PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2558

สิริิอัญญา : สื่อกับกระบอกเสียง

สื่อกับกระบอกเสียง


ประเทศไทยของเรามีความสับสนในแทบทุกเรื่อง จนความชั่วดีเป็นอย่างไรก็ยากจะจำแนกแยกแยะ ความจริง ความเท็จเป็นอย่างไรก็ยากจะจำแนกแยกแยะ จึงทำให้การเล่นแร่แปรธาตุ ทำชั่วให้เป็นดี ทำผิดให้เป็นถูก ทำดำให้เป็นขาว จึงเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง

และกลายเป็นต้นเหตุของความขัดแย้งในบ้านเมือง แล้วลุกลามบานปลายมาจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้

ความสับสนดังกล่าวจึงทำให้คนชั่วฮึกเหิม เพราะสามารถพลิกผันชั่วให้กลายเป็นดี พลิกผันผิดให้กลายเป็นถูก และทำให้ความดี ความงาม ความชอบทั้งหลายถูกย่ำยี จนกระทั่งผู้คนหม่นหมองไปทั้งแผ่นดิน

ความเป็นไปเช่นว่านี้เกิดขึ้นได้เพราะอาศัยแรงสื่อ ซึ่งจะว่าเป็นสื่อก็ไม่ถนัดนัก เพราะปัจจุบันนี้อะไรเป็นสื่อ อะไรเป็นกระบอกเสียง อะไรเป็นการโฆษณา อะไรเป็นการบิดเบือน ก็สับสนปนเปจนเป็นเรื่องเดียวกัน

แต่เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจ ก็จะเรียกรวมกันเป็น “สื่อ” ก็แล้วกัน

ถ้าหากคนไทยจะดูโทรทัศน์หรือหนังสือพิมพ์ในทุกวันนี้ ก็จะรู้สึกเป็นอย่างเดียวกันว่าเรื่องราวดีๆ จะไม่ค่อยมีปรากฏ มีแต่เรื่องร้ายๆ ปรากฏอยู่ตามสื่อทุกวันทุกคืน การที่มีแต่เรื่องร้ายใส่หู ใส่ตาประชาชนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน นั่นแหละคือการอบรมบ่มเพาะปลูกฝังให้ความคิดจิตใจคนมีแต่ความเลว ความชั่ว จนในที่สุดก็คุ้นเคยกับความชั่ว และไม่เห็นว่าความชั่ว ความเลว เป็นสิ่งน่ารังเกียจเดียดฉันท์

ดังที่มีการทำการสำรวจความคิดเห็นของคนบางกลุ่ม แล้วออกผลว่าการทุจริตฉ้อโกงเป็นเรื่องที่ยอมรับกันได้แต่ต้องเอามาแบ่งปันกัน นับเป็นทัศนะที่ถูกปลูกฝังจากความชั่วช้าเลวทรามดังกล่าว อันนับได้ว่าเป็นอันตรายร้ายแรงของบ้านเมือง

มีคำกล่าวกันโดยทั่วไปว่า ถ้าใครจะเอาเรื่องดีๆ ไปออกสื่อก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพื่อให้นำความดีความงามนั้นไปเผยแพร่ต่อสาธารณะ แต่ถ้าเรื่องใดเป็นเรื่องร้าย เป็นเรื่องเสียหายต่อคนอื่นหรือต่อบ้านเมือง สื่อก็จะพากันโหมประโคมกันอย่างต่อเนื่อง
สื่อบางพวกก็หนักหนาสาหัส คือตั้งแต่นาทีแรกที่เปิดสถานีจนนาทีสุดท้ายที่ปิดสถานี หรือถ้าเป็นหนังสือพิมพ์ ก็ตั้งแต่หน้าแรกไปจนถึงหน้าสุดท้ายจะไม่มีเรื่องดีเลย จะมีแต่เรื่องด่าว่าร้ายให้เกิดความเสียหายทั้งสิ้น

เพราะเหตุที่สื่อนั้น เป็นการสื่อความจากจุดหนึ่งเรื่องหนึ่งออกไปสู่คนทั่วไปในวงกว้าง ดังนั้น จึงต้องนับว่ามีผลต่อความรู้สึกนึกคิดจิตใจของบ้านเมือง และมีผลต่อความเป็นไปในบ้านเมืองด้วย

ดังนั้นนักการเมืองที่ชั่วช้าเลวทรามจึงเห็นช่องสบโอกาส จึงปลูกฝังความคิดผิดๆ ให้กับประชาชน โดยกลวิธีสร้างสื่อ จ้างสื่อ เพื่อให้พลิกดำเป็นขาว จะทำความชั่วความเลว จะโกงจะกินอย่างไร ก็จะมีสื่อคอยช่วยกลบเกลื่อนปกปิดหรือบิดเบือน หรือแม้กระทั่งเชียร์กันจนการฉ้อฉลคดโกงนั้นเป็นเรื่องถูกต้องดีงาม

ในขณะเดียวกัน ก็ได้ใช้สื่อเป็นอาวุธในการทำลายล้างบุคคลอื่น โดยเฉพาะคู่ต่อสู้ทางการเมือง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นคนแบบไหนก็ตาม ลงว่าเป็นคู่ต่อสู้กันแล้วก็จะใช้สื่อทำลายล้างจนเสียผู้เสียคน

ทำกันเช่นนี้จนเป็นล่ำเป็นสัน และทำให้บ้านเมืองของเราในทุกวันนี้ไม่มีคนดีเหลืออยู่เลย เพราะทุกคนถูกทำร้าย ถูกทำลาย จนกระทั่งคนดีที่ไม่อยากรำคาญข้องแวะก็ต้องถอยตัวออกไป

จึงเหลือแต่พวกหน้าด้านหรือพวกทนสาบาน ทานสบถ หรือพวกที่มีเงินมีทองที่ว่าจ้างให้สื่อเหล่านี้ปรับภาพลักษณ์ของตน ให้กลายเป็นคนดีคนงามของสังคมไทย

คสช. ยึดอำนาจการปกครองมาเป็นเวลาเกือบปีแล้ว ได้ทำเรื่องมากหลาย อันเป็นการแก้ไขเรื่องด่วนเฉพาะหน้าของบ้านเมือง แต่เรื่องหนึ่งที่ไม่ได้ทำเลยก็คือ การปฏิรูปสื่อ

และเพราะไม่ทำเรื่องนี้ ในที่สุดทั้งรัฐบาลและ คสช. ก็กำลังถูกใส่สีตีไข่ให้กลายเป็นเผด็จการ กลายเป็นคนชั่วช้าเลวทราม กลายเป็นผู้ทำลายชาติบ้านเมือง โชคดีที่ประชาชนจำนวนมากของประเทศไทยไม่ได้โง่เขลาเบาปัญญา ได้รู้ได้เห็นความจริงที่ตำตาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันว่า การเมืองของประเทศไทยได้มาถึงจุดกลียุค

ทำให้บ้านเมืองตกอยู่ในสภาพอัปรีย์ไป จัญไรมา ที่ประชาชนไม่มีทางจะหันหน้าไปทางไหนแล้วจะพบประสบกับสิ่งที่ดีงามได้ พรรคไหนพวกไหนมาเป็นรัฐบาลก็มีแต่จะกระทำการชั่วช้าเลวทรามคดโกงเหมือนกัน จนกระทั่งประชาชนชาวไทยพร้อมใจกันไม่ไปเลือกตั้งกันเสียบ้าง หรือรณรงค์ No Vote กันเสียบ้าง ดังที่เกิดขึ้นมาแล้ว

รัฐบาลและ คสช. ไม่ทำการปฏิรูปสื่อ ดังนั้นเมื่อนานวันเข้าก็ไม่เป็นอันทำการสิ่งใด แต่ละวันก็ทะเลาะกับสื่อ สื่อจำพวกเส็งเคร็งนั่นแหละ

ยิ่งทะเลาะกับสื่อจำพวกนี้ ก็จะกลายเป็นเหยื่อ เพราะแทนที่จะมีการรายงานความดีความงามและผลงานทั้งหลาย กลับเอาแต่เรื่องทะเลาะกับสื่อมาประจานให้เป็นที่รำคาญกันหนักเข้าไปอีก

ดังนั้นจึงถึงเวลาที่จะต้องคิดอ่านปฏิรูปสื่อกันแล้ว! และจำแนกแยกแยะว่าใครเป็นสื่อ ใครเป็นกระบอกเสียง ใครเป็นมือปืนรับจ้าง ให้สื่อได้ทำหน้าที่สื่อ เฉดหัวพวกสื่อรับจ้าง สื่อกระบอกเสียง ออกไปนอกวงการจะไปหวังพึ่งพวกสื่อด้วยกันเองเห็นจะลำบาก เพราะเขาก็ประกาศกันโต้งๆ อยู่แล้วว่าแมลงวันไม่ตอมแมลงวัน เพราะแมลงวันนั้นตอมแต่ขี้และสิ่งปฏิกูล แม้แต่แมลงวันด้วยกันเองก็ตั้งข้อรังเกียจเดียดฉันท์ แล้วจะไปเสวนากับแมลงวันเหล่านั้นได้อย่างไร? ขืนไปทะเลาะกับขี้ ขี้ก็จะกระเด็นเข้าปาก ถูกหน้า ถูกตา ให้เปรอะเปื้อนเน่าเหม็นเสียเปล่าๆ

ไม่มีความคิดเห็น: