นายของปูติน
การตกงานครั้งนี้เค้าได้รับการชักชวนให้มาเป็นรองผู้ว่าการเมืองเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ที่เมืองนี้คือเมืองหลวงแห่งแก๊งค์สเตอร์ที่คนที่บริหารเมืองจะต้องควบคุมให้อยู่ในกำมือให้ได้ เมื่อผู้ว่าการ Anatoly Sobchak ไม่อยากมือเปื้อน นายปูตินก็ได้มีโอกาสแสดงฝีไม้ลายมือที่ได้รับการฝึกมากว่า 16 ปีจากการเป็น KGB เค้า”เอาอยู่”ด้วยกันร่วมกันคอรัปชั่นเมืองทั้งแก๊งค์สเตอร์โกงเงินของเมือง ทุกอย่างมีหลักฐานหมดว่าพวกเค้าร่วมกันโกง และแล้วเมื่อถึงวันที่ผู้ว่าการเมืองหมดอายุการทำงาน คราวนี้แหละคือช่วง “เช็คบิล” ที่ประชาชนจะไม่เอาพวกผู้บริหารเดิม เป็นอีกครั้งนึงที่นายปูตินได้แสดงฝีมืออีกแล้ว
เมื่อหมดอำนาจผู้ว่าการเมืองเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ก็ไม่มีใครให้ความสนใจช่วยเหลือ แต่ นายปูตินคือคนๆเดียวที่ไม่ทอดทิ้งนาย ในขณะที่ชาวเมืองกำลังเตรียมจัดการกับผู้ว่าการเมืองเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก นายปูตินก็จัดฉากให้ผู้ว่าการเกิดเป็นโรคหัวใจกระทันหันในวันหยุดของประเทศที่ไม่มีใครสนใจจะออกมาสกัดกัน แล้วเรียกรถพยาบาลพาขึ้นเครื่องบินส่วนตัวบินออกนอกประเทศไป จากนั้นอีกไม่กี่สัปดาห์ต่อมาผู้ว่าการคนดังกล่าวก็ออกสื่อที่ฝรั่งเศสในสภาพสุขภาพสมบูรณ์เต็มที่ไม่มีร่องรอยของการเป็นคนป่วยโรคหัวใจแต่อย่างใด
ความจงรักภักดีของนายปูตินที่ไม่ทอดทิ้งเจ้านายเลื่องลือไปถึงเครมลิน ตอนนั้นนายเยลต์ซินกำลังป่วยๆและด้วยความที่สร้างวีรกรรมไว้เยอะ วีรกรรมด้านลบๆนะครับ เค้าเลยอยากให้มีใครสักคนที่มารับตำแหน่งแล้วปกป้องเค้าแบบที่นายปูตินทำให้กับผู้ว่าเมืองเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก จุดนี้เองคือจุดเปลี่ยนผันจากสายลับตกงานมากลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลของโลก 
นาย Boris Berezovsky
นาย Boris Berezovsky
นายปูตินได้รับการติดต่อจากนาย Boris Berezovsky ผู้ทรงอิทธิพลจากการสร้างความร่ำรวยจากการเปลี่ยนแปลงของประเทศในกลุ่มที่เรียกว่า Oligrach คนพวกนี้ฉลาดมาก เค้าควบคุมนายเยลต์ซิน มาได้ตลอดพอนายเยลต์ซินจะลงจากตำแหน่งก็หาคนมารับตำแหน่งแทน ด้วยความหวังว่าจะคุมนายปูตินได้ในฐานะที่เป็นผู้มีบุญคุณ แต่ที่ไหนได้ นายปูตินปราบปรามพวก Oligrach กระเจิงหนีออกนอกประเทศไปหมด
เยลต์ซิน กับ นายปูติน
เยลต์ซิน กับ นายปูติน
ย้อนกลับมาที่สิ่งที่นายปูตินไม่อยากให้โลกรู้ดีกว่าครับ ในปี 1999 เมื่อนายปูตินมาถึงก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีเลย แต่หากจะให้ได้เป็นประธานาธิบดีเลยมันคงยากที่จะได้รับการยอมรับเพราะ นายปูตินไม่ได้เป็นอะไรที่โด่งดังเลย คนก็แทบจะหาประวัติคุณงามความดีไม่ได้จะให้ชนะการเลือกตั้งได้อย่างไร จากนั้นอีกเพียงสองเดือนเกิดเหตุระเบิดตามอพาร์ทเม้นท์ที่พักของคนในมอสโคว์หลายแห่ง ผู้คนล้มตายไปกว่า 300 คน นายปูตินในฐานะนายกรัฐมนตรีออกมาแสดงความแข็งขันจะปราบคนที่วางระเบิดให้ได้ และโบ้ยความผิดไปยังเชชเนีย นายปูตินสั่งล้างแค้นด้วยการสั่งไปบอมบ์เชชเนียเป็นการแก้แค้น ผู้คนล้มตายไปเป็นพันในเชชเนียสังเวยความสะใจให้ชาวรัสเซีย นายปูตินได้ใจผู้คนเป็นอย่างยิ่ง 
ตึกที่โดนถล่มและมีความสูญเสียมากมาย
ตึกที่โดนถล่มและมีความสูญเสียมากมาย
แต่ปฏิบัติการณ์นี้ดันมีเรื่องพลาดคือ ดันมีการค้นพบระเบิดที่ใต้ตึกแห่งนึงก่อนที่มันจะระเบิดขึ้นมา คราวนี้กลายเป็นเรื่องเลย เพราะสังคมกำลังรอว่าเมื่อไหร่ทางการจะจับตัวคนวางระเบิดได้เสียที แต่ยังจับไม่ได้ ดันมีเหตุการณ์นี้แถมชนวนระเบิดดันเป็นแบบเดียวกันและทั้งหมดโยงไปที่คนของ FSB หรืออดีต KGB ทั้งหมด ต่อมาทาง FSB ออกมาแถว่าเป็นการ”ซ้อม” ประชาชนเริ่มไม่เชื่อละจากนั้นมากเหตุการณ์นี้ทำให้คนรัสเซียเริ่มฉุกคิดว่า ใครกันแน่ที่เป็นคนวางระเบิด ชาวรัสเซียเรียกร้องให้มีการสืบสวนอย่างจริงจัง ผ่านมาวันนี้ 16 ปีเข้าไปแล้วนายปูตินไม่เคยสั่งการให้สอบสวนเลย นี่มันยังไงกันแน่
เชชเนีย อยู่ตรงนี้
เชชเนีย อยู่ตรงนี้
จากเหตุการณ์ทั้งหมด นายปูตินกลายเป็นฮีโร่ครับเค้าได้รับการเลือกตั้งเข้ามาเป็นประธานาธิบดีของประเทศรัสเซีย แต่ เหตุการณ์บอมบ์ที่ทำให้มีคนล้มตาย และ เป็นเหตุอ้างให้เข้าไปถล่มเชชเนียยังคาใจผู้คนอีกมาก มีคนหลายคนที่พยายามสืบสาวเรื่องๆนี้ สุดท้าย ไม่ตายก็ติดคุก ก็ต้องหนีไปอยู่ประเทศอื่น คนที่ออกมาแฉเรื่องนี้ที่ดังที่สุดคือนาย Alexander Litvinenko อดีตสายลับคนนึงของรัสเซียแนวๆเดียวกับนายปูติน เค้าถึงกับต้องหนีไปอยู่ที่ลอนดอนเพราะเค้าออกมาแฉและคนก็สนใจเพราะเป็นพวก FSB ด้วยกัน เรื่องของนาย Litvinenko โด่งดังที่สุดเพราะ เค้าโดนลอบฆ่าด้วยการใช้ยาพิษที่เป็นสารกำมันตรังสี Polonium ที่โลกนี้มีที่ผลิตอยู่ที่เดียวคือ รัสเซีย
Litvinenko ผู้ที่อาจหาญออกมาแฉเรื่องระเบิดว่า FSB อยู่เบื้องหลัง
Litvinenko ผู้ที่อาจหาญออกมาแฉเรื่องระเบิดว่า FSB อยู่เบื้องหลัง
ชักยาวครับ เดี๋ยวอ่านแล้วเบื่อ เดี๋ยวไปต่อตอนที่ 4 กันนะครับ นายปูตินมาจากความเปลี่ยนแปลงของสหภาพโซเวียต และ มาเปลี่ยนแปลงรัสเซีย แต่ เค้าลงจากหลังเสือไม่ได้ ทำไงดี อ่านต่อตอนหน้านะครับ 

ไม่มีความคิดเห็น: