PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ : เจรจาพาที

เจรจาพาที

ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเรานี้ต้องมีมาด ไม่ว่าเป็นนักการเมือง ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ หรือบรรดานักธุรกิจเศรษฐีพันล้าน ขนาดตำรวจยศนายร้อย จะให้ไปนั่งควบมอเตอร์ไซค์มันเสียเกียรติ คนไทยจึงถือเรื่องยศถาบรรดาศักดิ์ ไม่มีกินไม่เป็นไร แต่เรื่องศักดิ์ศรียอมให้หยามกันไม่ได้

ผมได้ข่าวแว่วๆว่าปลายสัปดาห์นี้จะมีการเจรจาลับ เพราะถูกบีบให้คุย ขืนทำแบบนี้ต่อไปบ้านเมืองไปไม่รอด ต่อหน้ายืนยันขันแข็ง ไม่คุย ไม่เจรจา หรือพาลเสนอหน้าจะอวดลีลาระดับเซียนต่อหน้าสื่อ แต่เข็นไปไม่ไหว ถูกพลังที่มองไม่เห็นกระซิบให้ไปเจรจา

หากเจรจาสำเร็จ ถือว่าเป็นบุญของประเทศ ไม่ต้องมีใครเจ็บใครตาย ส่วนบนเวทีจะพร่ำบรรยายอย่างไรก็ได้ ว่าเป็นอุดมการณ์ที่ยิ่งใหญ่ ต่อหน้ากับลับหลังมันไม่เหมือนกันอยู่แล้ว เวลาจะเจรจาก็ไม่กล้าแบไต๋ตรงๆ ต้องกระมิดกระเมี้ยน ไปหาที่ลี้ลับแอบๆคุยเพราะจะเสียฟอร์ม หลังๆคงเหนื่อยเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา คิดจะลงทุนน้อย แต่เอากำไรมาก

เจรจาเสียเถอะ M-79 ไม่ต้องลงให้ใครเขาผวา ธุรกิจการค้ากลับมาเหมือนเดิม แล้วให้บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์การเมือง ว่าครั้งหนึ่งมีวีรบุรุษระบือนามจากแดนใต้ "สุเทพ เทือกสุบรรณ" มาเดี่ยวคนเดียว ป่วนได้ทั้งประเทศ จนรัฐบาลเป๋ไปเป๋มา เกือบเอาตัวไม่รอด นี่ถ้าไม่ได้หญิงแกร่งจากแดนล้านนา มีหวังพังไปถึงดูไบ

หยุดกำมือยกหมัด แล้วหันมาเชคแฮนด์กันดีกว่า คนไทยยิ้มแย้มแจ่มใส เหนือ กลาง อีสาน ใต้ ก็ไทยเหมือนกัน


ระบอบทักษิณ ใกล้อวสาน ดิ้นพล่านขอพึ่งบารมี ‘ยูเอ็น’

ระบอบทักษิณ ใกล้อวสาน ดิ้นพล่านขอพึ่งบารมี ‘ยูเอ็น’

“ผมคิดว่าคนกลางที่จะมาประสานให้เกิดการเจรจาได้ ควรจะเป็น นายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เนื่องจากคนในประเทศไทยวันนี้ขาดความไว้เนื้อใจกัน ไม่ว่าจะหยิบยกใครมา ก็ไม่สามารถเป็นคนกลางที่แท้จริงได้ ดังนั้นหากเป็นคนที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียเลยน่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า”
สุรพงศ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
สัมภาษณ์ 27 กุมภาพันธ์ 2557 

“ผมคิดว่า ด้วยตำแหน่งของบัน คีมูน แล้ว ในหลวงจะยอมรับฟังเขา เพราะตำแหน่งที่สูงและได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ เพราะในหลวงของเราเป็นผู้นำสูงสุดของประเทศ มันจึงเป็นหน้าที่ของ บัน คีมูน ที่จะใช้ตำแหน่งผู้นำสากลของเขา นี่ไม่ใช่การแทรกแซงจากองค์การสหประชาชาติ แต่นี่เป็นปัญหาที่จะกระทบถึงทุกภาคส่วน และจะกระ ทบต่อประชาธิปไตยในอนาคต และจะกระทบต่อสิทธิมนุษยชนด้วยเช่นกัน นี่จึงเป็นสิ่งที่ต้องทำ"
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
กล่าวในหนังสือ ‘conversation with Thaksin’
แปลเป็นภาษาไทยโดย นายสุรนันท์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี

ถามจริงๆ จะเอา ‘บัน คี มูน’ มาคุยทำไม ???


ความขัดแย้ง บางทีไม่ใช่เรื่องของประชาชน (1)

ความขัดแย้ง บางทีไม่ใช่เรื่องของประชาชน (1)

โดย คุณนิติ นวรัตน์

สถานการณ์ในเมืองไทยขณะนี้แย่กว่าวิกฤตเศรษฐกิจ พ.ศ.2540 เท่าที่ติดตามถามข่าว ขณะนี้ มีคนตกงานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาก เงินหายออกจากประเทศ ไหลไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านหลายแสนล้านบาท ฤดูท่องเที่ยวของพวกตะวันตกที่ผ่านมา เงินเคยไหลเข้าประเทศไทยของเราเดือนละเป็นแสนล้านบาท ทว่าวันนี้ นักท่องเที่ยวประกาศยกเลิกการเดินทางมาไทยมากกว่าครึ่ง เจ้าของธุรกิจไม่มีรายได้ ก็ไม่มีปัญญาจ้างพนักงานทำงานได้ต่อไป หมุนตัวไปทางไหนมีแต่คนไม่มีเงินติดกระเป๋า บ้านช่องห้องหอรถราที่ผ่อนกันไว้ ก็ต้องยอมให้ถูกยึด

ประเทศไทยกำลังอยู่ในห้วงเหวแห่งหายนะทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง เหมือนกับประเทศอูเครน ที่ผู้คนแบ่งฝ่ายต่อสู้กันจนไปไม่รอด ต่างแต่งข้อความ ตัดต่อภาพเพื่อโจมตีกันส่งไปตามโซเชียลมีเดียโดยไม่ได้ศึกษาหาสาเหตุ ว่าที่ทะเลาะกันอยู่นี้มาจากสาเหตุอะไร

ผมถามคนอูเครน ว่าพวกคุณทะเลาะกันเรื่องอะไร สะกิดแค่นี้เองครับ โอ้โฮ ความเลวของฝ่ายตรงข้ามไหลออกมาจากปากของคนอูเครนอย่างกับสายน้ำ เพราะคนพวกนี้อยู่ติดกับปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นรายวัน จึงไม่มีสติที่จะบินขึ้นไปบนที่สูงและมองเห็นภาพใหญ่ ถ้าอยากจะเข้าใจสถานการณ์ที่แท้จริง ต้องทำตัวเหมือนนกครับ เมื่อบินขึ้นไปบนที่สูง มองลงมา ก็จะเห็นป่าทั้งป่า เห็นถนนหนทาง เห็นแม่น้ำ เห็นทางหนีทีไล่ทั้งหมด แต่คนอูเครนวันนี้เหมือนหนอนที่อยู่แต่กับปัญหาอุจจาระปัสสาวะ

ถ้าถอยออกมา หรือบินให้สูงขึ้น ลองดูคำแถลงของนายแคร์รี รมว.ต่างประเทศสหรัฐอเมริกาที่ประชุมกับนายเฮก รมว.ต่างประเทศอังกฤษ เมื่อวันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2557 ที่กระทรวงการต่างประเทศในกรุงวอชิงตันดีซี สองคนคุยกันเรื่องวิกฤตการเมืองในอูเครน แล้วก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า อูเครนจะไม่มีการแบ่งแยกประเทศ เป็นอูเครนตะวันตกและอูเครนตะวันออก รมว.ต่างประเทศสหรัฐเรียกร้องให้คนอูเครนช่วยกันทำให้ประเทศกลับไปสู่ความมีเสถียรภาพเหมือนเดิม

ขณะที่คนอูเครนทะเลาะกัน ก็ด่าทอกัน แงะแคะสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ดีของกันและกันออกมาโจมตีกัน แต่ถ้าลองพิจารณาแบบนกที่บินขึ้นไปบนที่สูงและมองลงมาก็จะพบว่า นี่มันเป็นเรื่องของการแย่งอิทธิพลในอูเครนระหว่างชาติฝรั่งมังค่าตะวันตกกับรัสเซียเท่านั้นเอง คนที่บินแบบนกก็จะเข้าใจว่าอูเครนเป็นประเทศที่มีความพิเศษอยู่หลายเรื่อง เรื่องหนึ่งคือ มีพรมแดนประชิดติดกับสหพันธรัฐรัสเซีย ถ้ามหาอำนาจตะวันตกมีอิทธิพลในอูเครน ก็สามารถสร้างปัญหาให้กับรัสเซียและยับยั้งรัสเซียไม่ให้โตเป็นมหาอำนาจแข่งกับตัวเองได้ ถ้าตัดรัสเซียออกไปอูเครนก็จะเป็นประเทศที่มีพื้นที่มากที่สุดในทวีปยุโรป นั่นคือมีมากถึง 603,700 ตร.กม.

อูเครนเป็นประเทศกันชนระหว่างรัสเซียกับยุโรปตะวันตกทั้งหลาย พวกตะวันตกจึงมีความจำเป็นต้องสร้างผู้นำประเทศนี้ที่เป็นคนของตนเอง คนที่ชาติมหาอำนาจตะวันตกเคยมองตาเป็นมันเมื่อ พ.ศ.2540 ต้นๆ ก็คือ นายวิกเตอร์ ยูเชนโค เพราะยูเชนโคเป็นนักการเมืองที่มีเสน่ห์ รูปร่างหน้าตาดีมาก ปราศรัยเก่ง พ.ศ.2542-2544 เคยเป็นผู้อำนวยการธนาคารแห่งชาติและเป็นนายกรัฐมนตรีของอูเครน

ส่วนฝ่ายรัสเซีย ก็มีความจำเป็นต้องหนุนคนของตนเองขึ้นเป็นผู้นำ คนที่รัสเซียเลือกก็คือ นายวิกเตอร์ ยานูโควิช คนนี้เป็นที่ชื่นชอบของชาวอูเครนที่มีเชื้อสายรัสเซียและพูดจาภาษารัสเซีย มีภูมิลำเนาอยู่แถวตะวันออกและทางตอนใต้ของประเทศ

อันที่จริงความขัดแย้งในประเทศอูเครนเกิดขึ้นพร้อมๆ กับประเทศไทย เมื่อ พ.ศ.2547-2549 ตอนนั้นกำลังจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในประเทศอูเครน ในวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ.2547 พวกประเทศทางตะวันตกก็วิ่งเข้าไปหนุนกลุ่มการเมืองฝ่ายค้านต่างๆ ให้รวมตัวกันเป็นพรรคนาชายูเครยินาแล้วก็ให้นายยูเชนโคเป็นหัวหน้า สำหรับฝ่ายรัสเซียเองก็เปิดหน้าชก โดยประธานาธิบดีปูตินเดินทางไปเยือนอูเครนด้วยตนเองถึง 2 ครั้ง ไปถึงก็ประกาศหนุนนายยานูโควิชอย่างออกหน้าออกตา

เรื่องจะเป็นอย่างไรต่อไป พรุ่งนี้ ผมขออนุญาตกลับมารับใช้ผู้อ่านท่านที่เคารพกันต่อ ก่อนจากกันขอเรียนย้ำซ้ำอีกครั้งครับว่า ความขัดแย้งในประเทศอูเครนที่ฆ่ากันตายหลายร้อยศพนั้น แทบจะไม่ได้เกี่ยวกับประชาชนอูเครนเลยแม้แต่น้อย ก็คล้ายๆ กับประเทศไทยของเรานะครับ.

"บิ๊กตู่"เขินมีชื่อติดนายกฯคนกลาง-ขัดแย้งไม่จบต้องใช้วิธีพิเศษ"ผมไม่สัญญาปฏิวัติจะมีหรือไม่".

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.)...ให้สัมภาษณ์เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 28 กุมภาพนธ์ ภายหลังเป็นประธานเปิดเวทีมวยลุมพีนีแห่งใหม่(รามอินทรา) ถึงกระแสข่าวมีรายชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีคนกลาง ว่า "อย่าไปพูดถึง ยังไม่ไปถึงตรงนั้น" และตอบคำถามที่ว่ารู้สึกดีใจหรือไม่ที่มีชื่อติดหนึ่งในนายกรัฐมนตรีคนกลาง “ผมคงไปดีใจหรือเสียใจไม่ได้ เพราะวันนี้สถานการณ์ตึงเครียดและคงจะไม่มีความสุขกันเท่าไหร่ ไม่ว่า จะเป็นเจ้าหน้าที่ทหาร และ ตำรวจ รวมถึงประชาชนทั่วไป ทุกคนเป็นห่วงสถานการณ์ จึงอยากขอให้ทุกฝ่ายมีสติในการแก้ไขปัญหา"

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ต้องการเจรจากับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯและรมว.กระทรวงกลาโหม ว่าเป็นเรื่องของท่านสองคนที่จะต้องคุยกัน และวันนี้ก็มีหลายฝ่ายมาเสนอหลายทาง รวมถึงกลุ่มอื่น ๆที่อยากจะเข้าร่วมด้วย ซึ่งทุกอย่างต้องเป็นขั้นตอน ส่วนกองทัพจะเข้าไปมีส่วนร่วมหรือไม่นั้นก็แล้วแต่ แต่วันนี้เราอยู่ในฐานะบทบาทของเจ้าหน้าที่ ที่ดูแลความปลอดภัยและรักษาสถานการณ์ความมั่นคงโดยรวมของประเทศ

"ส่วนนายกรัฐมนตรี ที่มีเงื่อนไขให้ยุติการชุมนุม และให้มีการเลือกตั้งก่อนคุยมีการเปิดโต๊ะคุยกันนั้น เป็นเรื่องธรรมดาของคู่เจรจา ซึ่งเป็นเงื่อนไขทุกภารกิจที่มีความขัดแย้งต่างฝ่ายต่างมีข้อเสนอของตนเอง แต่ถ้าหากปรับกันได้ก็คงจะลดราวาศอกกันไปเอง และคงจะพูดคุยกันได้บ้าง ซึ่งคงจะไม่ยุติภายในวันเดียว"ผบ.ทบ.ระบุ

ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้มีการใช้เอ็ม 79 ก่อเหตุเป็นจำนวนมาก ผบ.ทบ.กล่าวว่า กำลังตรวจสอบอยู่ แต่คงไม่ได้มาจากหน่วยทหาร เพราะอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ของกองทัพจะต้องอยู่ในคลัง และมีการตรวจเช็คกันทุกวัน การใช้อาวุธเอ็ม 79 ขณะนี้เป็นการลักลอบเข้ามามากกว่า เพราะในห้วงที่ผ่านมามีการจับกุมการลักลอบอาวุธสงครามได้ตลอด พอมีการชุมนุมทางการเมืองก็นำมาใช้ ซึ่งพวกนี้ไม่ค่อยมีจิตใจเป็นมนุษย์ เพราะเอ็ม 79 เอาไว้ใช้ในยามสงครามต่อสู้กับอริราชศัตรู แต่เอามายิงประชาชน ทั้งเด็ก ผู้หญิง และ คนชรา เสียชีวิตมากมาย เป็นสิ่งที่ต้องประนาม คนเหล่านี้จิตใจมันไม่ใช่มนุษย์ และหากจับกุมได้จะต้องถูกดำเนินคดีสถานหนัก

กรณีมีคำสั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดติดตามสถานการณ์การชุมนุมในพื้นที่แต่ละจังหวัด พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่าเป็นการใช้อำนาจในฐานะที่เป็น รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(ผอ.รมน.) และตนได้นำเรียนให้นายกรัฐมนตรีได้รับทราบแล้ว ทั้งนี้ในคำสั่งไม่ได้ให้จับตาใครเป็นพิเศษ แต่ให้ดูแลทุกกลุ่มที่ฝ่าฝืนกฎหมายความมั่นคง และการพูดจาก็กำลังดูอยู่ว่า สิ่งไหนผิด บางอย่างต้องเข้าใจว่าเป็นคำพูด การกระทำยังไม่เกิด หากการกระทำที่สมบูรณ์ความผิดก็จะเกิดขึ้น และสามารถดำเนินคดีทางกฎหมายได้ ทุกอย่างเป็นเพียงคำพูดทั้งที่บอกว่า จะมีกบฏหรือการก่อการร้าย แต่พิสูจน์ไม่ได้ว่าทำหรือไม่ทำ

ผู้บัญชาการทหารบก ย้อนนักข่าวที่ถามว่าถ้ามีการปลุกระดมและมีการนำคนเสื้อแดงเข้ามาในกทม.ว่า "มันผิดกฎหมายหรือไม่ เพราะขณะนี้มีฝ่ายหนึ่งที่ทำผิดกฎหมายและดำเนินการทางกฎหมายอยู่ และมีอีกกลุ่มหนึ่งเข้ามา จะมาบอกว่าทางนี้เคลื่อนไหวได้ แล้วจะเคลื่อนไหวบ้างก็ผิดกันทุกกลุ่ม เมื่อมาเผชิญหน้ากันก็จะทำให้เกิดความรุนแรงและแก้ปัญหายาก วันนี้จะต้องหยุดทุกพวกทุกฝ่ายให้ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม"

“เรื่องไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม เป็นสิ่งที่มีปัญหามาก ทั้ง การทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ถ้าเราไม่ยึดถือสิ่งเหล่านี้จะแก้ไขปัญหายาก จะบอกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็จะต้องไปพิสูจน์ทราบกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องหนึ่งที่ต้องมีพูดคุยกัน ให้โอกาสในการสู้คดี ถ้ามองว่าไม่ยุติธรรมทุกอย่างก็จบ แล้วจะมีกระบวนการยุติธรรมไว้ทำไม

ศาลพิจารณาคดีหลายเรื่อง ไม่ใช่เฉพาะเรื่องการเมือง ถ้ามองว่าไม่ยุติธรรมคดีอื่นๆที่ไม่เกี่ยวกับการเมืองก็มาร้องเรียนกันหมด ศาลตัดสินทุกคดีทุกคดีตามหลักฐาน ใครจะมาบอกว่ามีการตั้งธงไว้ล่วงหน้า ผมคิดว่าทำไม่ได้และในฐานะที่ผมเป็นองค์กรหนึ่งที่จะไม่ก้าวล่วงศาลและกระบวนการยุติธรรม เรื่องความไม่เป็นธรรม ทุกคนสามารถคิดได้แต่ต้องเคารพกัน และต้องพิสูจน์ด้วยหลักฐาน หากหลักฐานชัดเจนก็เถียงไม่ได้” ผบ.ทบ.กล่าว

เมื่อถามว่ามีหลายฝ่ายมองว่าทหารเอียงเอนไปทางผู้ชุมนุมกปปส. พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามกลับอีกว่าเอียงตรงไหน ถ้าเอียงก็ไปอยู่กับผู้ชุมนุมแล้ว ที่ส่งทหารไปอยู่ไม่ได้ไปอยู่ในม็อบ แต่อยู่ในพื้นที่รอบนอก เพื่อดูแลประชาชนทุกคน หากมีอันตรายมีการใช้อาวุธปืนยิงเข้าไปประชาชนก็จะได้รับบาดเจ็บสูญเสีย จะเป็น กปปส.หรือ นปช. ก็คนไทยด้วยกัน ปัญหาอยู่ที่ว่าความขัดแย้งอยู่ที่ไหน และใครเป็นผู้รับผิดชอบก็ไปแก้กัน ไม่ใช่ให้สังคมมาประนามว่าเป็นทหาร หรือตำรวจ เละเทะกันไปหมด ศาลก็เจ๊ง และถามว่าจะแก้ไขกันด้วยอะไร จะให้ตนสั่งกำลังพลทั้งสองแสนถืออาวุธและมาปราบ ตนทำไม่ได้

เพราะ 1.เป็นคนไทยด้วยกันเอง 2. ความขัดแย้งก็เป็นเรื่องของเรากันเองก็จะต้องพูดกันให้รู้เรื่อง และ 3.ถ้ามีความจำเป็นที่จะต้องให้ทหารถืออาวุธมาปรามปราม ตนจะใช้ปฏิบัติกับกองกำลังที่ถืออาวุธ อย่างไรก็ตามขณะนี้กำลังดำเนินการสอบสวนและประสานงานร่วมกับตำรวจหาคนที่ก่อเหตุรุนแรงซึ่งมีหลายกลุ่ม ให้ระวังตัวไว้ให้ดี

ถามว่ามีทหารไปในนามส่วนตัวและเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการชุมนุมหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าตนไม่ทราบ ทหารไม่มีกฎห้ามชุมนุม หากไปนอกเวลาราชการ เขามีอิสระเต็มที่ จะไปไหนก็ได้ เพียงแต่ห้ามพกอาวุธทางราชการ หากพบก็ถูกจับ และเตือนให้วางตัวให้เหมาะสม แต่ถ้าใช้เวลาราชการพกอาวุธไปด้วยถูกจับได้ก็ต้องปลดออกราชการ ซึ่งทุกกองทัพก็เป็นแบบนี้หมด ส่วนกรณีที่ประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน กำลังจะครบวาระการประกาศใช้นั้น เป็นเรื่องของศรส. ที่จะผู้พิจารณาว่าจะใช้ต่อหรือไม่ หรือถ้าไม่ใช้พ.ร.ก.ก็จะกลับมาใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงเหมือนเดิม ส่วนโอกาสที่จะใช้กฎอัยการศึกนั้น ก็จะต้องรอให้เกิดจลาจล ถ้าไม่เกิดก็ใช้ไม่ได้

ต่อข้อถามว่าได้คุยกับนายกรัฐมนตรี กรณีที่ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขึ้นเวที นปช.ประกาศ ในนามรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยจะนำข้อเสนอ การแบ่งประเทศ และให้ประชาชนจับอาวุธต่อสู้มาปฏิบัติตาม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เขาทำหรือยัง เป็นพวกกบฏน้ำลายทั้งนั้น ตามกฎหมายทำได้หรือไม่ ก็ทำไม่ได้และถามว่าสื่อยอมให้มีการแบ่งแยกประเทศหรือไม่ ถ้าสื่อไม่ยอม ตนเองก็ไม่ยอม ส่วนกรณีที่มีการสวนสนามตำรวจบ้านที่จ.พะเยา ใช้ธงชาติแดงแทนธงชาติไทยนั้น เป็นการสวนสนามของตำรวจบ้าน แต่เรื่องนี้ตนได้สอบสวน และเตือนไปหมดแล้วว่าอย่าทำอย่างนั้นอีก

ซักว่าหากเกิดสงครามกลางเมืองจะรับมืออย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่าคงไม่รุนแรงขนาดนั้น เพียงแต่คนไทยขี้โมโห ก็เหมือนกับตน ไม่นานก็หาย แต่อย่าไปเร่งไฟจนตีกันแล้วหยุดไม่ได้เพราะมันอันตราย คนไทยเป็นคนเลือดร้อนใจเร็ว ฉะนั้นจะต้องประคับประคองและไปกันให้ได้ พร้อมทั้งปฏิบัติตามกฎกติกา ทุกวันนี้ตนเอาทหารออกมา 56 กองร้อย มานอนอยู่บนถนนมันไม่ใช่น้อย ๆ แล้วจะให้ทำอย่างไรอีก หากจะให้ประกาศกฎอัยการศึก ก็ใช้กฎหมายเหมือนเดิมเพียงแต่ให้ทหารมาสั่งการ ซึ่งถ้าให้ตนสั่งการ ก็จะต้องสั่งการให้กลับบ้านกันหมดทุกพวกแล้วจะกลับกันหรือไม่

นักข่าวตั้งคำถามว่า ปฏิวัติรัฐประหารเลิกคิดไปเลยใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่าไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาพูดกันทุกวัน ส่วนใครจะมองว่า สถานการณ์จะไปสิ้นสุดด้วยการปฏิวัติก็มองได้ อยากให้ทหารทำอะไรก็บอกว่า การปฏิวัติที่ผ่านมา เพราะมีเหตุการณ์รุนแรง ความไม่เป็นธรรม แต่ในวันนี้โลกเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน ประชาชนก็เปลี่ยน พยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ไปถึงตรงนั้นเพราะเป็นเรื่องที่อันตาย

"และผมคงไม่สัญญาว่าการปฏิวัติจะมีหรือไม่มี แต่ก็ยอมรับว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องในทางนิตินัย แต่การปฏิวัติทุกครั้ง ก็เพื่อให้สถานการณ์ยุติ แล้วยุติได้หรือไม่ ก็ต้องไปนั่งวิเคราะห์กัน ทุกสถานการณ์ก็จะต้องแก้ไขด้วยกฎหมาย หากแก้ไม่ได้ก็จะต้องใช้วิธีพิเศษ ส่วนจะเป็นวิธีพิเศษอย่างไรก็จะต้องไปว่ากัน อย่ามาโจมตีทหาร"ผบ.ทบ. ระบุ


ใครว่ายิ่งลักษณ์โง่...เธอไม่ได้โง่

ใครว่ายิ่งลักษณ์โง่...เธอไม่ได้โง่ เธอกระเดียดไปทางหญิงผู้มีจิตสำนึกมนุษย์วิปลาสตะหาก มวลมหาประชาชนบอกให้ลาออกไป ปฏิรูปประเทศก่อน แล้วค่อยเลือกตั้ง เธอพร่ำแต่คำว่า "ต้องอยู่เพื่อรักษาประชาธิปไตย"!?
แล้วเมื่อวาน (๒๗ ก.พ.๕๗) ป.ป.ช.นัดให้ไปรับทราบข้อหาคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว กลับแถไปเชียงใหม่ มอบทนายมาแทน 

ถ้าเธอรักประชาธิปไตยจริงตามที่อ้าง เธอต้องมาเอง ไม่หลบเลี่ยงด้วยอ้างไปงานที่ "เสือกเอง"
เพราะการไปตามนัดทางกฎหมาย จะแสดงให้ทุกคนได้รับรู้ถึงการเคารพ และยอมรับระบบกฎหมายจากคนระดับบริหาร ซึ่งนั่น...จะเป็นตัวอย่างที่ดีให้ทั้งอารยชนและอนารยชน ได้ยึดแบบอย่าง
จำใส่กะโหลกไว้.....!
"ความเท่าเทียมกันทางกฎหมาย และการเอื้อเฟื้อต่อกฎหมาย" นั่นคือ...หัวใจประชาธิปไตย ว่าด้วยความเสมอภาค สิทธิและหน้าที่!
อยากให้ทุกอย่างจบ กำนันสุเทพก็ยอมรับข้อเสนอที่จะคุยกัน แค่มีเงื่อนไข ต้องคุยกับเธอตัวต่อตัว แล้วถ่ายทอดสด กันครหาว่ามีเบื้องหน้า-เบื้องหลัง
แม่งามงอนก็เกี่ยง...ต้องเลือกตั้งก่อน ต้องเลิกชุมนุมก่อน คุย ๒ คนไม่ได้ เพราะตัดสินใจคนเดียวไม่ได้...
โถ...แล้วแม่ตะปิ้งทอง เป็นนายกฯ หรือเป็นนาให้คนอื่นยก...หือ?
ถ้าเป็นนายกฯ หมายถึง ผู้มีอำนาจตัดสินใจสูงสุดด้านบริหาร คุยกับกำนันสุเทพ พอใจ-ไม่พอใจ เซย์โน, เซย์เยสสสสส คนเดียวได้เลย
แต่ถ้าเป็นนาให้คนอื่นยกร่อง ก็เชิญ 11 รด. ไปตามสบาย!
เมื่อวาน ผมอ่านข่าว นายจอห์น แคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ เขาพูดถึงประชาธิปไตยไว้น่าสนใจ คือเขาบอกว่า
"การเลือกตั้งไม่ใช่หนทางเดียวในการเข้าถึงประชาธิปไตยที่แท้จริง เราอาจมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามรูปแบบประชาธิปไตย แต่ตราบใดที่ยังไม่มีการปฏิรูปสถาบันต่างๆ ประชาชนจะไม่สามารถเข้าถึงประชาธิปไตยอย่างแท้จริง"
สั้นๆ แค่นี้ ผมว่าตอบโจทย์ประชาธิปไตยของหญิงผู้มีจิตสำนึกมนุษย์วิปลาสได้ตรงเป๊ะไอ้ปึ้งด้วย...

ไม่ต้องถอกจมูกไปเชิญ "นายบัน กีมูน" เลขาฯ ยูเอ็น มาเป็นตัวกลางถกปัญหาประชาธิปไตยที่พวกมึงใช้กินชาติหรอก
คัด ๓-๔ บรรทัดของจอห์น แคร์รี สลักไว้บนกระบาล เหมือนหนังองค์การต่อต้านคอร์รัปชัน ที่เขียน "ขี้โกง" ติดหน้าผากประจาน ให้นายหญิงมึงเห็น จะประโยชน์กว่าเยอะกว่า!
ผมจะบอกให้ ถึง ณ วันนี้...
ทุกอย่าง บนความเป็นรัฐบาลระบอบทักษิณ เจตนาและเป้าหมายซ่อนเร้น มันประจักษ์ด้วยการกระทำของคณะพรรค นปช.เพื่อไทย ชัดแจ้งต่อประชาชนคนไทยและต่อประชาคมโลกแล้ว
นอกจากโกงบ้าน-กินเมือง กระทั่งชาวนาอันเป็นประชากร "สัญลักษณ์ชาติ" ก็ยังไม่วายถูกรัฐบาลนังมารร้ายสันดานพี่ชาย แทะถึงกระดูกซี่โครงแต่ละซี่
แผ่นดินลุกเป็นไฟ เดือดร้อนกันไปทุกหย่อมหญ้า.....!
มีทั้งอดตาย ฆ่าตัวตาย ที่อยู่ก็ฟูมฟาย อดอยาก-ยากไร้ บ่ายหน้ามาทวงเงินค่าข้าวที่รัฐบาลโกงเขาไป ซึ่งไม่เคยปรากฏเช่นนี้มาก่อน นับแต่มีประเทศไทยมา
และแล้ว ที่พะเยา เมื่อ ๑๙ ก.พ.๕๗...!
สิ่งซ่อนเร้นมานาน ใช้เงินหลวง คนหลวง อำนาจรัฐ แต่เพื่อเป้าหมายทักษิณ ก็ปรากฏชัดด้วยตัวมันเอง
แกนนำพรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรี อดีต ส.ส. อดีตรองประธานสภา ฯลฯ จัดพิธีสวนสนามด้วยกำลังพลที่ฝึกรูปแบบกองทัพร่วมหมื่นคน พรางในชื่อ
"ตำรวจบ้าน" มีธงแดง แทนธงชาติไทย!
ในพิธีมีทั้งแกนนำเพื่อไทย ผู้ว่าฯ ผู้การ ผู้กำกับ นายอำเภอ ครู เข้าร่วม ขึ้นยืนแท่นรับความเคารพในพิธีสวนสนาม นายอดิศร เพียงเกษ เป็นประธานใหญ่ นำตรวจพลสวนสนาม
มีถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ดาวเทียมช่องแดง DNN พอดีผมเปิดดูแต่ต้น ก็ได้เห็นได้ฟัง ได้รับรู้บรรยากาศและเจตนาของการระดมหนุ่ม-สาวแต่ละอำเภอมาฝึกเป็นกองทัพกว่า ๘,๓๐๐ คน โดยมีฝ่ายตำรวจเป็นครูฝึก
เป้าหมาย "แยกประเทศ" เป็นอีสานล้านนา!
ในการถ่ายทอด ดูปลาบปลื้มกันมาก มีการยกย่อง-ชมเชยกันเองว่า กองกำลังที่ นปช.เพื่อไทยพะเยาจัดตั้งนี้ถือเป็นโมเดล และทางอีสานจะนำไปจัดตั้งในแต่ละจังหวัด
ดูเหมือนนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ แรมโบ้-แรมบ้า บอก จะไปรับสมัครผู้หญิง-ผู้ชายเป็นแสนคน จากจังหวัดไหน ภาคไหนได้ทั้งนั้น เพื่อฝึกปรือ จัดตั้งเป็นกองกำลัง เหมือนกองกำลังพะเยา!
และ ๒๓ ก.พ.๕๗ ที่นครราชสีมา...!
ในการระดมแกนนำ นปช.ระดับหัวกะทิทั่วประเทศชุมนุมภายใต้ชื่อว่า "นปช.ลั่นกลองรบ"
นับเป็นการ "ตอกย้ำ" ปฏิบัติการแยกประเทศ ต่อเนื่องจาก ๑๙ ก.พ. ที่พะเยา ให้เป็นจริง-เป็นจริง และเป็นรูปธรรมชัดแจ้งยิ่งขึ้น
ประชาชนคนไทย รวมทั้ง ๓ กองทัพ ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งความมั่นคงแห่งชาติ คงเห็นด้วยตา ได้ยินด้วยหูกันแล้ว
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย ประกาศ "ลั่นกลองรบ" บนเวที ในนามรัฐบาลเพื่อไทย พร้อมทั้งนายจตุพร นายณัฐวุฒิ นางธิดา และใครต่อใครที่เป็นแกนนำ นปช.ร่วมปฏิบัติการ
ฟังบรรดาแกนนำแดงแต่ละคน แต่ละจังหวัด แต่ละภาค นำเสนอวิธีปฏิบัติอย่างเปิดเผยแล้ว ก็ไม่ต้องตีความอะไรอีก
เพราะแต่ละคนอธิบายชัด เป้าหมายที่ระบอบทักษิณ โดยทักษิณ เพื่อทักษิณ ของทักษิณ ไปสู่ คือ
"แยกประเทศ" ไปเป็นอีสานล้านนา!
แล้วเมื่อวานก็ประจวบ กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ เขาลงข่าวว่า........
"นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน รักษาการรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ในฐานะประธานอาสาสมัครพิทักษ์ประชาธิปไตยแห่งชาติ (อพปช.) เปิดเผยว่า ตามที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้เคลื่อนไหวสร้างความเดือดร้อน แตกแยกในสังคม
จึงตัดสินใจจัดตั้งกลุ่ม อพปช. โดยมี พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี เป็นที่ปรึกษา เพื่อยืนหยัดต่อสู้กับการกระทำของ กปปส. ต่อต้านการยึดอำนาจ รัฐประหาร โดยจะเปิดรับสมัครในวันที่ ๑ มี.ค.นี้ ที่ศูนย์ประสานงาน นปช. อ.เมือง จ.มหาสารคาม คุณสมบัติ ชาย-หญิง อายุ ๑๘ ปีขึ้นไป พร้อมที่จะปกป้องชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
“ในวันที่ ๖ มี.ค. จะเปิดรับสมัครทั่วประเทศ โดยใช้พื้นที่รอบๆ ศาลากลางจังหวัด เป็นสถานที่รับสมัคร คาดว่าจะมีผู้สนใจกว่า ๖ แสนคน ที่พร้อมจะเป็น อพปช. และขอยืนยันที่จะลดการเผชิญหน้าทุกวิถีทางที่ทำได้”
ก็อยากจะกราบเรียนว่า (พูดดุ่ยๆ ไปงั้น ไม่รู้กราบเรียนใครเหมือนกัน) ขณะนี้ เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า...
รัฐบาลเพื่อไทย โดยยิ่งลักษณ์และคณะ มีการกระทำเป็นภัยต่อความมั่นคง แบ่งแยกราชอาณาจักร เข้าข่าย
ก่อการ "กบฏ-แยกประเทศ"!
มีคณะรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ประกอบด้วยข้าราชการตำรวจบางส่วน ข้าราชการมหาดไทยบางส่วน และประชาชนผู้รู้เท่าไม่ถึงการณ์อีกส่วนหนึ่งร่วมก่อการ
ถึงขั้นติดป้ายประกาศแยกดินแดนให้ปรากฏต่อสาธารณะในหลายจังหวัด ทางเหนือและอีสาน!
กบฏแยกประเทศทั้งที ก็ไม่ยอมควักกระเป๋าเอง เหมือนตอนเผาบ้าน-เผาเมือง พอได้อำนาจรัฐ ก็เอาเงินหลวงไปตบรางวัลโจร
ครั้งนี้ก็เช่นกัน ใช้อำนาจรัฐ-เงินหลวง อ้างชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์ บังหน้า จัดตั้งเป็นกองกำลัง เพื่อระบอบทักษิณ แยกแผ่นดิน-ล้มสถาบัน!
ความผิด "กบฏ-แยกประเทศ" ซ้ำๆซ้อนๆ นี้ ถือเป็นความผิดประจักษ์ชัดแล้ว รัฐบาลเป็นเอง แต่ไม่ปรากฏว่า
ในนามกองทัพก็ดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ดี สภาความมั่นคงแห่งชาติก็ดี ดีเอสไอก็ดี จะมีปฏิกิริยาตอบสนองเรื่องนี้ ด้วยการปราบปราม จับกุม แต่อย่างใด?
ถ้าสถาบันหลักในระบบรัฐ มองเรื่อง "กบฏ-แยกประเทศ" จากรัฐบาลระบอบทักษิณว่า เป็นเพียงวาทกรรม
ผมก็เกรงว่า ต่อจากนี้ ก็จะมี ระบอบบูรพา ระบอบอุดร ระบอบประจิม ออกมาตั้งกองกำลัง สะสมอาวุธ เป็น "วาทกรรม" บ้าง
แล้วจะทำยังไงกัน.....
ท่านพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ท่าน พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง และท่าน พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย?.

ไทกร พลสุวรรณ :ประเทศไทยปกครองโดยยึดหลักนิติรัฐ..!!

ประเทศไทยปกครองโดยยึดหลักนิติรัฐ..!!
เมื่อผมเชื่อว่ารัฐบาลรักษาการของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สิ้นสภาพในวันที่ 3 มีนาคม 2557 สาเหตุเนื่องจากสภาผู้แทนราษฎรไม่สามารถเกิดขึ้นได้หลังการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 สาเหตุเพราะ การเลือกทั่วไปไม่เป็นไปตาม รธน.ม.108 และไม่มี ส.ส.ครบตาม รธน.ม.93(6) จึงไม่สามารถปฏิบัติตาม รธน.ม.127 ,ม.128 วรรคหนึ่งและวรรคสองได้ ทำให้ไม่สามารถแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้ตาม รธน.ม.172 และการเป็นรัฐบาลรักษาการของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตาม รธน.ม.181 และ รธน.ม.180 วรรคหนึ่ง เข้าข่ายขัดกับกรอบรัฐธรรมนูญดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น
ดังนั้นผู้ที่จะตอบคำถามผมและประชาชนทั้งชาติได้คือ ศาลรัฐธรรมนูญ
จึงขอประทานกราบเรียนมายังศาลรัฐธรรมนูญได้โปรดวินิจฉัยเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนด้วยครับ
ขอกราบขอบพระคุณท่านเป็นอย่างสูง




อาทิตย์ อุไรรัตน์:รัฐบาลชั่วคราวของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงหมดความชอบธรรม ทั้งทางกฎหมายและทางการเมือง

พีรวัศ กี่ศิริ
แถลงการณ์ โดย ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์
อธิการบดีม.รังสิต, อดีตประธานรัฐสภา 

27 กุมภาพันธ์ 2557

พี่น้องประชาชนชาวไทยทุกท่าน

บัดนี้เป็นที่ปรากฏชัดแล้วว่าความขัดแย้งทางการเมืองภายในประเทศที่ดำเนินอยู่ ได้ขยายตัวเป็นวิกฤตของชาติ ซึ่งนำไปสู่ความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ไม่เว้นแม้กระทั่งเด็กที่ไม่รู้ และไม่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมทั้งในระยะสั้นและยาวอย่างรุนแรง และมีแนวโน้มอันเป็นผลกระทบต่อความมั่นคงและปลอดภัยของชาติ อาจจะนำประเทศไปสู่รัฐที่ล้มเหลว

นับตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 กรกฏาคม 2554 พรรคเพื่อไทยซึ่งชนะการเลือกตั้ง ได้ร่วมมือกับพรรคการเมืองอื่นๆ รวมกันเป็นเสียงข้างมาก จนสามารถจัดตั้งรัฐบาล โดยมีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ภายหลังจากเข้ารับตำแหน่งก็เกิดวิกฤตการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ของประเทศที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน จนเกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมทั้งทำลายเศรษฐกิจของประเทศอย่างรุนแรง พร้อมกับรัฐบาลได้เร่งดำเนินนโยบายประชานิยมด้วยการการนำเงินของชาติไปใช้อย่างสุรุ่ยสุร่าย ซึ่งหวังแต่เพียงให้เกิดผลทางการเมืองที่จะมาค้ำจุนฐานะของรัฐบาลให้เข้มแข็งขึ้น

ภายหลังจากนั้นรัฐบาลก็ยังได้บิดเบือนเจตนารมณ์ที่ประชาชนได้มอบอำนาจให้ ด้วยการออกระเบียบชดเชยเงิน ซึ่งส่อเจตนาไม่สุจริตเพื่อช่วยเหลือพวกพ้องตนที่สูญเสียชีวิต จากการชุมนุมทางการเมืองให้ได้รับเงินชดเชยจำนวน 7,000,000 บาทต่อคน อันเป็นการขัดต่อระเบียบทั่วไปที่ผู้เสียสละในการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการทหาร ข้าราชการตำรวจ และพลเรือน พึงจะได้รับ

นอกจากนี้ยังอ้างเสียงส่วนใหญ่ในรัฐสภาออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม และดำเนินการเปลี่ยนแปลงพระราชบัญญัติดังกล่าวเพื่อช่วยเหลือผู้กระทำผิด โดยเฉพาะในเหตุการณ์ความรุนแรงปี พ.ศ.2553 ซึ่งศาลได้มีคำสั่งให้การชุมนุมในครั้งนั้นมิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ รวมถึงการนิรโทษกรรมที่ครอบคลุมถึงการลบล้างความผิดในคดีคอร์รัปชั่นของ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นักโทษตามคำพิพากษาของศาล อันเป็นจุดเริ่มต้นที่พรรคการเมืองฝ่ายค้าน และประชาชนสาขาอาชีพต่างๆ ออกมาคัดค้านอย่างแข็งขัน จนกระทั่งรัฐบาลและรัฐสภาที่อยู่ภายใต้การควบคุมของพรรคเพื่อไทย ต้องยกเลิกและถอนพระราชบัญญัติดังกล่าว

แทนที่รัฐบาลและรัฐสภาที่ควบคุมโดยพรรคเพื่อไทย จะสนใจการแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากและเดือดร้อนของประชาชน กลับเร่งรีบผลักดันการดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และกฏหมายการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งมีผู้ยื่นคัดค้านให้ศาลรัฐธรรมนูญ จนศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำพิพากษาให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับดังกล่าวมีสภาพขัดกับรัฐธรรมนูญ ทำให้ประธานสภาผู้แทนราษฏร สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรบางส่วน และสมาชิกวุฒิสภาบางส่วน รวมถึงนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และหัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้ออกมาแถลงการณ์อย่างเปิดเผยและเป็นทางการในการปฏิเสธคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ และไม่ยอมรับคำพิพาษาดังกล่าวอันเป็นการปฏิเสธอำนาจที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน
ในขณะที่วิกฤตทางการเมืองเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรได้ใช้การยุบสภาให้เป็นทางออกของการแก้ปัญหาวิกฤตการเมืองดังกล่าว เมื่อเช้าวันที่ 9 ธันวาคม 2556 และประกาศพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557

เนื่องจากการเคลื่อนไหวคัดค้าน ซึ่งมีผู้เข้าร่วมชุมนุมจำนวนมหาศาลอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่นำโดยคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ความมุ่งหวังที่รัฐบาลจะสลายการชุมนุมไม่ประสบความสำเร็จ เพราะประชาชนทุกหมู่ทุกเหล่ามีความมุ่งมั่นที่จะให้รัฐบาลหลุดพ้นออกจากตำแหน่ง และเปิดทางให้มีการปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้ง 
ภายหลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกวุฒิสภาต้องรอวันประกาศโปรดเกล้าฯ ให้เป็นที่เรียบร้อย และรับมอบงานต่อจาก กกต. ชุดเดิมที่หมดวาระ ภายใต้สถานการณ์ทางการเมืองที่พรรคฝ่ายค้านประกาศไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง และปัญหาการเมืองต่างๆที่ดำรงอยู่ ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้งชุดใหม่ได้ลงความเห็นว่าการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 จะไม่สามารถบรรลุเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ จึงเสนอให้รัฐบาลประกาศเลื่อนการเลือกตั้ง ซึ่งเกิดเป็นความขัดแย้งระหว่างรัฐบาล กับกกต.

ดังนั้นกกต. ได้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยเลื่อนการเลือกตั้ง ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้มีความเห็นว่าสามารถเลื่อนการเลือกตั้งได้ โดยความเห็นชอบร่วมกันของทั้ง 2 ฝ่าย แต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์เป็นผู้มีอำนาจในการออกพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งไม่เห็นชอบกับการเลื่อนการเลือกตั้ง เพราะต้องการให้มีการเลือกตั้งดำเนินต่อไป จนเป็นผลปรากฏว่าการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 นั้นไม่ประสบผลสำเร็จและไม่สามารถประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 2 ระบบได้ อันเป็นชนวนของความขัดแย้งของพรรคเพื่อไทยกับ กกต. และยังสร้างปัญหาทางกฎหมายทั้งที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ และกฎหมายเลือกตั้งอีกเป็นจำนวนมาก จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน 

อย่างไรก็ตามภาระหน้าที่ของ กกต. ซึ่งจะต้องจัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จเพื่อจะได้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้ครบจำนวน หรืออย่างน้อย 95% เพื่อสามารถเปิดการประชุมภายใน 30 วัน ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะสิ้นสุดวันที่ 3 มีนาคม 2557 แต่ในความเป็นจริงคือกกต. ก็ยังไม่สามารถประกาศผลสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 2 ระบบได้ ย่อมถือว่าการเมืองในระบบรัฐสภาได้ดำเนินมาสู่ทางตัน และการที่จะเลือกผู้นำรัฐบาลชุดใหม่ซึ่งจำเป็นจะต้องเลือกมาจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็ไม่สามารถปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 171 ได้

ดังนั้นท่ามกลางวิกฤตทางการเมืองที่รุมเร้ารัฐบาลก็ยังมีปัญหาแทรกซ้อนที่เป็นความผิดพลาดทางนโยบายอย่างใหญ่หลวงในเรื่องโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล โดยเฉพาะปัญหาที่เกิดกับชาวนาในประเด็นการไม่ได้รับเงินค่าจำนำข้าว ซึ่งเป็นจำนวนเงินมหาศาล จนสร้างความเดือดร้อนทุกข์ยากให้กับชาวนา และมีชาวนาจำนวนหนึ่งต้องสังเวยชีวิตไปกับโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล และมีการเคลื่อนไหวเรียกร้องจากรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ ทั้งยังโยนความรับผิดชอบไปให้กับผู้อื่น จนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจภาพลักษณ์ การค้า การลงทุนของประเทศอย่างรุนแรง

การดำเนินการของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ นอกจากจะไม่สามารถแก้วิกฤตการณ์ได้ยังดำเนินการต่างๆที่ก่อให้เกิดวิกฤติซ้อนวิกฤติ ด้วยการออกพระราชกำหนดภาวะฉุกเฉิน ซึ่งเป็นพระราชกำหนดที่ร้ายแรง ส่งผลให้ธุรกิจการท่องเที่ยวต้องหยุดชะงักไป อันเกิดจากพระราชกำหนดดังกล่าว ไม่คุ้มครองบุคคลที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยที่เกี่ยวกับการประกันภัย เป็นต้น
เพราะเจตนาที่แท้จริงคือการมุ่งหวังที่จะใช้พระราชกำหนด เพื่อเข้ามาควบคุม และสลายการชุมนุมของประชาชน โดยศาลแพ่งได้มีคำวินิจฉัย เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2557 ว่าขัดกับหลักสิทธิเสรีภาพประชาชนตามที่กฎหมายรัฐธรรมนูญบัญญัติ ไว้จึงไม่สามารถดำเนินการได้ และยังไม่สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการจับกุมผู้นำในการชุมนุมได้ ก่อให้เกิดเหตุการณ์การใช้อาวุธสงครามเข้ามาข่มขู่ศาล ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาในประวัติศาสตร์ประเทศไทย รวมถึงคนที่สนับสนุนรัฐบาลก็มีพฤติกรรมข่มขู่ และหมิ่นศาลอย่างเปิดเผย และคนภายในรัฐบาลได้ชักนำให้ผู้สนับสนุนของตน ประกาศใช้ความรุนแรงเข้ามาทำลายล้างผู้ที่มีความเห็นต่างจากรัฐบาล ด้วนการจัดตั้งกองกำลังอาวุธ และประกาศจะให้มีแบ่งแยกดินแดน

ทั้งนี้ปรากฏชัดว่า นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และรักษาการณ์รมต. กระทรวงมหาดไทยได้เข้าร่วมและให้การสนับสนุน โดยพฤติกรรมดังกล่าวเหล่านี้ไม่อาจกล่าวอ้างได้ดังเช่นที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ใช้อ้างว่าเป็นการกระทำเพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตย ในทางตรงกันข้ามพฤติกรรมเช่นนี้เป็นพฤติกรรมของบรรดาเผด็จการที่ชอบใช้ความรุนแรง ในการข่มขู่คุกคามผู้รักประชาธิปไตยที่แท้จริง ซึ่งไม่ได้เป็นการดำเนินการภายใต้รัฐธรรมนูญ ฉบับปัจจุบัน

การดำเนินการของรัฐบาลชั่วคราวของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงหมดความชอบธรรม ทั้งทางกฎหมายและทางการเมืองที่ได้ละเมิดรัฐธรรมนูญ และประพฤติผิดมิชอบในโครงการรับจำนำข้าว เป็นรัฐบาลทรราชย์

พวกเรา ซึ่งประกอบไปด้วย ประชาชนชนชาติต่างๆทุกสาขาอาชีพ ทั้งพลเรือน ทหาร และตำรวจ ที่ได้รวมกัน ณ. ที่นี้ อันเป็นเจตนาร่วมกันของคนทั้งชาติที่ต้องการขจัดภัยร้ายแรงที่เกิดจากการกระทำที่ผิดและปฏิเสธการดำรงอยู่ของรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นับแต่นี้ตลอดไป

ดังนั้นประชาชนทุกหมู่เหล่านี้จึงมีความประสงค์ที่จะใช้อำนาจอธิปไตยของตนเองตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 พร้อมทั้งเหตุสุดวิสัยตามมาตรา 127 ที่ไม่สามารถเปิดการประชุมรัฐสภาครั้งแรกได้ และมาตร171 ซึ่งไม่อาจจัดหาสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้

ทั้งนี้จึงจำเป็นที่องค์พระประมุขของประเทศ จะต้องทรงวินิจฉัยเพื่อแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 7 ขึ้นมาเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ โดยอาศัยอำนาจประเพณีการปกครอง เมื่อครั้งเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน 2475 และเหตุการณ์วันประชาธิปไตย 14 ตุลาคม 2516 อันเป็นประเพณีการปกครองตามนัยยะมาตรา 7 แห่งรัฐธรรมนูญราชอาณาจักรไทย 2550 โดยขอพระบรมราชานุญาตให้รองประธานวุฒิสภา เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี เพื่อแต่งตั้งและบริหารประเทศเป็นการชั่วคราว โดยให้รัฐบาลใหม่ดำเนินการปฏิรูปประเทศให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ แก้ไขกฎระเบียบ และจัดการเลือกตั้งขึ้นมาใหม่ภายใน 2 ปี
------------------

แดงเชียงใหม่ ขู่ อรอนงค์ ปัญญาวงศ์ ทรยศแผ่นดินล้านนา

(28/2/57)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจของคนเสื้อแเดง  ดีเจอ้วน เชียงใหม่มหานครต้านรัฐประหาร 
ได้แชร์ภาพของดาราสาว และอดีตนางสาวไทย "อรอนงค์ ปัญญาวงศ์" ที่ใส่โบว์ลายธงชาติ พร้อมขึ้นข้อความแสดงความไม่พอใจที่ดาราสาวเป็นคนเชียงใหม่ แต่กลับขึ้นเวทีกปปส. โดยข้อความที่โพสเป็นคำหยาบคาย และประกาศข่มขู่ไม่ให้อดีตนางสาวไทยกลับมาเหยียบแผ่นดินล้านนาอีก

ดีเจอ้วน เชียงใหม่มหานครต้านรัฐประหาร
อีนางตัวนี้ คือ อรอนงค์ ปัญญาวงศ์ เป็นคนเจียงใหม่เป็นอดีตนางสาวไทย
แต่กลับไปขึ้นเวทีกบฏ กปปส. มึงอย่าคิงนะว่ามึงจะกลับมาเหยียบแผ่นดิน
ล้านนาบ้านเกิดมึง อีทรยศแผ่นดินล้านนา มึงมากูจัดหนักแน่...

คาดคนร้ายยิงM79จากรถ บนสะพานข้ามแยกประตูน้ำ

"จรัมพร"ชี้ ระเบิด M79 หน้าห้างบิ๊กซีราชราชดำริ จุดตกกระทบทำมุม 60 องศา ห่างจากจุดเกิดเหตุ 300 เมตร ตรวจสอบทิศทาง คาดคนร้ายยิงจากรถ บนสะพานข้ามแยกประตูน้ำ เร่งตรวจสอบ CCTV หารถต้องสงสัย


ชาวนาอีสานสุดทนแดงถ่อยคุกคาม บุกยื่น “มทภ.2” ขอทหารคุ้มครอง จี้สอบแบ่งแยกประเทศ

ชาวนาอีสานสุดทนแดงถ่อยคุกคาม บุกยื่น “มทภ.2” ขอทหารคุ้มครอง จี้สอบแบ่งแยกประเทศ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
28 กุมภาพันธ์ 2557 12:20 น.  

ชาวนาอีสานสุดทนอันธพาลเสื้อแดงคุกคาม บุกค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่2 ยื่นหนังสือถึง แม่ทัพภาคที่ 2 ขอกำลังทหารคุ้มครอง

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ชาวนาอีสานสุดทนอันธพาลเสื้อแดงคุกคาม บุกค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ยื่นหนังสือ “มทภ.2” ขอกำลังทหารคุ้มครอง พร้อมจี้ให้ตรวจสอบ นปช.เหิมเกริมประกาศแบ่งแยกประเทศไทย ลั่นเกษตรกรไม่ยอมเด็ดขาด พร้อมให้กำลังใจทหารที่ยืนข้างประชาชนและปกป้องประเทศชาติ
     
       วันนี้ (28 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นที่ผ่านมา ที่หน้าประตูทางเข้าค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ได้มีกลุ่มเกษตรชาวนาภาคอีสานกว่า 200 คนในนามเครือข่ายสมัชชาเกษตรกรรายย่อยแห่งประเทศไทย (สกย.) นำโดยนายธีระภัทร เอี่ยมไกรสร ผู้ประสานงานเกษตรกรชาวนาภาคอีสาน เดินทางมาให้กำลังใจทหาร พร้อมยื่นเอกสารถึง พล.ท.ชาญชัย ภู่ทอง แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) เพื่อขอความคุ้มครอง โดยมี พ.อ.(พิเศษ) ชินกาจ รัตนจิตติ รองเสนาธิการกองทัพภาคที่ 2 พร้อมด้วยสารวัตรทหารเป็นตัวแทนรับหนังสือ
     
       นายธีระภัทรกล่าวว่า ตนเป็นตัวแทนนายนคร ศรีวิพัฒน์ เลขาธิการสมัชชาเกษตรกรรายย่อยแห่งประเทศไทย (สกย.) เดินทางมาส่งสารไปถึงผู้นำกองทัพภาคที่ 2 เนื่องจากกลุ่มเครื่อข่าย สกย.ได้นัดหมายประชุมใหญ่สามัญประจำปีเป็นการจัดอย่างสันติ เพื่อหารือถึงปัญหาภายในของ สกย.ที่มีอยู่หลายเรื่อง ซึ่งเดิมจะจัดประชุมที่ริมถนนมิตรภาพ บริเวณสามแยกบ้านวัด อ.คง จ.นครราชสีมา ระหว่างวันที่ 25-26 ก.พ. 2557
     
       แต่ปรากฏว่ามีกลุ่มอันธพาลคนเสื้อแดงไปปักหลักเพื่อขัดขวางข่มขู่ไม่ให้พี่น้องเครือข่าย สกย.ใช้พื้นที่ดังกล่าวได้ จากการขัดขวางของอันธพาลของกลุ่มคนเสื้อแดงทำให้พี่น้องเกษตรกรชาวนาต้องไปหาสถานที่ที่คิดว่าปลอดภัยจากการคุกคามของกลุ่มคนดังกล่าวจึงไปจัดที่ศูนย์สาธิตวิสาหกิจชุมชน บ้านสระตะหมก ต.ละลมใหม่พัฒนา อ.โชคชัย จ.นครราชสีมาแทน การขัดขวางดังกล่าวสมัชชาฯ ถือว่าเป็นการขัดขวางเกษตรกรซึ่งไม่ได้เตรียมตัวมาต่อสู้กับใคร และเกรงว่าจะได้รับอันตรายจากกลุ่มอันธพาลจึงหาที่ประชุมใหม่
     
       อีกประการหนึ่งที่ถือว่าสำคัญมาก คือ ประเทศไทยอยู่ในสถานการณ์ไม่ปลอดภัยจาก นปช.ที่ประกาศจะแบ่งแยกประเทศไทย ในเวทีการประชุมแกนนำ นปช.ทั่วประเทศที่สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อ.เมือง จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา และมีแกนนำ นปช.บางคนได้ประกาศจะกำจัดกลุ่มคนที่ไม่เข้าข้างรัฐบาลโดยจะใช้ความรุนแรงกับประชาชนที่เห็นต่าง และยังประกาศว่าจะปลด พล.อ.ประยุทธ์ จันโอชา ผบ.ทบ. โดยสำคัญผิดว่าตนเองเป็นผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่ในประเทศ
     
       จากสถานการณ์ดังกล่าว สกย.จึงขอส่งสารเรียกร้องไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. โดยผ่าน พล.ท.ชายชัย ภู่ทอง แม่ทัพภาคที่ 2 ที่รับผิดชอบภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ดังนี้ 1. ขอให้ช่วยคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ประชาชนที่อาจถูกข่มขู่คุกคาม ทำอันตรายจากกลุ่มอันธพาลของคนเสื้อแดง ดังปรากฏให้เห็นโดยทั่วไปอยู่ในขณะนี้ 2. ให้ช่วยตรวจสอบ เฝ้าระวังกลุ่มคนที่ประกาศว่าจะแบ่งแยกประเทศไทย เพราะเราไม่ต้องการให้แบ่งแยกประเทศ
     
       3. พวกเราขอมอบดอกไม้เพื่อให้กำลังใจกับ ผบ.ทบ.ที่จะช่วยคุ้มครองประชาชนที่ถูกข่มขู่คุกคามทำอันตราย จากการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่ไปขัดผลประโยชน์ของกลุ่ม นปช. และ 4.พวกเราฝากบอกไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ว่าประชาชน ขอให้กำลังใจที่ถูกแกนนำ นปช.โคราชประกาศปลด และประชาชนดีใจที่ทหารเข้าข้างประชาชน และปกป้องประเทศไทยมิให้ใครมาแบ่งแยก
     
       จากนั้นกลุ่มเครือข่าย สกย.ได้มอบดอกกุหลาบให้แก่ทหาร ก่อนเคลื่อนขบวนไปยังลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (คุณย่าโม) เพื่อสมทบกับเวทีของกลุ่ม กปปส.โคราช และเดินทางกลับไปยังศูนย์สาธิตวิสาหกิจชุมชน บ้านสระตะหมก ต.ละลมใหม่พัฒนา อ.โชคชัย ด้วยความสงบเรียบร้อย


UN พร้อมช่วยไทย ยุติความขัดแย้ง





เลขาธิการสหประชาชาติพร้อมช่วยไทยแก้ปัญหาทางการเมือง โฆษกยูเอ็นยืนยัน 'บัน คีมูน' หารือทางโทรศัพท์กับรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยแล้ว

เว็บไซต์หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ รายงานในวันศุกร์ว่า โฆษกยูเอ็น มาร์ติน นีเซอร์กี กล่าวในการแถลงข่าวประจำวัน ที่นครนิวยอร์ก เมื่อวันพฤหัสบดี ว่า เลขาธิการสหประชาชาติ บัน คีมูน ได้หารือถึงสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศไทยกับนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีต่างประเทศของไทย


"สื่อมวลชนไทยได้รายงานข่าวการหารือกับท่านรัฐมนตรี ผมยืนยันว่า มีการพูดคุยกันทางโทรศัพท์จริง" นีเซอร์กี กล่าว

เขาบอกว่า เลขาธิการยูเอ็นแสดงความพร้อมที่จะช่วยฝ่ายต่างๆ และประชาชนไทย ในทุกวิถีทาง ตามแต่การร้องขอของฝ่ายต่างๆ


เมื่อวันพุธ นายสุรพงษ์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เขาได้พูดคุยกับบัน และกำลังพิจารณาที่จะเชิญเลขาธิการสหประชาชาติมายังประเทศไทย เพื่อให้คำแนะนำในเรื่องการแก้ไขความขัดแย้ง เป็นการป้องกันไม่ให้ประเทศอื่นๆสูญเสียความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย.

ว่าที่"นายกรัฐมนตรี" ป.พี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์?

ถูกลือตลอดช่วงที่ผ่านมา หลังนางยกอยู่บริหารประเทศต่อไม่ได้ คนที่จะมาทำงานแทนในช่วงเปลี่ยนผ่านจะเป็นอดีตทหารใหญ่ ที่มีอักษร ป.ปลา นำหน้าชื่อ เป็นใครอื่นไม่ได้นอกจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ของบูรพาพยัคฆ์ ที่ถูกระบุว่า อยู่เบื้องหลังการถ่ายทำ สื่อต่างชาติตีข่าวเรื่องนี้ตลอดช่วงที่ผ่านมา ว่าทั้งหมดทั้งปวงของความวุ่นวายที่เกิดขึ้นมาจากแรงหนุนของบิ๊กป้อม ทำให้กำนันกล้าหึกเหิมเดินหน้าแลกหมัด พร้อมประกาศตายเป็นตาย... มาวันนี้ถึงแม้จะยังเป็นชื่อหนึ่งที่อาจเป็นตัวสอดแทรกเข้ามาขัดตาทัพ แต่ก็เร่ิมมีการพูดถึง ป. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ได้ยิน และอาจตัดสินใจลาอออกจากตำแหน่ง ผบ.ทบ. เพื่อมาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีควบรมว.กลาโหม อีกตำแหน่ง หากมีแรงหนุนลงมาให้มาทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองในช่วงเปลื่อยผ่าน
เพื่อนเตรียมทหาร12 ของบิ๊กตู่ เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ น่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
--
นายทหารใหญ่ในกองทัพคนหนึ่งหัวเราะอย่างอารมณ์ดีหลังถามความเห็น กรณีนางยกบอกจะไม่ถอยหนีไปไหน จะอยู่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เฉกเช่นทหารที่ตายในสนามรบ บอกขอให้จริงเต๊อะ วันที่ศาลฏีกาแผ่นคดีอาญาของผุ้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำตัดสินเมื่อไหร่ในเรื่องการทุจริตโครงการจำนำข้าว อย่าได้เผ่นหนีไปไหนเลียนแบบพี่ชายก็แล้วกัน ..

ฟังมาว่าขณะนี้กองทัพและสตช.กำลังปรับจูนความถึ่กันใหม่ หลังผู้ใหญ่เคลียร์ทำความเข้าใจกัน ผบ.สตช. เตรียมทหาร13 รุ่น้องผบ.ทบ.หนึ่งรุ่น ลงตัวเมื่อไหร่จะเห็นภาพตร.ทหารออกมาทำงานร่วมกัน พร้อมส่งสัญญานบอกนปช. กล้าติดอาวุธปากกล้าขาสั่นอย่างที่ประกาศที่โคราช ก็เรียนเชิญ เข้าเมืองหลวงมา ป้อมค่ายด่านของทหารที่ทำแนวป้องกันไว้ ทั้งหมดไว้เตรียมรับมือนปช.แดงทั้งแผ่นดิน ประกาศใช้กฏอัยการศึกเมื่อไหร่ ก็เจริญพร

ไม่อยากให้ไปลือเลอะเทอะครับ เอาพัลลภ ปิ่นมณี มาทำงานในศรส. ย้ำอีกทีครับว่าเลอะเทอะ ศรส.ตอนนี้จบข่าวแล้วหลังผบ.สตช.ออกคำสั่งไม่ให้ตร.ฟังคำสั่งผอ.ศรส.หากหวังใช้กำลังสลายการชุมนุมซึ่งทำไม่ได้แล้วหลังศาลแพ่งมีคำสั่ง