PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2557

.. “อำมาตย์ใหม่กำลังมา ?”

... ส่วนตัวเห็นด้วยกับ กำนันสุเทพในเนื้อหาที่ทำในตอนนี้ 2556 – 2557 เกือบทุกอย่าง ในสถานการณ์ตอนนี้ทางการเมืองไทย แบ่งออกเป็น 3 ก๊ก คือฝ่ายพรรคเพื่อไทย, ฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์, และก็เริ่มมีฝ่ายที่ 3 เพื่ออยากเป็นทางเลือกใหม่ แต่ก็มีสิ่งที่น่าห่วงเกี่ยวกับกลุ่ม “อำมาตย์ใหม่” ที่อยากเป็นผู้ถือครองอำนาจใหม่ ว่ากำลังจะหรืออาจจะใช้เลือดเนื้อของคนไทยผู้รักชาติเป็นบันไดสู่บัลลังค์อำนาจก็เป็นได้ จึงอยากตั้งข้อสังเกต

... “อำมาตย์ใหม่” ประกอบด้วย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา, นายเนวิน ชิดชอบ ,นายสุเทพ เทือกสุบรรณ, และน้องใหม่ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา

... "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" “บิ๊กป้อม” เป็นหัวเรือใหญ่จากกลุ่มทหาร “บุรพาพยัคฆ์” จากภาคตะวันออก เป็นเพื่อน เตรียมทหารรุ่น 6 กับ “บิ๊กบัง” พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน และเป็นมือเท้าของบิ๊กบัง ในการรัฐประหารเมื่อปี 2549 ด้วยเช่นกัน โดยสาเหตุนั้นมาจากการที่เริ่มไม่เห็นความมั่นคงในตำแหน่งหลังจากที่ “ทักษิณ” เริ่มมาแทรกแทรงในการแต่งตั้งโยกย้ายในฝ่ายทหารมากเกินไป และต้องการเป็นใหญ่มาแทนกลุ่มทหาร “วงษ์เทวัญ” ที่เป็นทหารในเมืองกรุง ที่ครองอำนาจมานาน

... "นายเนวิน ชิดชอบ" , จากข่าวฉาวเรื่องร่ำรวยจากทุจริตในธนาคาร BBC เมื่อหลายสิบปีก่อนจนธนาคารล่มสลายไป นักการเมืองจากอีสานใต้ที่ตำแหน่งที่ตั้งใกล้กับกลุ่มทหารภูธร “บูรพาพยัคฆ์” เนวินสร้างตัวเองจากนักการเมืองเกรดสองจนได้เป็นมือเท้าของทักษิณได้รับงานใหญ่ๆมากมาย จนทักษิณไว้ใจ จนตั้งกลุ่มแก็งสี่คนในสมัยรัฐบาล “สมัคร” นอมินีทักษิณ จนมีอำนาจล้นมือ แต่หลังจากสมัครหยุดการ “ชิบไปบ่นไป” ตามคำสั่งศาล และทักษิณดัน “สมชาย” ญาติฝ่ายเมียขึ้นมาแทน เป็นลางร้ายว่าอำนาจและบทบาทของเนวินใต้เงาทักษิณกำลังจะจืดจางลงเรื่อยๆ เพราะมีหลายกลุ่มที่อยากชิงดีชิงเด่นกันตลอดเวลา จากจุดนี้เนวินเริ่มคิดจะตีชิ่งออกมา

... ทั้งๆที่ก่อนนั้นเนวินพาทักษิณขี่ช้าง ไปทำพิธีไสยศาสตร์ที่ปราสาทเขาพนมรุ้งมาแล้ว เป็นหนึ่งในยุค “กระแสล้มเจ้า” ช่วงแรกๆ มวลชนเสื้อแดงยุคตั้งใข่ก็มาจากเนวิน การหลอกใช้มวลชนเป็นเครื่องมือเช่นกรณีล้อมอาคารเนชั่น ก็ผลงานคนนี้ ... เนวินเพิ่งจะออกหน้าเรื่องจงรักภักดีก็ตอนที่หลุดจาก “คดีกล้ายาง” แล้วหันหลังให้ขบวนการล้มเจ้าของทักษิณจนหมดสิ้นหลังจากก่อนนั้น ได้กล่าวคำว่า “มันจบไปแล้วครับนาย” พร้อมกับดึงทุนใหญ่ “ชิโนไทย” ของตระกูล ชาญวีระกูล และ “คิงส์พาวเวอร์” ของ วิชัย รักศรีอักษร ไปด้วย ( โดยหลังจากทักษิณกลับมามีอำนาจอีกในร่างน้องสาว เนวินก็แอบไปฟอกตัวกับฟุตบอลไทยลีก โดยเล่นการเมืองแบบ เล่าปี่ ใน “สงครามยุทธการเซ็กเพ็ก” ที่ส่งขงเบ้งไปร่วมรบกับ ก๊กซุนกวน กับโจโฉ, รบแบบไม่ต้องรบ )

... "สุเทพ เทือกสุบรรณ" เป็นคนประสานหลังจากพรรคพลังประชาชนโดนยุบ ได้ดึงเอาเนวินมาเป็นพรรคร่วมรัฐบาลแล้วดันให้ “อภิสิทธิ์” เป็นนายกสมหวังตั้งใจ “ไม่มีเขา ก็ไม่มีเราเป็นรัฐบาลในวันนี้" แล้วยก กระทรวงใหญ่ “มหาดไทย” “คมนาคม” ( โสภณ ซารัมย์ ) และ”พานิชย์” ให้ไปถลุงงบเล่น เพื่อเตรียมเป็น “เสบียง” ในการใช้จ่ายในอนาคตต่อไป เช่น การเช่ารถเมล์ 4,000 คันจากจีน การทำถนนปลอดฝุ่น โครงการไทยเข้มแข็ง ซื้ออาวุธไม้ตะเกียบเครื่องตรวจจับระเบิดแบบถูกหลอกในราคาแพง ล้วนแล้วแต่ต้องการเอาเงินมาทำงบให้ “กลุ่มอำมาตย์ใหม่” นี้ทั้งสิ้น โดยตอนนั้น สุเทพถูกคนในพรรคทั้งฝ่ายกลุ่มนายหัวชวน และ นายบรรญัติ บรรทัดฐาน แอบไม่พอใจ เพราะเอาใจกันอย่างออกหน้าออกตา สส.หลายคนในปชป. อยากดึงสุเทพลงจากอำนาจ ที่เล่นคนเดียวจนเพลิน ไม่สนใจคนอื่น

... ตอนช่วงที่ สุเทพเป็นผู้จัดการรัฐบาลของอภิสิทธิ์นั้น มีการออกแคมเปญในทำนองว่า “แดง เหลือง คือปัญหาความวุ่นวายของประเทศ” เพื่อจะสร้างความชอบธรรมให้คนเบื่อและเอือมระอาทั้งสองสี และต้องการเบนคะแนนความนิยมไปหา ปชป. ที่มีอภิสิทธิ์ที่ยังใหม่สด ไม่มีแผลใดๆ หลังจากช่วงแรกได้อานิสงส์จากพันธมิตรในการตัดกำลังทักษิณไปได้เยอะมาก


... แต่หลังจากนั้นหลายอย่างก็เริ่มแสดงว่า “อำมาตย์ใหม่” ต้องการแสดงตัวออกมาแล้ว หลังจาก “เกาะท้อง ปชป.เกิด” ก่อนในช่วงแรก พอโตแล้วต้องชิ่งและฆ่าคนที่เกาะมาเกิด โดยมีเหตุการณ์สามอย่างที่แสดงออกชัดเจน ที่แสดงว่า พวกเขาต้องการล้ม ปชป.

... หนึ่งคือเหตุการณ์“สุมฟืนใส่ไฟคนเสื้อแดง” ตอนประชุมอาเซียนที่พัทยา 11 เมษายน 2552 โดยมีคนเห็น เนวินซ้อนมอเตอร์ไซค์สั่งการอย่างใกล้ชิด เพื่อขีดเส้นใต้ “ดิสเครดิตคนเสื้อแดง” ให้ดูเป็นผู้ร้ายมากขึ้น( ความจริงพวกเขาก็ไฟร้ายแรงอยู่แล้วแต่ขยายโหมให้แรงขึ้นอีก ) ขณะเดียวกันก็ทำให้ “เครดิตของอภิสิทธิ์และปชป.น้อยลง” ว่าอ่อนด้อยไม่มีความเป็นผู้นำ ควมคุมประเทศให้สงบไม่ได้, สอง เหตุการณ์ที่กระทรวงมหาดไทย แนวคิดเดิม คือ “ดิสเครดิตทั้งสองกลุ่ม” โดยปล่อยให้ “แดงทุบรถนายกอภิสิทธิ์” โดยที่ไม่มีตำรวจทหารคอยคุ้มกันเพียงพอ โชคดีที่รอดมาได้ โดย “อภิสิทธิ์” ถึงกับบอกว่า ตอนจะขับรถหนี มีรถทหารมาขวางไว้ด้วย, สามคือ 17 เมษายน 2552 เช้ามืดที่แยกบางขุนพรหม มีการพยายามลอบสังหาร “สนธิ ลิ้มทองกุล” หลายร้อยนัด แต่สนธิไม่ตาย ทำให้เหตุการณ์ไม่วุ่นวายตามที่ต้องการ อภิสิทธิ์และ ปชป. ยังคงเป็นรัฐบาลต่อไป ในครั้งนั้น เสธ แดง ของฝ่ายเสื้อแดง ถึงกับกล่าวว่า “เหตุการณ์ที่แยก บางขุนพรหม มีสาม ป. เกี่ยวข้องด้วย” ( ป้อม ป๊อก ป๊อด )

... จะเห็นว่า “อำมาตย์ใหม่” ใช้วิธีที่โหดเหี้ยม อำมหิต ไม่แพ้ทักษิณ เพราะตอนที่ 7 ตุลา 2551 ที่ปราบปรามเสื้อเหลือง ก็คือน้องชายประวิตร คือ พัชรวาท เป็นผู้จัดการสั่งยิงคนสีเหลือง เพื่อทำให้เหตุการ์ร้อนแรงและเข้มงวดขึ้นเรื่อยๆ เพื่อความชอบธรรมในการออกมาเถลิงอำนาจ

... กลับมาปี 2556 – 7 หลังจากที่ “กำนันสุเทพ” ประกาศต่อต้าน “ระบอบทักษิณ” อย่างเต็มกำลัง มองอีกแง่หนึ่งเหมือนเป็นการออกจากพรรค ปชป. แบบสง่างามและได้มวลชนมาร่วมด้วย ( ซึ่งการที่ประชาชนแสดงออกด้านดีงามต่อต้านคนโกง เป็นสิ่งที่น่ายกย่องเสมอ ) โดยลึกๆปชป. ก็อาจจะมองว่า กำนัน คงจะเอาใจไปเข้ากับฝ่าย “อำมาตย์ใหม่” มากขึ้นเรื่อยๆ และกำลังหาทางชิ่งไปหากลุ่ม “อำมาตย์ใหม่” หลังจากเสร็จศึกครั้งนี้แน่ๆ

... แต่ก็มีคนมองว่า ตอนนี้ทักษิณมี “ทหารแตงโม” อยู่ในมือ เช่นเสธ ไอซ์ หรือ “รัฐตำรวจ” หรืออาจจะกลุ่มอื่นๆ ที่มั่นใจว่าจะต่อกรกับ “อำมาตย์ใหม่” ได้ และเหมือนฝ่าย “อำมาตย์ใหม่” เองก็ต้องการให้เหตุการณ์สุกงอม พร้อมจะปล่อยให้เกิดการนองเลือด เพื่อสร้างความชอบธรรมในการ “รักษาความมั่นคง” ขึ้นสู่อำนาจแบบ “ได้หน้า” ไปในตัว เพราะถ้าไม่สุกงอมนองเลือด อาจจะเป็นเหยื่อของ “สื่อและนักวิชาการขายตัว” ทั้งไทยและเทศที่มีปากกาในมือพร้อมจะเขียนทำลายทหารไทยตลอดเวลาว่าทำลาย “ประชาธิปไตย” ได้


... ส่วนตัวยังเห็นด้วยกับ “กำนันสุเทพ” แต่ก็ยังไม่อยากคิดแง่ร้ายว่า แกเล่นไพ่สองหน้า กินข้าวสองวง ไม่ใช่ทัพหน้าของ “อำมาตย์ใหม่” โดยการลากประชาชนผู้บริสุทธิ์ไปสู่การนองเลือดในช่วงก่อนการเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557, แบบที่เกิดแล้วใน “บังคลาเทศ” เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา จึงอยากฝากถึงกลุ่ม “อำมาตย์ใหม่” ว่ามันไม่คุ้มอีกแล้ว ที่จะเอาศพประชาชนที่รักชาติ เป็นบันไดสู่อำนาจ ในเกมการเมืองแบบเก่าๆเดิมๆของพวกอำมาตย์หลากหลายกลุ่ม ที่สุดท้ายก็โกงกินกันไม่แตกต่างกัน

... และถ้าพวกเขาตั้งใจ วางแผนไว้แล้ว “พวกเราประชาชนคนไทย ผู้รักชาติและความเป็นธรรม” ทั้งหลายก็จงรักษาตัวให้ดีนะครับ ในการเคลื่อนไหวใดๆบนท้องถนน เพราะถ้าวันนั้นมันเกิดตามที่เขาวางแผนกัน เขาก็จะได้อำนาจอย่างสมหวัง โดยไม่สนใจหรือมีน้ำตาให้กับซากศพของพวกเราประชาชนผู้รักชาติแต่อย่างใด ...



...
เครดิต : ข้อมูลส่วนหนึ่งจาก หนังสือ “อำมาตย์ใหม่ อำมหิต”
http://th.wikipedia.org/wiki/วงศ์เทวัญ
http://th.wikipedia.org/wiki/กองพลทหารราบที่_2_รักษาพระองค์

ไม่มีความคิดเห็น: