PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

มหามิตร มหาศัตรู

เขียนวันที่
วันอังคาร ที่ 07 กรกฎาคม 2558 เวลา 16:53 น.
เขียนโดย
วสิษฐ เดชกุญชร
หมวดหมู่
ผมเป็นนักเรียนเก่าสหรัฐอเมริกา เคยได้รับทุนคาร์เนกี (Carnegie Fellowship) และมูลนิธิฟุลไบรท์ (Fullbright Foundation) ไปเรียนจนจบ ได้ปริญญารัฐประศาสนศาสตร์มหาบัณฑิต (Master of Public Administra- tion) จากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก  นอกจากนั้นยังเรียนจบจากโรงเรียนตำรวจ นครนิวยอร์ก และวิทยาลัยตำรวจแห่งชาติของเอฟบีไอ (FBI National Academy) ด้วย  ผมมีเพื่อนเป็นคนอเมริกันที่รักกันสนิทสนมยิ่งกว่าญาติหลายสิบคน  มีทั้งเพื่อนที่เป็นคนอเมริกันซึ่งกลายเป็นอาจารย์สอนสมาธิ หรือกรรมฐานให้ผม และมีพระภิกษุชาวอเมริกันที่ผมถือเป็นครูบาอาจารย์หลายรูป เช่น ท่านพระอาจารย์เจ้าพระคุณพระราชสุเมธาจารย์และพระอาจารย์ชยสาโรภิกขุ เป็นต้น  
07072015001
ทางด้านราชการนั้น พอเริ่มรับราชการเป็นตำรวจสันติบาลใน พ.ศ. 2499 ผมก็ได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่สำนักงานข่าวกรองกลางของสหรัฐที่รู้จักกันทั่วโลกในชื่อย่อซีไอเอ (C.I.A. คือ Central Intelligence Agency) และได้ไปเรียนจนจบหลักสูตรวิชาข่าวกรองของ ซีไอเอด้วย
ผมกลับไปเยือนอเมริกาอีกหลายครั้ง เพราะความผูกพัน กลับไปทีไร เพื่อนชาวอเมริกันของผมก็ต้อนรับอย่างอบอุ่นที่นั้น เหมือนเป็นญาติสนิท ทุกวันนี้ผมถือว่าผมรักคนอเมริกันและโปรอเมริกา
แต่ที่ผมรักไม่ลงนั้นคือรัฐบาลอเมริกันและเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลอเมริกันในประเทศไทย  ที่รักไม่ลงก็เพราะพฤติการณ์อันน่ารังเกียจของรัฐบาลนั้นและเจ้าหน้าที่เหล่านั้น
ก่อนรัฐประหารในประเทศไทยใน พ.ศ. 2557 สหรัฐสนับสนุนรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อย่างออกหน้าออกตา และไม่แยแสกับการปกครอง แบบเผด็จการโดยรัฐสภาของรัฐบาลนั้น เจ้าหน้าที่ของสหรัฐไปเยือนหมู่บ้านคนเสื้อแดงและแสดงความชื่นชมอย่างเปิดเผย และในทันทีที่เกิด รัฐประหารในประเทศไทย มีการตั้งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และตั้งรัฐบาลซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี สหรัฐก็แสดงความไม่พอใจและเป็นปฏิปักษ์อย่างออกนอกหน้า นายจอห์น เคอร์รี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเรียกร้องให้ตั้งรัฐ บาลพลเรือนทันที และให้ “กลับไปสู่ประชาธิปไตย” ทั้งยังคาดคั้นว่า “หนทางเบื้องหน้าของประเทศไทยจะต้องมีการเลือกตั้งโดยเร็ว ซึ่งการเลือกตั้งนั้นจะต้องสะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชน”  นายเคอร์รีกล่าวด้วยว่า เหตุการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในเมืองไทยนั้นมี “ผลกระทบที่เป็นลบ” ต่อ ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับไทย โดย เฉพาะความสัมพันธ์กับกองทัพไทย และนายเคอร์รียังขู่ด้วยว่ารัฐบาลสหรัฐกำลัง “ทบทวนความช่วยเหลือทางทหาร” และด้านอื่น ๆ ที่ให้แก่ประเทศไทยด้วย
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมที่เพิ่งจะผ่านไปนี้เอง รัฐบาลสหรัฐก็ยังแสดงความไร้เดียงสาเกี่ยวกับเมืองไทยอยู่ นายแพทริค เมอร์ฟี อุปทูต รักษาการในตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับการจับกุมนักศึกษา 14 คนว่า สหรัฐเป็นกังวลกับสถานการณ์ประชาธิปไตยและกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ ตลอดจนการจำกัดสิทธิเสรีภาพของพลเรือน
ผมเคยนึกว่าสหรัฐอเมริกาเป็นขุมของวิทยาการทุกแขนง และเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐมีคุณวุฒิ ความรู้ ประสบการณ์และความเข้าใจการเมือง สังคม และวัฒนธรรมของประเทศที่เจ้าหน้าที่เหล่านั้นได้รับแต่งตั้งหรือมอบหมายให้ไปปฏิบัติหน้าที่อยู่  แต่พฤติการณ์ และการแสดงออกของเจ้า หน้าที่สหรัฐ ทั้งที่เป็นชั้นผู้ใหญ่ระดับรัฐมนตรี และระดับรองลงมาที่มาปฏิบัติหน้าที่ในเมืองไทย กลับแสดงว่าไม่รู้อะไรจริงเกี่ยวกับเมืองไทยเลย หรือมิฉะนั้นก็ถูกอคติบดบังจนมองไม่เห็น
นายรอน พอล (Ron Paul) อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ซึ่งเคยสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า “ในที่สุด เงิน อาวุธ และการดำเนินนโยบายแทรกแซงของเรา (สหรัฐ) จะซื้อเพื่อน ให้เราได้ไม่นาน และเราจะกลับติดอาวุธให้ศัตรูของเรามากครั้งขึ้น”
ขอขยายความว่า เพราะการดำเนินนโยบายของสหรัฐเองนั่นแหละ ที่ทำให้สหรัฐกลายเป็นมหาศัตรู แทนที่จะเป็นมหามิตรของหลายประเทศ รวมทั้งประเทศไทย.
ขอบคุณภาพประกอบจาก : www.manager.co.th

ไม่มีความคิดเห็น: