PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2559

เดียร์ โพสFb ว่าด้วยการเรียกปรับทัศนคติ



ขัตติยา สวัสดิผล@via
นับแต่มีการรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 จนถึงวันนี้...ก็เป็นเวลากว่า 600 วันแล้วค่ะ ที่รัฐบาลทหารยังคงเรียกตัวบุคคลที่ใช้เสรีภาพในการแสดงออกของตน (ที่แม้จะมีอยู่เพียงน้อยนิด) ไป “ปรับทัศนคติ” แบบไม่หยุดหย่อน เดียร์ไม่แน่ใจว่า...ทางรัฐบาลทหารเคยลองคิดน้อมรับความเห็นหรือคำวิจารณ์ เพื่อนำไปหาแนวทางในการบริหารประเทศหรือหาแนวทางในการปรองดองอย่างที่ปากบอกว่าต้องการหรือไม่ แต่เดียร์ว่าประชาชนทั่วไปน่าจะคิดได้ว่า...วิธีแบบไหนจะทำให้ประเทศก้าวไปข้างหน้า และแบบไหนจะทำให้ประเทศถอยหลังลงคลอง และการกระทำแบบไหนคือการทำเพื่อประเทศชาติและประชาชน และแบบไหนคือการกระทำเพื่อต่ออำนาจให้ตัวเองและพวกพ้อง
จากที่สัมผัสมา...นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี รวมถึงส.ส. (โดยเฉพาะที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน) ถือหลักว่าทุกคะแนนเสียงที่ประชาชนเลือกเราให้เข้าไปเป็นตัวแทนเขาในสภานั้นมีคุณค่า ผู้ที่ได้รับเลือกเข้าไปจึงต้องตั้งใจทำงานเพื่อตอบแทนทุกคะแนนเสียงที่มีให้ และแม้จะพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว (ไม่ว่าจะด้วยการยุบสภาหรือโดนปล้นไปก็ตาม) หน้าที่หลักในการพูดแทนประชาชน เป็นปากเป็นเสียงให้ประชาชน และสะท้อนความทุกข์ร้อนของประชาชนให้ดังขึ้นเพื่อรับการแก้ไขนั้น ก็ยังคงเป็นสิ่งที่ติดตัวอดีตนายกฯ อดีตรัฐมนตรี และอดีตส.ส. อยู่ตลอดเวลา
เช่นเดียวกับกรณีของพี่เงาะ (วรชัย เหมะ) และอาไก่ (วัฒนา เมืองสุข) ค่ะ ทั้งคู่เป็นอดีตส.ส. และตัวอาไก่เองก็เป็นอดีตรมต. ด้วย ที่แม้จะถูกข่มขู่จากรัฐบาลทหารหลายต่อหลายครั้งเกี่ยวกับการออกมาแสดงความเห็นทางการเมือง แต่การที่ทั้งคู่ออกมาเสนอความคิดหรือตั้งคำถามไปยังรัฐบาลนั้นก็ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อสะท้อนความคิดหรือคำถามของประชาชนให้รัฐบาลทหารได้ฟัง และเพื่อให้รัฐบาลทหารได้ตอบคำถามในสิ่งที่ประชาชนอยากรู้ เดียร์จึงขอส่งกำลังใจจากโพสต์นี้ของเดียร์ไปยังอาไก่และพี่เงาะนะคะ
เดียร์ว่า...ให้โอกาสเราได้พูด ได้แสดงความเห็น ได้สะท้อนความคิดของประชาชนให้ท่านฟังบ้างเถอะค่ะ
เพราะสุดท้ายแล้วไม่ใช่นักการเมืองแต่เป็นประชาชนนี่แหละ
ที่จะเป็นคนเลือกทางเดินให้กับประเทศ

ไม่มีความคิดเห็น: