PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2559

สลายม็อบเสื้อแดง ปี53 เป็น "คำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ก็ต้องทำ"

สลายม็อบเสื้อแดง ปี53 เป็น "คำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ก็ต้องทำ"
บิ๊กตู่ แจง เหตุกระชับพื้นที่เสื้อแดง เมย.53 อย่าให้ใครปลุกปั่น ยันไม่มีใครอยากจะทำร้ายประเทศ ทหารก็ลูกหลานของพวกเราทั้งสิ้น ไม่ใช่คนใจร้าย ไม่มีใครอยากทำอะไร แต่เมื่อเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ก็ต้องทำ" อย่าไปฟังคำพูดที่บิดเบือนว่า ทำไมตอนนั้นทำกับรัฐบาลโน้น แล้วไม่ทำกับรัฐบาลนี้ มันคนละเรื่องกัน อย่าให้ใครมาปลุกปั่นกับทุกคน และผมต้องทำความเข้าใจ"/แจง ศึกเสื้อ2 สี เผย ทรงรับสั่ง"ทุกคนคือประชาชนของท่าน ไม่ว่าจะข้างใด ฝ่ายใด สีใด เป็นประชาชนของท่านทั้งหมด" เผย พระองค์ท่านทรงตัดสินตรงนี้ไม่ได้ ขอให้เข้าใจด้วย จนทหารต้องมาปลดล้อค ยัน ผมก็ไม่ได้ไปยึดอำนาจมาจากนายกฯเพราะตอนนั้นเป็นรัฐบาลที่ไม่มีนายกฯ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวในตอนหนึ่งของการมอบนโยบายโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้าน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ แก่กำนัน ผู้ใหญ่บ้านภาคกลาง 6 จังหวัด กว่า 3,878 คน ที่ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
นายกฯ กล่าวว่า มีคำถามที่เกิดขึ้นว่า ทำไมจึงต้องมีทหารเข้ามา เพราะประเทศไทยมันติดล็อคว่าไม่มีอะไรมาแก้ปัญหาได้เลย ก่อนหน้าที่จะเข้ามา เราก็พยายามอย่างเต็มที่ ในหลายๆ ครั้ง โดยเฉพาะครั้งนี้
ถ้าย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ก่อนวันที่ 22 พ.ค. 57 จะเห็นว่าปัญหามันไม่ง่ายแล้ว ปล่อยไปไม่ได้ เพราะไม่เช่นนั้นประเทศก็เดินหน้าไม่ได้ รัฐบาลไม่มีอำนาจเต็ม นายกรัฐมนตรีก็ไม่มีอำนาจ
"ผมก็ไม่ได้ไปยึดอำนาจมาจากนายกรัฐมนตรี เพราะในขณะนั้นเป็นรัฐบาลที่ไม่มีนายกรัฐมนตรี ซึ่งตามกฎหมายเขียนไว้ว่า ใช้จ่ายงบประมาณไม่ได้ รัฐบาลไม่สามารถอนุมัติงบประมาณในปี 57 แล้วปี 58 ต้องทำงบประมาณใหม่แล้วจะปล่อยให้ตีกันต่อไปหรือ ประเทศค้าขายไม่ได้ เงินเดือนก็จ่ายไม่ได้ "
"ผมจำเป็นต้องเข้ามาเพื่อปลดล็อคตรงนั้น เพราะมีอำนาจทหารเพียงอำนาจเดียวเท่านั้นที่จะแก้ไขอะไรต่างๆ ได้ เราได้ปล่อยให้มีการเลือกตั้งมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ จะถามว่าทหารทำอย่างนั้นหรือ
"หากย้อนมาในเรื่องทางการเมืองในปี 53 มีการใช้กำลังทหาร ตำรวจ ถามว่าศาลชี้ว่าอย่างไร การใช้อำนาจในทางบริหาร ซึ่งเราต้องปฏิบัติ แต่จะอย่างไรก็แล้วแต่ทั้งหมด อยู่ที่ข้อเท็จจริงก็ต้องไปตรวจสอบกันมา ไม่มีใครอยากจะทำร้ายประเทศของเรา ทหารก็เป็นลูกหลานของพวกเราทั้งสิ้น ไม่ใช่คนใจร้าย ไม่มีใครอยากทำอะไร แต่เมื่อเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายก็ต้องทำ"
ปัญหาครั้งล่าสุดนี้ทุกคนก็เห็นอยู่มีความขัดแย้งเกิดขึ้นจาก 2 ฝ่าย แต่ฝ่ายใดทำผิดกฎหมายมากที่สุด ซึ่งผมจะไปเข้าข้างใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ มีแค่นั้นเอง
"เพราะฉะนั้นอย่าไปฟังคำพูดที่บิดเบือนว่าทำไมตอนนั้น ทำกับรัฐบาลโน้น แล้วไม่ทำกับรัฐบาลนี้ มันคนละเรื่องกัน อย่าให้ใครมาปลุกปั่นกับทุกคน และผมต้องทำความเข้าใจ"
นายกฯ กล่าวว่า ประเทศไทยต้องเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ 20 ปี วันข้างหน้าจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยอีก5-10ปี ข้างหน้าประเทศไทยจะเกิดปัญหาขาดคนวัยฉกรรจ์ที่เข้าสู่แรงงาน
ในเรื่องของเศรษฐกิจ ทุกประเทศไม่ได้วะดจากจีดีพีอย่างเดียว เขานำเรื่องความสุขของคนในประเทศมาวัดด้วย ประเทศไทยจัดว่ามีความสุขในระดับต้นๆ ซึ่งวันนี้ไม่ต้องไปตีกับใคร ถ้าตีกันอีกแล้วจะมีความสุขไหม ก็จะต้องมีการเลือกข้างกันอีก
ถามว่าจะเลือกไปทำไม ให้เกิดอะไรขึ้นมา ถ้าชนะกันไปข้างหนึ่ง แล้วประเทศจะได้อะไร ต้องคิดด้วยหลักการและเหตุผล การจะทำอะไรต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ถ้าทำผิดประชาชนก็มีความสุขไม่ได้ โลกปัจจุบันเขาบริหารแบบนี้ เราจะช้าและหยุดรอใครไม่ได้อยู่แล้ว

ไม่มีความคิดเห็น: