สลายม็อบเสื้อแดง ปี53 เป็น "คำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ก็ต้องทำ"
บิ๊กตู่ แจง เหตุกระชับพื้นที่เสื้อแดง เมย.53 อย่าให้ใครปลุกปั่น ยันไม่มีใครอยากจะทำร้ายประเทศ ทหารก็ลูกหลานของพวกเราทั้งสิ้น ไม่ใช่คนใจร้าย ไม่มีใครอยากทำอะไร แต่เมื่อเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ก็ต้องทำ" อย่าไปฟังคำพูดที่บิดเบือนว่า ทำไมตอนนั้นทำกับรัฐบาลโน้น แล้วไม่ทำกับรัฐบาลนี้ มันคนละเรื่องกัน อย่าให้ใครมาปลุกปั่นกับทุกคน และผมต้องทำความเข้าใจ"/แจง ศึกเสื้อ2 สี เผย ทรงรับสั่ง"ทุกคนคือประชาชนของท่าน ไม่ว่าจะข้างใด ฝ่ายใด สีใด เป็นประชาชนของท่านทั้งหมด" เผย พระองค์ท่านทรงตัดสินตรงนี้ไม่ได้ ขอให้เข้าใจด้วย จนทหารต้องมาปลดล้อค ยัน ผมก็ไม่ได้ไปยึดอำนาจมาจากนายกฯเพราะตอนนั้นเป็นรัฐบาลที่ไม่มีนายกฯ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวในตอนหนึ่งของการมอบนโยบายโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้าน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ แก่กำนัน ผู้ใหญ่บ้านภาคกลาง 6 จังหวัด กว่า 3,878 คน ที่ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
นายกฯ กล่าวว่า มีคำถามที่เกิดขึ้นว่า ทำไมจึงต้องมีทหารเข้ามา เพราะประเทศไทยมันติดล็อคว่าไม่มีอะไรมาแก้ปัญหาได้เลย ก่อนหน้าที่จะเข้ามา เราก็พยายามอย่างเต็มที่ ในหลายๆ ครั้ง โดยเฉพาะครั้งนี้
ถ้าย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ก่อนวันที่ 22 พ.ค. 57 จะเห็นว่าปัญหามันไม่ง่ายแล้ว ปล่อยไปไม่ได้ เพราะไม่เช่นนั้นประเทศก็เดินหน้าไม่ได้ รัฐบาลไม่มีอำนาจเต็ม นายกรัฐมนตรีก็ไม่มีอำนาจ
"ผมก็ไม่ได้ไปยึดอำนาจมาจากนายกรัฐมนตรี เพราะในขณะนั้นเป็นรัฐบาลที่ไม่มีนายกรัฐมนตรี ซึ่งตามกฎหมายเขียนไว้ว่า ใช้จ่ายงบประมาณไม่ได้ รัฐบาลไม่สามารถอนุมัติงบประมาณในปี 57 แล้วปี 58 ต้องทำงบประมาณใหม่แล้วจะปล่อยให้ตีกันต่อไปหรือ ประเทศค้าขายไม่ได้ เงินเดือนก็จ่ายไม่ได้ "
"ผมจำเป็นต้องเข้ามาเพื่อปลดล็อคตรงนั้น เพราะมีอำนาจทหารเพียงอำนาจเดียวเท่านั้นที่จะแก้ไขอะไรต่างๆ ได้ เราได้ปล่อยให้มีการเลือกตั้งมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ จะถามว่าทหารทำอย่างนั้นหรือ
"หากย้อนมาในเรื่องทางการเมืองในปี 53 มีการใช้กำลังทหาร ตำรวจ ถามว่าศาลชี้ว่าอย่างไร การใช้อำนาจในทางบริหาร ซึ่งเราต้องปฏิบัติ แต่จะอย่างไรก็แล้วแต่ทั้งหมด อยู่ที่ข้อเท็จจริงก็ต้องไปตรวจสอบกันมา ไม่มีใครอยากจะทำร้ายประเทศของเรา ทหารก็เป็นลูกหลานของพวกเราทั้งสิ้น ไม่ใช่คนใจร้าย ไม่มีใครอยากทำอะไร แต่เมื่อเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายก็ต้องทำ"
ปัญหาครั้งล่าสุดนี้ทุกคนก็เห็นอยู่มีความขัดแย้งเกิดขึ้นจาก 2 ฝ่าย แต่ฝ่ายใดทำผิดกฎหมายมากที่สุด ซึ่งผมจะไปเข้าข้างใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ มีแค่นั้นเอง
"เพราะฉะนั้นอย่าไปฟังคำพูดที่บิดเบือนว่าทำไมตอนนั้น ทำกับรัฐบาลโน้น แล้วไม่ทำกับรัฐบาลนี้ มันคนละเรื่องกัน อย่าให้ใครมาปลุกปั่นกับทุกคน และผมต้องทำความเข้าใจ"
นายกฯ กล่าวว่า ประเทศไทยต้องเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ 20 ปี วันข้างหน้าจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยอีก5-10ปี ข้างหน้าประเทศไทยจะเกิดปัญหาขาดคนวัยฉกรรจ์ที่เข้าสู่แรงงาน
ในเรื่องของเศรษฐกิจ ทุกประเทศไม่ได้วะดจากจีดีพีอย่างเดียว เขานำเรื่องความสุขของคนในประเทศมาวัดด้วย ประเทศไทยจัดว่ามีความสุขในระดับต้นๆ ซึ่งวันนี้ไม่ต้องไปตีกับใคร ถ้าตีกันอีกแล้วจะมีความสุขไหม ก็จะต้องมีการเลือกข้างกันอีก
ถามว่าจะเลือกไปทำไม ให้เกิดอะไรขึ้นมา ถ้าชนะกันไปข้างหนึ่ง แล้วประเทศจะได้อะไร ต้องคิดด้วยหลักการและเหตุผล การจะทำอะไรต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ถ้าทำผิดประชาชนก็มีความสุขไม่ได้ โลกปัจจุบันเขาบริหารแบบนี้ เราจะช้าและหยุดรอใครไม่ได้อยู่แล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น