PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

World War IIIต้องเกิดเพื่อปกป้องมาตรฐานดอลล่าร์?

1. World War IIIต้องเกิดเพื่อปกป้องมาตรฐานดอลล่าร์
สงครามโลกครั้งที่3ดูท่าว่าจะเลี่ยงไม่ได้แล้ว เพราะว่าเกมถูกกำหนดให้เดินไปถึงจุดนั้น สหรัฐฯจำต้องก่อสงครามเพื่อที่จะรักษาสถานภาพความเป็นเงินสกุลหลักของโลกของเงินดอลล่าร์ ดอลล่าร์สหรัฐฯอาจจะพิมพ์ออกมาเปล่าๆโดยไม่มีหลักทรัพย์อะไรหนุน แต่ที่จริงแล้วสหรัฐฯมีแสนยานุภาพทางทหารหนุนเงินดอลล่าร์อยู่ โดยแสนยานุภาพทางทหารที่ครอบคลุมทั่วโลกนี้มีไว้เพื่อบังคับให้ระเบียบโลกปัจจุบันหมุนรอบมาตรฐานดอลล่าร์ (dollar standard)
ภายใต้มาตรฐานดอลล่าร์ ทุกประเทศต้องใช้ดอลล่าร์ในการค้าขายหรือทำธุรกรรมทางการเงินระหว่างประเทศเป็นหลัก ทำให้สหรัฐฯพิมพ์ดอลล่าร์ออกมาใช้จ่ายฟรีๆ ถ้าหากเงินดอลล่าร์สูญเสียสิทธิพิเศษของความเป็นเงินสกุลหลักของโลก แสนยานุภาพของสหรัฐฯจะถูกสั่นคลอน เพราะว่าสหรัฐฯจะออกพันธบัตรก่อหนี้เพื่อการใช้จ่ายในการรักษาแสนยานุภาพทางทหารไม่ได้
เงินดอลล่าร์และแสนยานุภาพทางทหารของสหรัฐฯจึงเป็นสองหน้าในเหรียญเดียวกัน ถ้าเงินดอลล่าร์พัง แสนยานุภาพทางทหารของสหรัฐฯจะถึงจุดจบตามไปด้วย และถ้าแสนยานุภาพทางทหารของสหรัฐฯพัง ดอลล่าร์จะไม่สามารถรักษาความเป็นเงินสกุลหลักของโลกได้อีก
ตามกฎเกณฑ์ของโลก มีขึ้นก็ต้องมีลง สหรัฐฯดูแลระเบียบโลกปัจจุบันมาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่2 ในฐานะมหาอำนาจโลก แต่ขณะนี้ความเป็นมหาอำนาจโลกของสหรัฐฯกำลังโดนท้าทายโดยทั้งรัสเซียและจีน คู่ปรับที่แท้จริงของสหรัฐฯคือรัสเซีย ไม่ใช่จีน แต่เมื่อทั้ง2ประเทศจับมือกันเพื่อรุมกระทืบมาตรฐานดอลล่าร์เพื่อขอเป็นมหาอำนาจโลกแทนสหรัฐฯบ้าง สหรัฐฯจำต้องปกป้องความเป็นมหาอำนาจของตัวเองด้วยการก่อนสงคราม
สหรัฐฯพ่ายแพ้เกมทางการเงินแล้วหลังจากวิกฤติการเงิน2008 เฟดเดอรัล รีเชิร์ฟ หรือธนาคารกลางของสหรัฐฯทำได้เพียงพิมพ์เงินเพื่อประวิงเวลาพยุงระบบมาตรฐานดอลล่าร์ ถ้าวิกฤติมาอีกรอบ เฟดจะไม่มีกำลังเหลือพอในงบดุลบัญชีที่จะอุ้มมาตรฐานดอลล่าร์ได้อีกต่อไป
เหลืออยู่วิธีเดียวที่สหรัฐฯจะเอาตัวรอดได้ คือต้องก่อสงครามโลก เพื่อที่จะล้างไพ่ และหวังว่าจะชนะเพื่อที่จะกลับมาเขียนระเบียบการเงินโลกใหม่ หรือNew World Order นั่นเอง

ที่มา : 

ไม่มีความคิดเห็น: