PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2560

(ข้อมูล)บุญทรง : อนาคตที่ไม่ได้ขึ้นกับเจ๊แดง (อีกแล้ว)

(ข้อมูล)

บุญทรง : อนาคตที่ไม่ได้ขึ้นกับเจ๊แดง (อีกแล้ว)

โดย บัณรส บัวคลี่   
15 ตุลาคม 2555 19:44 น.
        บุญทรง เตริยาภิรมย์ เป็นคนสนิทของเจ๊แดง เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ อันที่จริงมีรัฐมนตรีสายวังบัวบานที่นั่งในครม.ปูอีกคนคือ วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล แต่ความสนิทสนมเป็นวงในของเสี่ยแมวเมืองแป้ ทายาทเจ้าของกิจการเหมืองบ้านปู ยังสู้บุญทรงไม่ได้ แม้ว่าธุรกิจส่วนตัวของบุญทรงจะไม่รุ่งเรืองมากมายไม่ได้เป็นกระเป๋าภาคเหนือของพรรคแต่การบริการหลังการขายที่ก้มหน้าก้มตารับใช้ไม่ปริปากบ่นกลับเข้าตาเจ้าแม่ภาคเหนือมากกว่า
       
       บางคนในแวดวงเพื่อไทยบอกว่ารัฐมนตรีบุญทรงคนนี้แหละคือผู้กุมกล่องดวงใจของเจ้าแม่ภาคเหนือเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ล่วงรู้เรื่องราวมากมายทั้งเรื่องธุรกิจเรื่องส่วนตัว กระแสข่าวแรงกระแทกกดดันใส่เก้าอี้รมว.พาณิชย์ ไม่ใช่มีแค่จากภายนอกพรรคเท่านั้น แม้กระทั่งภายในพรรคก็เริ่มมีกระแสกดดันต่อบุญทรง แต่เชื่อเหอะว่าในระยะสั้นๆ ตอนนี้ยังไม่ระคายผิวหรอกเพราะคนที่จะคุยกันมีแต่พี่น้อง 3 คนคือ พี่ชาย พี่สาว กับน้องสาวที่กุมอำนาจอยู่เท่านั้น
       
       ดูในอินเทอร์เน็ตมีข้อมูลบางแหล่งระบุว่าบุญทรงเป็นนายทุนพรรคขาใหญ่แห่งภาคเหนือ เพราะดูจากโปรไฟล์ว่าเป็นเจ้าของโรงเลื่อย และดีลเลอร์เบนซ์ในเชียงใหม่ ตลอดถึงตำแหน่งประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัด (2540-2543) ซึ่งข้อมูลนี้มีความคลาดเคลื่อนพอสมควร
       
       บุญทรงไม่ใช่นายทุนพรรคตามที่มีข้อมูลบางแหล่งเขียนไว้ หลังจากจบการศึกษาจากอเมริกาก็มารับสืบทอดกิจการโรงเลื่อยจักรไทยพนา ซึ่งในยุคหลังจากปิดป่ากิจการโรงเลื่อยก็ซบเซาลงมาเรื่อยๆ จะมีคึกคักบ้างก็เฉพาะกิจการที่เป็นเครือข่ายของไม้พม่า ต้องมีสายสัมพันธ์กับทหาร กิจการโรงเลื่อยยุคหลังปี 2535 จึงเป็นกิจการการเมืองเต็มตัวนี่เองที่บุญทรงต้องเรียนรู้เรื่องสายสัมพันธ์ ขณะที่กิจการดีลเลอร์เบนซ์ช้างเผือกนี่ก็เป็นกิจกรรมร่วมทุนจากหลายแหล่ง เปิดดำเนินการปลาย 2538 ตอนฟองสบู่ใกล้แตกแล้ว กล่าวได้ว่างานด้านธุรกิจของบุญทรงก่อนปี 2544 ไม่มีความโดดเด่นนัก มีแค่ตำแหน่งในองค์กรสภาอุตสาหกรรมเท่านั้นที่ดูหวือหวาใหญ่โต
       
       การเข้าไปเป็นผู้สมัครไทยรักไทยเป็นเพราะโปรไฟล์ของความเป็นนักธุรกิจที่มีสายสัมพันธ์กว้างขวางในพื้นที่ เป็นตระกูลนักธุรกิจเชื้อสายจีนดั้งเดิมมีพี่น้องอยู่ย่านวัดเกตุ และเป็นศิษย์เก่ามงฟอร์ต ในตอนนั้นคือพ.ศ. 2543 ไทยรักไทยกำลังสร้างพรรค ขนาดที่ผ.อ.ภาคเหนือ ก็เปลี่ยนแปลงกันหลายรอบกว่าจะลงตัวที่เจ๊แดง-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ทีมงานสร้างพรรคพยายามดึงเอาทรัพยากรและความร่วมมือจากทุกแหล่ง สายหนึ่งก็ดึงพลพรรคที่เคยเข้าป่ามาร่วมงานพรรคและจัดตั้งมวลชน ทางหนึ่งทักษิณเดินสายไปพบนักการเมือง+นายทุนใหญ่ เช่น ดึงยงยุทธ-เชียงราย ลดาวัลลิ์-พะเยาจากปชป. ไปพบพ่อเลี้ยงณรงค์ พ่อเลี้ยงเมธาเมืองแพร่ขอให้ร่วมช่วย อีกทางหนึ่งก็ดึงความร่วมมือจากธุรกิจตระกูลท้องถิ่น บุญทรง เป็นตัวแทนของภาคธุรกิจเชียงใหม่ที่เข้ามาในยุคสร้างพรรค
       
       หลังจากได้รับเลือกตั้ง บุญทรงถูกวางตัวให้ร่วมงานกับเจ๊แดง อันที่จริงทั้งสองฝ่ายต่างก็เป็นมือใหม่ทางการเมืองทั้งคู่ ตอนที่เจ๊แดงมารับหน้าที่เป็นผ.อ.พรรคใหม่ๆ บารมียังไม่มี เจ๊แกก็วางตัวไม่ถูกยังไม่มีมาดเจ้าแม่ ตอนที่มีแถลงข่าวที่สำนักงานสาขาพรรคที่ถนนลอยเคราะห์ยังลงมาโบกรถ รอรับนักข่าวด้วยตนเอง จำได้ว่ามีนักข่าวสาวจากสำนักหนึ่งมีปัญหาเรื่องการจอดรถยังเคยไปโวยกับเจ๊แกเลยนึกว่าเจ้าหน้าที่พรรคคนหนึ่งกระมัง หรือตอนสัมมนามีการพักเบรคเจ๊แกออกมาเรียกให้เข้าไปประชุมต่อก็ไม่มีใครเชื่อ ... บารมีต่างๆ ของเจ๊แดงเริ่มเพิ่มขึ้นในช่วงหลังจากได้รับเลือกตั้งแล้ว นักการเมืองสายเหนือเริ่มเข้ามาเกาะเพื่อต่อรองกับวังน้ำเย็นของป๋าเหนาะ นั่นแหละจึงเป็นที่มาของการผงาดขึ้นของเจ้าแม่วังบัวบาน ซึ่งกว่าจะบานจริงๆ ก็หลังพ.ศ.2546 ไปแล้ว
       
       บุญทรงในฐานะคนสนิทของเจ้าแม่ ได้ใช้คอนเน็คชั่นทั้งด้านธุรกิจในสภาอุตฯ และความเป็นศิษย์เก่ามงฟอร์ตรุ่น ม.ศ.3 พ.ศ. 2518 หรือที่เรียกว่า MC-18 ช่วยเหลือกิจการของเจ๊แดง ไม่ว่าการฟื้นเวียงกุมกาม และการบูมสันกำแพงตลอดถึงการขับเคลื่อนนโยบายพรรคในส่วนภาคเหนือ บุญทรง เป็นแกนในการดึงเพื่อนร่วมรุ่นมงฟอร์ตมาช่วยงานพรรคที่โดดเด่นที่สุดคือดร.ชัยธวัช เสาวพนธ์ ผ.อ.สำนักบริการคอมพิวเตอร์ ม.ช. ที่เข้าไปมีบทบาทในแทบทุกโครงการใหญ่ในภาคเหนือของรัฐบาลไทยรักไทย
       
       กรณี ดร.ชัยธวัช นี่ก็เป็นร่องรอยความเติบโตแผ่กิ่งก้านของบุญทรงภายใต้วังบัวบานที่ชัดเจนอีกตัวอย่าง บุญทรง มีชื่อเล่นว่า “ฮุก” ส่วนดร.ชัยธวัช มีชื่อเล่นว่า “จิ๊บ” เพื่อนฮุกส่งเสริมเพื่อนจิ๊บดึงมาช่วยงานนาย เพื่อนจิ๊บผันตัวเองออกจากวงวิชาการเรื่อยๆ จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของวงการเมืองสายเจ๊แดงไปในที่สุด ปัจจุบันชัยธวัชมีกิจการด้านวางระบบคอมพิวเตอร์ และเป็นบอร์ด กฟภ.
       
       ด้วยความที่ติดสอยห้อยตามมาตั้งแต่เริ่มเรียนรู้การเมืองจนกลายเป็นเจ้าแม่มุ้ง จากโครงการอื้อฉาวยุคแรกๆ คือการซื้อตึกเพื่อเป็นที่ทำการของธนาคารเอสเอ็มอี ที่มีคนในพรรคด้วยกันนี่แหละเปิดโปงว่ากลุ่มการเมืองภาคเหนือมาแทรกแซงแย่งกันขาย(ซึ่งแท้จริงเป็นเรื่องเล็กมากๆ ก็แค่วิ่งขายตึกกินหัวคิว) มาจนถึงเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับเจ้าแม่ในยุคหลัง จนที่สุดบุญทรงเริ่มกลายเป็น “กุญแจ” สำคัญในกิจการงานของเจ๊แดง เยาวภา
       
       ปี 2547 มีการจดทะเบียนตั้งบริษัท บีโฟร์พี คอนซัลแต้นท์ แอนด์ โฮลดิ้ง จำกัด ตั้งสำนักงานที่เดียวกับโรงเลื่อยจักรไทยพนาของบุญทรง หุ้นครึ่งหนึ่งมาจากสายเหมืองแร่ หุ้นส่วนที่เหลือล้วนแต่ใกล้ชิดกับส.ส.บุญทรง เตริยาภิรมย์ ทั้งสิ้นเช่น แม่ยายและเพื่อนร่วมรุ่น อย่างชัยธวัช เสาวพนธ์ เบื้องต้นคือเข้าไปถือหุ้นกิจการโรงเลื่อยที่เป็นกิจการดั้งเดิมของตระกูล แต่ต่อมาก็ใช้บริษัทนี้เพื่อกิจการที่เป็นสายสัมพันธ์ทางการเมือง สำนักข่าวอิศราเคยตีพิมพ์เผยแพร่สกู๊ปเรื่อง “เปิดสัมพันธ์ลึกธุรกิจบุญทรง เจ๊แดง ยิ่งลักษณ์” ก่อนนั่งเก้าอี้รมว.พาณิชย์ ชัดเจนว่าบริษัทที่ใกล้ชิดเป็นเนื้อเดียวของบุญทรงเข้าไปร่วมถือหุ้น บริษัทที่ญาตินี่น้องของเจ๊แดง-ยิ่งลักษณ์ ถือหุ้นที่ชื่อว่า บริษัท แอล แอล เอส คอร์ปอเรชั่น จำกัด
       
        น่าสังเกตว่า บริษัท แอล แอล เอส คอร์ปอเรชั่น จำกัด ตั้งขึ้นมาในยุคที่บารมีทางการเมืองของเจ๊แดงกำลังเบ่งบานถึงขีดสุด !! 
       
       คนในแวดวงการเมืองไม่ว่าในและนอกพรรคนินทาบทบาทของบุญทรงที่แนบแน่นกับเจ๊แดงอยู่หนาหู บ้างก็มองด้วยความแปลกใจที่นักธุรกิจหนุ่มหน้าตาดีจะได้รับความไว้ใจจากเจ๊แดงให้เข้านอกออกในเสมือนเลขาส่วนตัว บ้างก็มองด้วยความอิจฉาแต่นั่นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคของการเติบโตทางการเมืองของบุญทรง หลังจากสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีบุญทรงมีหน้าที่ลักษณะเดียวกับผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ ในยุครัฐบาลทักษิณ คือเป็นคนสนิทที่คอยติดตามไปทุกแห่งไม่เว้นแม้ตอนขึ้นเฮลิคอปเตอร์หนีม็อบที่รัฐสภา แสดงให้เห็นถึงความใกล้ชิดลึกลงไปถึงระดับก้นครัว
       
       จึงไม่แปลกอะไรเลยที่มาถึงรัฐบาลปู บุญทรงจะได้รับปูนบำเหน็จจาก รมช.และก็พรวดขึ้นเป็นรมว.กระทรวงเกรดเออย่างกระทรวงพาณิชย์ 
       
       ระหว่างนี้มีกระแสกดดันจากแวดวงคนในพรรคเพื่อไทยมากขึ้นเรื่อยๆ จากกรณีจำนำข้าวก็ปรากฏเจ๊แดงเทียวไปเทียวมาหิ้วถุงขนมไปกินกับน้องปูที่ทำเนียบรัฐบาล ไปกินข้าวกระหนุงกระหนิงกันตามประสาพี่น้อง คนบางกลุ่มบอกว่านี่เป็นสัญญาณความมั่นคงของโควต้าเก้าอี้สายวังบัวบาน แต่คนทำงานพรรคสายเดือนตุลากลับมองว่า การปรับรอบนี้หนีไม่พ้นต้องปรับใหญ่คือ 1./ตำแหน่งหัวหน้าพรรคและการเพิ่งเริ่มบริหารกิจการพรรคของผ.อ.ภูมิธรรม 2./บ้านเลขที่ 111 ที่รอคิวมานานและที่สำคัญคนกลุ่มนี้หลายคนทุ่มเทช่วยเหลือการชุมนุมไม่แพ้ส.ส. 3./การขยายวงของปัญหาจำนำข้าว
       
        นี่เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่ต้องจับตาให้ดีเพราะต่อให้รัฐมนตรีเสี่ยฮุกบุญทรงจะมีแบ็คแน่นปึ้กอย่างเจ๊แดง เยาวภาแต่หากบริหารงานในโหมด “ระบายข้าว” ต่อไปแบบไม่เข้าตา กล่าวคือ เจรจาขายข้าวได้ต่ำกว่ากำหนด หว่านล้อมผู้ส่งออกมาช่วยแบ่งภาระระบายข้าวออก 
       
       การระบายข้าวเป็นโหมดบังคับให้พรรคเพื่อไทยทะลุ่มทะลุยเดินหน้าต่อแม้จะลากลู่ถูกังเพียงใดก็ตาม เมื่อศาลรัฐธรรมนูญไม่รับเรื่องที่คณาจารย์นิด้ายื่นไปก็ไม่มีทางลงอื่นนอกจากประกาศยกเลิกไปเองซึ่งมันเสียหน้ามากมีแต่ต้องกัดฟันเดินหน้าต่อโดยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายข้าวให้มากกว่าที่เป็นมา 
       
       ระหว่างนี้รัฐมนตรีบุญทรงคงจะอาศัยร่มบารมีของเจ๊แดงคุ้มครองไปได้สักระยะหนึ่ง ใช้วิธีหลบเลี่ยงไม่เปิดเผยรายละเอียดอ้างความมั่นคงเศรษฐกิจบ้าง อ้างจะเกิดม็อบกับประเทศผู้ซื้อไปแบบข้างๆคูๆบ้าง ทั้งหมดก็เพื่อซื้อเวลาเท่านั้น ซึ่งมันเป็นภารกิจที่ไม่ง่ายเลย ทางหนึ่งรักษาโครงการไว้บัญชาการคนในกระทรวงคอยตอบโต้ชี้แจงสร้างภาพลักษณ์ ทางหนึ่งรักษาเครือข่ายสายสัมพันธ์ข้อตกลงต่างๆ ที่เป็นบุญคุณความแค้นทั้งของเจ้านายและของส่วนตัว อีกทางหนึ่งต้องเร่งทำงานจริงเพราะมีคนจับตาอยู่ว่าระบายข้าวได้ผลจริงแค่ไหน และที่สำคัญต้องระวังไม่ให้แผลลุกลามซึ่งยากมากเพราะต่อให้ปิดให้ตายยังไงที่สุดราคาขายแต่ละสัญญาก็ต้องเปิดสู่สาธารณะอยู่ดี จะช้าหรือเร็วแค่นั้น ซึ่งจะมีผลถึงการรับรู้ว่าโครงการนี้ขาดทุนมากขนาดไหน 
       
       10 ปีมานี้อนาคตทางการเมืองของบุญทรง ฝากไว้กับบารมีของเจ๊แดง วังบัวบานจนได้ตำแหน่งเป็นเสนาบดีกระทรวงเกรดเอก้าวหน้ากว่าอีกหลายคนที่เป็นส.ส.รุ่นเดียวกัน แต่มาวันนี้อนาคตทางการเมืองของรัฐมนตรีเสี่ยฮุกไม่ได้ขึ้นกับแรงดันของค่ายวังบัวบานเพียงประการเดียวอีกต่อไปอีกแล้ว 
       
       ต่อให้เจ๊กำลังสนุกสนานกับอำนาจบารมีที่แผ่ไปทุกกระทรวงทบวงกรมเพียงไร หรือมีความสุขที่เห็นคนสนิทว่าการกิจการสำคัญแค่ไหน แต่หากทั้งพี่และน้องรวมถึงพวกเดียวกันในพรรคเริ่มอึดอัด คำถามคือ เจ๊แดงเองจะรับผิดชอบเป็นแบ็คอัพยันรัฐมนตรีในคาถาที่เป็นตำบลกระสุนตกได้นานอีกสักเท่าไหร่ ? 

ไม่มีความคิดเห็น: