PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2558

แก้วสรร ให้สติ รัฐ ตั้งหลักใหม่ หนีกับดับ “รัฐ ATM”



สายตรงภาคสนาม
8 ชม.
แก้วสรร ให้สติ รัฐ ตั้งหลักใหม่ หนีกับดับ “รัฐ ATM” สร้างสังคมสวัสดิการ ทำ ปชช.เข้มแข็ง ไม่จมกับ “ขอทานนิยม” งอมืองอเท้า รอรัฐช่วย ให้การศึกษาคน คือต้นทุนเศรษฐกิจ เตือน ไม่เลิกของฟรี ระวัง ฌาปนกิจฟรี หวัง ปฏิรูป รื้อความคิดใหม่สร้างประเทศ
ความคิดขงจื๊อของลีกวนยู : รัฐคือพ่อที่สร้างลูกให้เข็มแข็ง
แก้วสรร อติโพธิ
- ท่ามกลางเสียงโอดโอยของก๊กการเมืองชินวัตรว่า การคำเนินคดีจำนำข้าวจะทำให้ไม่มีใครกล้าช่วยชาวนาอีกต่อไปแล้ว... น่าสงสารชาวนาจริงๆ
- ท่ามกลางธนบัตรที่ปลิวว่อนผันไปสู่บ้านนอกตำบลละ ๕ ล้านบาทโดยไม่มีเป้าหมายใด
ท่ามกลางการลดแลกแจกแถมของบีโอไอให้ต่างชาติมาลงทุน
ในภูมิศาสตร์เศรษฐกิจที่ฝันเอาเองว่าจะเป็นซุปเปอร์คลัสเตอร์ แล้วพร่ำบ่นว่าเราต้องพอเพียง ต้องเข้มแข็งได้ด้วยตนเอง วัตรปฏิบัติเหล่านี้เป็นเรื่องซ้ำซากที่วางอยู่บนหลักคิด “รัฐคือATM” อย่างเหนียวแน่น และจะผูกรัดให้สังคมเศรษฐกิจไทยต้องดักดานต่อไปอย่างไม่มีกำหนดไม่ว่าจะเขียนอะไรกันไว้ในกฎหมายที่เรียกว่ารัฐธรรมนูญหรือพระราชบัญญัติปฏิรูปนานาก็ตาม
บทความต่อไปนี้เขียนขึ้น ๓ ปีมาแล้ว เมื่อครั้งนายกฯอภิสิทธิ์กำลังจะยุบสภา
เห็นว่ายังเหมาะแก่กาลที่กำลังฝันกันว่าจะปฏิรูป กำลังคิดจะเลือกตั้งเช่นทุกวันนี้พอดี ผมจึงขอนำมาเสนออีกครั้งหนึ่งดังนี้
........................................
กำลังท่วมประเทศอย่างหนัก ทั้งการนำร่องในยุคทักษิณแล้วติดตามมาในยุคขิงแก่และประชาธิปัตย์ ยิ่งมาถึงช่วงโค้งสุดท้ายก่อนยุบสภาในปี ๒๕๕๔ 

นี้ก็ยิ่งจะเห็นของขวัญประชานิยมเหล่านี้เกลื่อนไปหมดเลยทีเดียวดังตัวอย่างค่าใช้จ่าย ในโครงการ ๓๐ บาทรักษาทุกโรคนั้น เมื่อสิบปีก่อนที่เริ่มโครงการก็อยู่ที่ ๑๔๐๐ บาทต่อหัว แล้วก็เพิ่มขึ้นทุกปีไม่มีหยุดจนถึง ๒๔๐๐ บาทต่อหัวในปีงบประมาณ ๒๕๕๒ มาปีนี้ก็จะขอเพิ่มอีก ๗๐๐ บาท ซึ่งเมื่อรวมกับสวัสดิการสุขภาพของข้าราชการและผู้ใช้แรงงานอีก ๑๖% ด้วยแล้ว
งบประมาณสวัสดิการสุขภาพไทยในปีหน้าก็จะเกาะกินงบแผ่นดินถึงสองแสนล้านบาทเลยทีเดียว ในด้านความคิดก็ยังฝังรากลึกลงเนื้อในไปเรื่อยๆอีกด้วย ดังตัวอย่างกรณีสวัสดิการสุขภาพตามระบบประกันสังคมที่ลูกจ้างควักเงินเดือนมากองไว้โดยมีนายจ้างและรัฐสมทบเงินด้วยนั้น ก็มีการปลุกปั่นกันว่าไม่เสมอภาคถูกเอาเปรียบ เพราะคนทั่วไปไม่ต้องออกเงินก็ได้รับการรักษาฟรีจากกองทุนบัตรทอง ลูกจ้างจึงควรจะมารับการรักษาฟรีตามระบบนี้จะดีกว่าเพราะต่างก็ก็เสียภาษีให้รัฐเหมือนกัน
ข้อเรียกร้องให้คนที่รับผิดชอบตัวเองได้อยู่แล้ว ให้ต้องกลับไปอยู่ในระบบขอทานเหมือนกับคนอื่นอย่างนี้ มาจากการกำเริบของโรคประชานิยมที่น่าวิตกมาก จำเป็นต้องถูกท้วงติงด้วยระบบคิดตรงข้ามให้ได้คิดกันเสียใหม่ ซึ่งก็มีตัวอย่างจากสวัสดิการสังคมของสิงค์โปร์ ที่นายกฯลีกวนยู ได้ยึดแนวคิดตามลัทธิขงจื๊อมาเป็นหลักได้ อย่างเฉียบคมยิ่ง และแตกต่างจากลัทธิ “ขอทานนิยม” หรือ “เอื้ออาทรนิยม”เป็นอย่างมาก ดังผมจะขอสังเขปมาเสนอในทำนองปุจฉา-วิสัชนาไว้ ดังนี้
ถาม สวัสดิการสังคมของสิงค์โปร์มีที่มาของเงินมาจากไหน
ตอบ นายกฯลีกวนยู จัดตั้ง “ระบบบังคับออมทรัพย์”ขึ้น ให้คนสิงค์โปร์ทุกคนต้องเปิดบัญชีธนาคาร กว่าสิบปีมานี้ สินค้าประชานิยมเพื่อสวัสดิการของชาวบ้าน โดยงบประมาณแผ่นดิน ภาระด้านงบประมาณของโครงการประชานิยมนี้เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี นอกจากเนื้องบประมาณแผ่นดินในโครงการประชานิยมจะเพิ่มขึ้นแล้ว เจ๋งๆทุกห่วงโซ่การผลิตและบริการจับกลุ่มเข้าด้วยกันอย่างพร้อมหน้า ไม่งอมืองอเท้าขอการบริโภคหรือความช่วยเหลือจากรัฐ
ยกสินค้าของสิงค์โปร์ขึ้นไปสู่ตลาดระดับบน เป็นบัญชีสวัสดิการของตนเองและครอบครัว เงินจากบัญชีนี้จะไหลไปรวม เป็น กองทุนที่พักอาศัย ให้กู้ยืมซื้อบ้านหลังแรก เป็นกองทุนประกันสุขภาพ ที่ถ้วนหน้าจริงๆ และเป็น เบี้ยยังชีพยามชรา ด้วย
ถาม แล้วรัฐไม่ช่วยอะไรเลยหรือ
ตอบ รัฐมีเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสุขภาพด้วย แต่ลำพังเงินออมเหล่านี้ก็มีกองทุนของรัฐนำไปลงทุนหาประโยชน์ตอบแทนได้เป็นอันมากอยู่แล้ว
มาซื้อกิจการโทรคมนาคมชินคอร์ปที่เมืองไทย ก็เงินออมพวกนี้นี่แหละครับ
ถาม นายกฯ ลีกวนยู เอาความชอบธรรมมาจากไหน มาบังคับให้ราษฎรต้องออมทรัพย์อย่างนี้
ตอบ พ่อแม่คุณเคยซื้อกระปุกออมสินให้คุณบ้างไหม?
ถาม เคยครับ ท่านให้ผมเหลือเงินค่าขนมมาหยอดกระปุกให้ได้ทุกวันเลย อาจารย์ล่ะครับ
ตอบ เหมือนกันครับ พอกระปุกเต็มเอาไปฝากออมสินท่านเติมเงินฝากให้ผมอีกด้วย นี่แหละครับนายกฯลีกวนยูก็คิดอย่างนี้ว่า รัฐต้องรู้จักสร้างราษฎรเหมือนพ่อแม่ที่ต้องรู้จักสร้างลูก สร้างให้รู้จักสร้างตนเองและครอบครัว
สังคมสิงค์โปร์ต้องสร้างจากคนสิงค์โปร์ที่เคารพตัวเองและรักครอบครัวเป็นหลัก นี่คือหลักในลัทธิขงจื๊อที่ชัดเจนมาก เป็นที่มาของนโยบายหลายอย่างของสิงค์โปร์
ถาม นโยบายอะไรบ้างครับ
ตอบ ลีกวนยูเขียนไว้ว่า เขาไม่เห็นด้วยกับสวัสดิการจากรัฐหรือสังคม เพราะทำให้คนไม่ทำงาน ส่วนคนที่ทำงานเสียภาษีก็จะสิ้นกำลังใจที่ถูกเอาเปรียบ เขาสรุปว่าเขาต้องการ Social ที่ Fair ไม่ใช่ Social Welfare อย่างบ้านอื่นเมืองอื่น ด้วยเหตุนี้เขาจึง ใช้วิธีบังคับออมเพื่อตนเองและครอบครัว มาเป็นฐานสวัสดิการทั้งสังคม งานสร้างตัวเองที่เหลือเขาก็ให้รัฐลงมาทุ่มเทอย่างเต็มที่
ถาม งานอะไรที่เหลือครับ
ตอบ สิงค์โปร์ทุ่มเทการศึกษาในด้านคุณภาพอย่างสุดตัว ไม่ใช่ให้เรียนฟรีแต่เด็กคิดเงินทอนยังไม่ถูกเหมือนบ้านเรา ครูของเขาเงินเดือนสูงเท่าวิศวกรคัดมาจาก ๕% แรกของคนหนุ่มคนสาวในแต่ละรุ่น ในระดับอุดมศึกษาเขาทุ่มเทสร้างสถาบันวิจัยไบโอเทคอย่างถึงไหนถึงกันทั้งคนและอาคาร หาได้มีแต่ตึกอุทยาน กับนักวิจัยเงินเดือนจี๊ดเดียวเหมือนของเรา
นโยบายนี้ลีกวนยูบอกเหมือนขงจื๊ออีกว่า การศึกษาของลูกคือหน้าที่ของพ่อที่สำคัญที่สุด ซึ่งคนรุ่นเขาก็เป็นพ่อที่ทำงานหนักมากจริงๆ
ถาม ด้านเศรษฐกิจล่ะครับ
ตอบ เขาไม่งมจมอยู่กับการอุ้มชูผู้ประกอบการ หากแต่ทุ่มเทสร้างสิ่งแวดล้อมทางธุรกิจที่เจ๋งมากๆ มีคลัสเตอร์หรือกลุ่มการผลิตเก่งๆหลายกลุ่ม แต่ละกลุ่มจะมี SMEs เฉพาะที่เกี่ยวกับการขนส่งทางเรือและทางอากาศนี่จะเก่งมากๆ แค่นิตยสารของสายการบินนี่ เขาก็มีคลัสเตอร์การพิมพ์รับงานจากสายการบินต่างๆได้หนึ่งในสามของตลาดโลกแล้ว คุณอย่าไปเห็นว่าเขาทำแค่ซื้อของถูกที่นี่ไปขายแพงที่โน่นเท่านั้น ภาคการผลิตจริงที่เก่งๆของเขาก็มีมาก
ในภาพรวมแล้วลีกวนยูและคณะ เขาได้สร้างคนของเขาให้เป็นคนที่แข็งแรงในความรับผิดชอบต่อตนเองและครอบครัว จากนั้นเขาก็สร้างโอกาสทางการศึกษาที่มีคุณภาพจริงๆให้แก่ราษฎร แล้วเสริมด้วยสิ่งแวดล้อมทางธุรกิจที่ดี ให้ผู้ประกอบการสร้างความเก่งกาจของกลุ่มการผลิตต่างๆ ขายได้ราคาจนสั่งสมเป็นความมั่งคั่งของตนเองและประเทศชาติได้
ถาม รัฐบาลของเขามีคอรัปชั่นไหม ? 
ตอบ เรื่องคอรัปชั่นสำหรับลีกวนยูผมไม่เคยได้ยิน เคยได้ยินแต่ลูกสะใภ้ของเขา ลีกวนยูโด่งดังมากในเรื่องความซื่อตรง ยุคของเขาเวนคืนที่ดินตัดถนนต้องเป็นเส้นตรงบ้านคนจนคนรวยไม่มีละเว้น เจอสุสานตระกูลของเขาเอง เขาก็ยังให้เดินตรงไปข้างหน้า เขาไม่เคยเอาข้อสอบรั่วมาให้ลูกติวก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัยเหมือนผู้นำบางคนเลย
ถาม คนคอร์รัปชั่นขึ้นเป็นผู้นำแล้วสร้างบ้านสร้างเมืองได้แบบสิงค์โปร์มีไหม
ตอบ คอรัปชั่นแปลว่าเน่าเปื่อย คนเน่าเปื่อยจะเห็นตำแหน่งเป็นอำนาจ เป็นประโยชน์ที่ต้องแสวงหา ไม่ใช่เห็นเป็นหน้าที่ ที่ต้องทุ่มเททั้งสมองและกายใจเพื่อแผ่นดินเกิด ผู้นำที่คอรัปชั่นจึงสร้างบ้านสร้างเมืองไม่ได้ มีแต่ราคาคุยเช่นคุยว่า ๖ เดือนหมดปัญหาจราจร หรือ ๖ เดือนผมกลับมาทุกคนอู้ฟู่แน่เป็นต้น
ถาม บ้านเมืองเราจะเลี้ยวกลับมาสร้างคนกันจริงๆ แบบสิงค์โปร์ได้ไหมครับ ?
ตอบ ต้องเลิกพูดเลิกเน้นเรื่องฟรีๆ เช่น เรียนฟรี รักษาฟรี หรือเอื้ออาทรต่างๆนานากันเสียที ปล่อยไว้อย่างนี้อีกหน่อยคงมีโลงฟรี ฌาปนกิจฟรี ลอยอังคารฟรี เป็นแน่
ถาม แล้วประกันสุขภาพบัตรทองนี่จะว่าอย่างไรครับ
ตอบ อย่าเอาผู้ใช้แรงงานมาร่วมกองทุนนี้ ต้องเอาลูกเมียผู้ใช้แรงงานแยกไปอยู่ประกันสังคมด้วย ต้องเอาระบบจ่าย ๓๐ บาทกลับคืนมาใช้ จะได้เลิกเห็นโรงพยาบาลเป็นโรงทานแจกยาเสียที คัทเอาท์ที่มีใบหน้ารัฐมนตรีประกาศว่า บัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกโรคนั้นก็เลิกเสียที จะเลือกตั้งแล้วยังเอาเงินชาวบ้านมาหาเสียงให้ตัวเองอยู่ได้ ไม่อายบ้างเลยหรือ ?
.............................

ไม่มีความคิดเห็น: