PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

บิ๊กป้อม ลั่น รบ.ไม่มีแรงกดดันใดๆทั้งสิ้นจากนานาชาติ

‘บิ๊กป้อม’ ยันเหตุ คสช. ปลดล็อกนักการเมือง ไม่ใช่แรงกดดันจากนานาชาติ ระบุเสื้อแดงจัดทริปไปดูไบ คิดว่าดีก็ทำไปไม่ว่าอะไร
เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปลดล็อกคำสั่งห้ามบุคคลบินต่างประเทศ มีสาเหตุจากแรงกดดันนานาชาติ และอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยเรื่องเรื่องสิทธิมนุษยชนว่า การดำเนินการดังกล่าวไม่ได้มีแรงกดดันอะไรทั้งสิ้น เป็นความคิดของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เองทั้งหมด
เมื่อถามว่าแสดงว่ารัฐบาลไม่สนใจข้อห่วงใยของนานาชาติใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ใช่ไม่สนใจ ถ้าไม่ฟังต่างชาติ แล้วเขาจะยอมรับเราไหม ตนไปทุกประเทศเขารับตนทั้งนั้น ไม่เช่นนั้นเขาก็ไล่ตนกลับแล้ว ตนไปประชุมที่ต่างประเทศทุกเรื่อง ซึ่งทุกประเทศรู้เรื่องหมด ไม่เห็นมีใครเขามาพูดกับตนว่า คุณไม่ต้องทำอย่างนั้น หรือต้องทำอย่างนี้ ไม่มีเลย เพราะฉะนั้นจะเอาอะไรอีกล่ะ
เมื่อถามถึงกระแสข่าวของกลุ่มเสื้อแดงเตรียมจัดทริปไปเที่ยวที่ดูไบ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ก็แล้วแต่เขา ถ้าเห็นว่าดีก็ทำ ถ้าประชาชนเห็นว่าสิ่งที่เขาทำนั้นถูกต้องก็เอาเลย ไม่ว่าอะไร เพราะนายกฯปลดล็อกให้แล้ว
เมื่อถามว่าอย่างนี้ก็ไม่มีการห้ามทำกิจกรรมแล้วใช่ไหม พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ในเมื่อปลดล็อกให้ทุกคนแล้ว จะทำอะไรก็เอา แต่ตนคิดว่าคนอายุขนาดนี้แล้ว น่าจะรู้ว่าอะไรที่เป็นประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และประชาชน ควรจะทำอย่างไรคงไม่ต้องบอก
เมื่อถามอีกว่า ถ้าไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีสามารถทำได้ไหม รองนายกฯกล่าวว่า ตนไม่รู้มันผิดกฎหมายไหม ก็ไปดูกฎหมาย

งัดแผนเผด็จศึก'ธัมมชโย' ล็อกขึ้นฮ. 4กองร้อยรวมพลรอคำสั่ง

งัดแผนเผด็จศึก'ธัมมชโย'

ล็อกขึ้นฮ.

4กองร้อยรวมพลรอคำสั่ง

ดีเอสไอลั่นแค่รอจังหวะลงมือ

บิ๊กต๊อกขู่ฟ้องปูด2พันล.ล้มคดี

ธรรมกายแจกแผนที่มุมสูงเย้ย

'มส.'เมินถกช่วยเจรจามอบตัว
ความคืบหน้ากรณีที่ พระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ไม่ยอมเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาสมคบกันฟอกเงินร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร หลังมีชื่อเป็นผู้รับเช็คในคดีฉ้อโกงสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น จำกัด จาก นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์แห่งดังกล่าว กระทั่ง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ต้องทำหนังสือถึง นายพนม ศรศิลป์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ในฐานะเลขาธิการมหาเถรสมาคม(มส.) และ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช และพระอุปัชฌาย์ของพระธัมมชโย เพื่อขอให้ช่วยประสานกับพระธัมมชโย ให้เข้ามอบตัว
มส.เมินถกช่วยเจรจา“ธัมมชโย”
โดยเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม ที่อาคารสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ซึ่งมีการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ครั้งที่ 12/25559 โดยมี สมเด็จช่วง เป็นประธานในที่ประชุม แต่ปรากฏว่า ที่ประชุม มส. กลับไม่มีการหยิบยกเรื่องคำร้องขอให้มีการประสานกับ พระธัมมชโย มาหารือ โดย นายประดับ โพธิกาญจนวัตร รองโฆษก พศ. เปิดเผยว่า ที่ประชุมไม่ได้มีการหารือเกี่ยวกับ กรณีที่ดีเอสไอจะร้องขอให้ มส.ช่วยเจรจากับพระธัมมชโยแต่อย่างใด เนื่องจากขณะนี้ไม่ทราบว่าหนังสือฉบับดังกล่าวอยู่ในส่วนใด ซึ่งหากอยู่ที่สำนักเลขาธิการ มส. ก็จะต้องมีการพิจารณา โดยอาจจะไม่มีการนำเข้าให้ มส.พิจารณาก็ได้ ส่วนหนังสือที่ดีเอสไอจะส่งถึงสมเด็จช่วง ก็เป็นการส่งตรงถึงทางวัดปากน้ำภาษีเจริญโดยตรง
โยนเป็นเรื่องของฝ่ายบ้านเมือง
นายประดับ กล่าวว่า วัดพระธรรมกาย ถือว่าเป็นวัดราษฎร์ เจ้าคณะปกครองในพื้นที่ มีอำนาจที่จะสั่งการในการถอดถอน ปลด พักงานได้ แต่ปัญหาจะยุติได้ควรต้องใช้วิธีการเจรจา ที่สำคัญขณะนี้ทราบว่า ทางเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี กำลังดำเนินการช่วยกันหาทางออกอยู่ ซึ่งระบบการปกครองคณะสงฆ์มีวิธีการปฏิบัติที่ชัดเจนตามลำดับชั้นการปกครองอยู่แล้ว หากเจ้าอาวาสไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ก็ต้องให้เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะภาค และเจ้าคณะใหญ่หนนั้นๆ มาช่วยแก้ไขตามลำดับชั้น อย่างไรก็ตามขณะนี้เป็นเรื่องคดีของฝ่ายบ้านเมือง ก็ต้องให้ทางฝ่ายบ้านเมืองเข้ามาแก้ปัญหาเป็นหลัก ไม่ได้เป็นคดีทางสงฆ์แต่อย่างใด
ดีเอสไอส่งซิกบุกวัด-ล็อกขึ้นฮ.
วันเดียวกัน มีรายงานว่า สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ (สยศ.ตร.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ทำหนังสือด่วนที่สุด ลงวันที่ 27 พฤษภาคม ถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เรื่องดีเอสไอ ขอรับการสนับสนุนกำลังพล สถานที่ และอุปกรณ์ในการปฏิบัติภารกิจ กรณีที่ศาลอาญาอนุมัติหมายจับกุม พระธัมมชโย โดยดีเอสไอขอให้ผู้แทนตำรวจร่วมเป็นคณะกรรมการกองอำนวยการในการปฏิบัติการ พร้อมกับขอรับการสนับสนุนสถานที่เพื่อให้เป็นจุดรวมพล จุดจอดเฮลิคอปเตอร์รวมถึงสถานที่จัดตั้งกองอำนวยการในการปฏิบัติภารกิจนี้โดยใช้สถานที่ของ บก.ตชด.ภาค1 โดยขอเฮลิคอปเตอร์ 1 ลำพร้อมนักบิน เพื่อขนย้ายผู้ต้องหากรณีฉุกเฉิน
ขอชุดปราบจราจล4กองร้อยลุย
พร้อมกันนี้ ได้ขอสนับสนุนกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามจลาจล 4 กองร้อย ประจำวัดพระธรรมกาย 2 กองร้อย ศาลอาญาถนนรัชดาฯ 1 กองร้อย และกรมสอบสวนคดีพิเศษ 1 กองร้อย รวมถึงเจ้าหน้าที่จราจร และเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลในพื้นที่เกี่ยวข้อง และขอสนับสนุนรถนำขบวน และอำนวยการจราจรตลอดเส้นทางในพื้นที่เกี่ยวข้อง โดยกำหนดวันเวลารายละเอียดการเคลื่อนกำลัง ตามดีเอสไอ กำหนด
ตร.ไฟเขียวสนับสนุนDSI
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยว่า ดีเอสไอมีการร้องขอกำลังพลเข้ามาจริง โดย ตร. ได้พิจารณาตามกรอบอำนาจหน้าที่ สามารถทำได้อยู่แล้ว เนื้อหาเป็นการขอกำลังพลสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ แต่ไม่ได้ระบุมาว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ลักษณะใด เป็นการขอในกรอบกว้างๆ เท่านั้น โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. สั่งการไปยัง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการในอำนาจหน้าที่แล้ว เมื่อดีเอสไอร้องขอก็ให้ตามนั้น การร้องขอกำลังพลสนับสนุนเป็นเรื่องปกติในการขอความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน
“ไพสิฐ”ฮึ่มแค่รอจังหวะลงมือ
ด้าน พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดี ดีเอสไอ กล่าวว่า ดีเอสไอมีแผนที่จะดำเนินการตามหมายจับ แต่ต้องรอเวลาที่เหมาะสม ซึ่งขณะนี้ได้ขอการสนับสนุนทั้งอุปกรณ์ ยานพาหนะ และสถานที่ ซึ่งมีโดรนและเฮลิคอปเตอร์จากตำรวจ โดยทั้งหมดมีกำหนดรายละเอียดขั้นตอนแผนปฏิบัติการไว้เสร็จสิ้นเรียบร้อยหมดแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในแต่ละวันจะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ในส่วนการปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมายเราก็ดำเนินการอยู่ตลอด โดยทุกวันนี้เราดูจากรายงานการสืบสวนและประเมินสถานการณ์ทุกขั้นตอน การจะเข้าจับกุมต้องประเมินสถานการณ์หลายๆ อย่าง เช่น จะต้องคำนวณว่าคุ้มหรือไม่ หากเข้าไปในวัดแล้วมีผลกระทบและเกิดความสูญเสียเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ท้ายสุดต้องประเมินสถานการณ์ว่ามีความพร้อมหรือยัง ซึ่งหากพร้อมแล้วหรือมีจังหวะก็จะได้ดำเนินการตามแผนทันที
บิ๊กต๊อกปัดคสช.เรียก2พันล.ล้มคดี
ด้าน พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีการปล่อยข่าวลือว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต่อรองกับพระธัมมชดยเป็นเงิน 2,000 ล้านบาท เพื่อล้มคดีว่า คนพูดมีตัวตนหรือไม่ จะได้ฟ้องให้ดู คนที่พูดคิดว่าสังคมจะไม่รู้หรือ และละอายแก่ปากตัวเองหรือไม่ คุณกำลังทำลายเจ้าหน้าที่ที่เขาตั้งใจทำงานอยู่ ถ้ามันเป็นความผิดชัดแจ้ง ก็บอกมาได้เลย จะจัดการให้ดู อย่ามาพูดลอยๆ แบบนี้
“บิ๊กตู่”ย้ำยึดกฎหมายไม่รังแก
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย อีกทั้งขณะนี้มีการพูดคุยหาทางออกร่วมกับทางคณะสงฆ์ จึงต้องรอฟังผลการหารือก่อน ขออย่าเพิ่งเร่งรัด แต่สิ่งสำคัญคือชาวไทยพุทธต้องพิจารณาว่าอะไรเป็นอะไร และมองถึงความเป็นมา อย่ามองว่าเป็นการรังแก เนื่องจากกรณีดังกล่าวเริ่มมาจากคดีทุจริตสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ที่มีการตรวจสอบทุกบัญชีที่เกี่ยวข้อง หากใครถูกเรียกก็ต้องมาชี้เเจงตามกระบวนการ ดังนั้นต้องช่วยลดความขัดแย้ง เพราะมีผลกระทบต่อพุทธศาสนิกชน
เผยเตรียมแผนเอาไว้หมดแล้ว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษ เพราะถือเป็นเรื่องที่อ่อนไหว อย่างไรก็ตามได้เตรียมการกรณีที่มีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้นไว้อยู่แล้ว โดยดำเนินการตามกฎหมาย แต่หากทำแล้วเกิดผลกระทบมากอาจจะไม่ทำในวันนี้ อาจทำในวันหน้า จะได้ไม่ถูกกล่าวหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 ทั้งนี้ ยอมรับว่ามีความเป็นห่วงในกรณีดังกล่าว เพราะหากไม่ห่วงคงใช้อำนาจไปแล้ว แต่ได้มอบหมาย รมว.ยุติธรรม ดีเอสไอและฝ่ายความมั่นคงไปดำเนินการ ตนไม่ได้สนใจคนส่วนน้อย แต่สนใจคนส่วนใหญ่คือคนไทยที่นับถือศาสนาพุทธ
“ธรรมกาย”แจกแผนที่วัดเย้ย
ส่วนความเคลื่อนไหวของวัดพระธรรมกายนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน เฟซบุ๊ก “สำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย” ได้โพสต์คลิปวิดีโอภาพมุมสูงสถานที่ภายในวัดซึ่งสมาชิกเว็บไซด์ยูทูปชื่อ “Psomphet Vajira” นำออกเผยแพร่ตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม 2558 พร้อมเขียนข้อความระบุว่า “ไม่ต้องเอาโดรนมาบินสำรวจให้เสียเวลาและค่าใช้จ่าย” ลูกศิษย์วัดจัดให้...ภาพมุมสูงของวัดพระธรรมกาย เผื่อสื่อมวลชนนำไปใช้ประกอบการรายงานข่าวได้
ศิษย์ร่วมให้กำลังใจล้นหลาม
ขณะที่บรรยากาศภายในวัด มีกลุ่มลูกศิษย์ประมาณ 5,000 คน ได้ปักหลักปฏิบัติธรรมให้กำลังใจพระธัมมชโย ซึ่งทางวัดจะมีอาหารและน้ำดื่มให้รับประทานฟรี ซึ่งศิษยานุศิษย์ต่างตั้งใจปฏิบัติธรรมและนั่งสมาธิอย่างตั้งใจ และส่งกำลังใจช่วยพระธัมมชโยให้หายจากอาพาธในขณะนี้
ธรรมกายขู่คุมลูกศิษย์ไม่อยู่
นายองอาท ธรรมนิทา โฆษกวัดพระธรรมกาย เปิดเผยว่า พระธัมมชโย ยังคงมีอาการอาพาธหนัก ทำให้ลูกศิษย์ที่ทราบข่าวปัญหาที่เกิดขึ้น เริ่มมีปฏิกริยาที่ไม่พอจากการถูกกระทำ เพราะเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของ พระพ่อธัมมชโย วัดจึงเริ่มมีความหวั่นใจในการควบคุมพฤติกรรมของลูกศิษย์ไม่ได้ แต่ยังยืนยันว่า พระธัมมชโย ยังอยู่ในวัด ไม่ได้หลบหนีไปไหน
ลือหึ่งเผ่นหนีเข้าพม่าไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม วันเดียวกัน มีกระแสข่าวลือในเครือข่ายสังคมออนไลน์ ระบุว่า พระธัมมชโยได้เดินทางหนีออกนอกประเทศไปที่พม่าเรียบร้อยแล้ว โดยใช้การเดินทางเลาะไปตามแนวชายแดน ส่วนจุดหมายปลายทางอยู่ที่ รัฐโอเรกอน สหรัฐอเมริกา ขณะที่แหล่งข่าวด้านความมั่นคงยังไม่ยืนยันข่าวดังกล่าว แต่ได้ให้ความเห็นว่า เป็นเรื่องยากลำบากที่จะเดินทางเล็ดรอดออกนอกประเทศโดยใช้เส้นทางป่าเขา เนื่องจากเส้นทางค่อนข้างลำบาก โดยต้องใช้เส้นทางธรรมชาติบริเวณ อ.แม่สอด จ.ตาก หรือ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี อย่างไรก็ตามหากเจ้าหน้าที่ทหารพบตัวก็จะจับกุมทันที

ทหารบุกคุย 'อนุสรณ์' ของดจ้อการเมือง

ทหารบุกคุย 'อนุสรณ์' ของดจ้อการเมือง ด้าน 'พิชัย' ถาม "พอเถียงเรื่องเศรษฐกิจแพ้ แล้วเล่นแบบนี้เลยหรือ?"
เดลินิวส์ รายงานว่า เมื่อวันที่ 31 พ.ค. เวลาประมาณ 15.00 น. มีเจ้าหน้าที่ทหาร ได้ติดต่อเพื่อขอเข้าพบนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทยที่สถานีโทรทัศน์ TV 24 อิมพีเรียล ลาดพร้าว คาดว่าจะเป็นการพูดคุยเพื่อขอความร่วมมือในการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง หลังจากที่ก่อนหน้านี้นายอนุสรณ์มักแสดงความเห็นวิจารณ์การทำงานของรัฐบาล และคสช.บ่อยครั้ง โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาการตรวจจับทุจริต และการร่างรัฐธรรมนูญ โดยในช่วงที่ผ่านมามีประเด็นตอบโต้อยู่กับทีมโฆษกรัฐบาล รวมถึงโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)และโฆษกกองทัพ อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้นายอนุสรณ์ เปิดเผยภายหลังพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ทหารกว่า 1 ชั่วโมง ว่า ทางเจ้าหน้าที่ทหารขอความร่วมมือในเรื่องของการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง การวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งขอให้ระมัดระวังการแสดงความเห็นตอบโต้ ไปจนถึงการตั้งข้อสังเกตต่างๆ ที่อาจสร้างบรรยากาศที่ไม่ดี ซึ่งตนก็ได้สอบถามกลับไปว่ามีเรื่องใดที่ตนแสดงความคิดเห็นที่ไม่ถูกต้องบ้าง ตนจะได้ทำความเข้าใจ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ยกเรื่องใดขึ้นมาเป็นพิเศษ เพียงแต่ระบุว่าช่วงนี้ยังไม่เหมาะสมที่ฝ่ายการเมือง จะแสดงความคิดเห็นทางการเมือง และอยากให้เข้าใจว่ารัฐบาลกำลังทำงานอย่างเต็มที่ รวมทั้งขอโอกาสให้รัฐบาลได้ทำงานด้วย
ด้านนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวภายหลังทราบข่าวว่า "พอเถียงเรื่องเศรษฐกิจแพ้ แล้วเล่นแบบนี้เลยหรือ?"

ผบ.ตร.รับเตรียมกำลัง4กองร้อยสแตนบาย ช่วยคุมตัว ‘พระธัมมชโย’ ไม่ชี้ชัดหลวงพ่ออยู่ในวัดหรือไม่

เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทำหนังสือร้องขอกำลังตำรวจเข้าร่วมปฏิบัติการแจ้งข้อหาและควบคุมตัวพระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายตามหมายจับคดีฟอกเงินและรับของโจร ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติพร้อมให้การสนับสนุนตามที่ได้รับการร้องขอ โดยขณะนี้ได้เตรียมกำลังเจ้าหน้าที่เอาไว้ประมาณ 4 กองร้อย ประจำการอยู่ในฐานที่ตั้ง หากจำเป็นต้องใช้กำลังตำรวจปฏิบัติหน้าที่ ตนเป็นผู้ตัดสินใจอนุมัติคำสั่งด้วยตนเอง ส่วนเรื่องการดำเนินการเข้าจับกุมดำเนินคดีนั้น เป็นอำนาจของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในการตัดสินใจดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งจะต้องพิจารณาให้รอบคอบว่ามีผลกระทบตามมาอย่างไรบ้าง สำหรับกรณีที่พระธัมมชโย ยังพำนักอยู่ที่วัดพระธรรมกายหรือไม่ ตำรวจและดีเอสไอ มีการประสานด้านการข่าวมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างต่อเนื่อง แต่ในส่วนของรายละเอียดนั้นยังไม่สามารถชี้ชัดได้ แต่เชื่อว่าข้อมูลที่มีใกล้เคียงกัน รวมถึงประเด็นเรื่องการซ่องสุมกำลังภายในวัดนั้น เห็นว่ายังเป็นหน้าที่ของดีเอสไอในการตรวจสอบข้อเท็จจริง
ผบ.ตร. ถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แสดงความเป็นห่วงเรื่องกลุ่มผู้สนับสนุนทั้งสองฝ่ายที่อาจออกมาเคลื่อนไหวและเกิดกระทบกระทั่งกัน พร้อมสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวพิจารณาสถานการณ์ และปฏิบัติไปตามขั้นตอน ว่า เป็นเรื่องของในพื้นที่รับผิดชอบติดตามดำเนินการอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว และทราบว่านายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เข้ามาติดตามดูแลเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิดเพื่อคลี่คลายปัญหาดังกล่าวไปในทางที่ดีขึ้น

'บิ๊กตู่'ลั่นจับธัมมชโยได้แน่ ซัดลวดหนามล้อมวัดเหมือนตั้งค่าย



'บิ๊กตู่'ลั่นจับธัมมชโยได้แน่ ซัดลวดหนามล้อมวัดเหมือนตั้งค่าย
Cr:เดลินิวส์
เมื่อวันที่ 31 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของศิษยานุศิษย์และวัดต่างๆ ในกรณีพระเทพญาณมหามุนี (พระธัมมชโย) เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ว่า ต้องรับผิดชอบด้วยกัน เป็นเรื่องของคดีความของคนไม่กี่คน แต่ได้ขยายไม่ยังศิษยานุศิษย์ ลามไปทั้งในและต่างประเทศ สถานีโทรทัศน์ถ่ายทอดสดไปทั่วโลก จึงถือว่าสมควรจะให้ตนทำอย่างไร หากให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เอากำลังเข้าไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น
"คิดซิ ปี 53 เกิดอะไร ถ้ามีใครสักคนเอาอาวุธยิงใส่แต่ละข้างจะเกิดอะไรขึ้น เอาทหาร ตำรวจเข้าไปจะเกิดอะไรขึ้น ถ้ามีคนยิงเข้ามาทางนี้ก็ต้องป้องกันตัว แล้วไปโดนคนสวดมนต์หรือเปล่า อยากให้เป็นอย่างนั้นหรือเปล่า ถ้าอยากก็เร่ง กดดันเจ้าหน้าที่มาเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ ม. 157 ผมไม่กลัวเพราะเขียนกฎหมายไว้อยู่แล้วว่าถ้าสถานการณ์บานปลายก็รอไว้ก่อนได้ จับวันนี้จับวันหน้าก็เหมือนกัน บางกรณีก็ละเว้นได้ด้วยสถานการณ์ภายใน"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันการที่มีการปิดประตู เอาลวดหนามมาล้อมวัดนั้นถูกต้องหรือไม่ เหตุการณ์ดังกล่าวเหมือนการตั้งป้อมตั้งค่ายที่สวนลุมพินี ขอให้เอาอดีตมาเรียนรู้กันบ้าง ทหารก็ต้องไปดูแลหากมีการยิงใช้อาวุธใส่กันแล้วจะให้ทำอย่างไร ต้องการให้เกิดเช่นนั้นอีกหรือไม่ ที่ผ่านมาตายกันมากไม่พอหรืออย่างไร ต่อไปนี้ตนจะไม่รับผิดชอบคนเดียว แต่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน เพราะทำให้สถานการณ์บานปลาย ซึ่งหากมอบตัวตั้งแต่แรกก็จบไปแล้ว และอย่าพูดว่ารังแกพระ เพราะมีการโกงในสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น จึงต้องพิสูจน์ทราบตามกระบวนการ
เมื่อถามว่ามั่นใจว่าจะสามารถดำเนินการกับพระธัมมชโยได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ชาตินี้จับได้แน่นอน สื่อมวลชนก็ต้องสร้างการรับรู้ให้ประชาชนว่าถูกหรือผิด ตนเห็นมีคนสนับสนุนยืนประกบนักข่าวที่ไปทำข่าว ทำไมต้องให้เขามาคุม ตนยังไม่เคยคุมสื่อเลย เมื่อถามว่า สามารถดำเนินการกับพระธัมมชโยได้เมื่อใด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ชีวิตพวกเธอยังอยู่ ฉันจะทำให้"
เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่ายังไม่สามารถบอกระยะเวลาได้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเสียงดังว่า ไม่ใช่ไม่สามารถ สามารถทำได้ตลอดเวลาแต่ไม่ทำตอนนี้ เพราะมีเหตุผลและความจำเป็น ไม่อยากให้ประชาชนบาดเจ็บล้มตาย แค่นี้ยังเหตุผลไม่พอหรืออย่างไร หรือต้องให้มีคนตายจำนวนมากแล้วพอใจกันทั้งหมด
ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวทิ้งท้ายภายหลังรู้ตัวว่าพูดเสียงดังขึ้น โดยกล่าวว่า "เริ่มแล้ว เริ่มเป็นไปตามที่ทำนาย พอแล้ว หมดเวลา" ก่อนที่จะเดินออกจากโพเดียม.

ทำประชามติ มั้ย จับ"ธัมมชโย"....ชี้ ทำป้อมค่ายแบบปี53

ทำประชามติ มั้ย จับ"ธัมมชโย"....ชี้ ทำป้อมค่ายแบบปี53 หวั่นสร้างสถานการณ์ ยิง จนท.ต้องป้องกันตัว หวั่นตายเยอะ
พลเอกประยุทธ์ นายกฯ พูด ทีเล่นทีจริง ให้ทำประชามติ ถามให้จับ"พระธัมมชโย"มั้ย คุยสามารถจับได้ตลอดเวลา แต่ไม่ทำตอนนี้ ไม่อยากให้บาดเจ็บล้มตาย คนจะตายเยอะ..,.,ถามถ้าเอากำลังเข้าไป วัดธรรมกาย จะเกิดอะไรขึ้น จะแบบปี 53 ถ้าใครยิงปืนมา จนท.ก็ยิงป้องกันตัว แล้วยิงไปโดนคนสวดมนต์ ทำยังไง เร่งทำไม
นายกฯ ชี้ วัดธรรมกาย ตั้งป้อมค่าย เหมือนสวนลุมฯปี53 ที่ตอนนั้นทหารต้องไปดูแล ตายไปเยอะ ยังไม่พอหรือ หวั่นเป็นกับดัก ใครยิงปืนใส่ จนท.ต้องยิง...เผยดูภาพที่วัดธรรมกายตลอด ชี้มีคนมาคุมสื่อ แล้วจะทำงานยังไง ขนาดผมยังไม่คุมสื่อเลย ลั่น จับ"ธัมมชโย"ในชาตืนี้

“บิ๊กป้อม” หวังทำภาพSoft ไม่เรียกเข้าค่ายทหาร แต่ ใช้สถานที่อื่น หวังให้ความรู้สึก ซอฟท์ลง



“บิ๊กป้อม” หวังทำภาพSoft ไม่เรียกเข้าค่ายทหาร แต่ ใช้สถานที่อื่น หวังให้ความรู้สึก ซอฟท์ลง แต่ยังไม่คิดถึงขั้น ไม่ต้องให้ทหารคุย ถามทำไมรังเกียจทหาร เผย ยังไม่ยกเลิกเรียกปรับทัศนคติ
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวกรณีที่คสช.เตรียมปรับสถานที่เข้ารายงานตัวจากค่ายทหารเป็นศาลากลาง ว่า จะรายงานตัวที่ไหนก็ได้ เพราะถือเป็นสถานที่เหมือนกัน ตอนนี้ยังไม่ได้ระบุว่าเป็นสถานที่ใด
"เราพยายามทำให้ทุกอย่างมันดูเบาลงในทุกเรื่อง "
เมื่อถามว่า ยังต้องเข้ารายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ทหารอยู่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ตอบว่า เป็นการรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ ไม่ต้องห่วง เขาทำให้ดี
" ทำไมรังเกียจทหารกันหรืออย่างไร ทหารไม่เคยทำอะไร"
เมื่อถามอีกว่าจะมีการยกเลิกการเรียกปรับทัศนคติหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ได้ เพราะขณะนี้เป็นรัฏฐาธิปัตย์ และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช.ไม่ได้ใช้อำนาจอะไรรุนแรง ไม่เคยใช้มาตรา 44 จับคนไปขัง ไม่เคยใช้อำนาจลิดรอนสิทธิของประชาชน ทั้งๆที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ เพราะเป็นหัวหน้าคสช. แต่พยายามเดินตามประชาธิปไตยตลอด
" ดังนั้น ขอว่าอย่าไปจี้อะไรมาก อย่าพยายามพูดให้เกิดความวุ่นวาย รอให้มีการเลือกตั้ง มีรัฐธรรมนูญ ตอนนั้นอยากทำอะไรก็ทำ แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับเพราะที่ผ่านมามันมีความยุ่งยาก "

บิ๊กป้อม เขื่อ นายกฯไม่ปรับครม.2ปีรัฐบาล ส่ง"พลเอก ธีรชัย นาควานิช ผบทบ.

บิ๊กป้อม เขื่อ นายกฯไม่ปรับครม.2ปีรัฐบาล ส่ง"พลเอก ธีรชัย นาควานิช ผบทบ. -พลเอกกัมปนาท รุดดิษฐ์ ผช.ผบทบ." ที่จะเกษียณมาเป็นรมต.เผยนายกฯยังไม่เคยพูด ทำงานอย่างเดียว....เชื่อไม่มีปรับครม. ขนาดผมเกษียณยังกลับไปอยู่บ้านเลย ไม่ใช่ว่า ต้องมาเป็นรมต. ผมเองก็ไม่คิดว่า จะมาเป็นรมต....เชื่อโยกย้ายทหาร กย.นี้ไม่มีปัญหา แม้เปลี่ยน ผบ.เหล่าทัพ หลายคน ก็ตาม เคยทำมาแล้ว
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยจะมีให้"พลเอก ธีรชัย นาควานิช ผบทบ. -พลเอกกัมปนาท รุดดิษฐ์ ผช.ผบทบ." ที่จะเกษียณมาเป็นรมต.ว่า หากเชื่อกระแสข่าวดังกล่าวก็ไปถามคนที่เผยแพร่ ขณะนี้ยังไม่มีการปรับย้ายอะไรทั้งสิ้น นายกฯยังไม่เคยพูดเลย ทำงานอย่างเดียว ตอนนี้รัฐบาลเหลือเวลาอีกปีกว่า พยายามทำสิ่งที่นายกฯวางเอาไว้
เมื่อถามว่า จะมีการนำทหารที่เกษียณอายุราชการเข้ามาหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยังไม่มีการปรับย้ายอะไรทั้งสิ้น ไม่มีหรอก ขณะนี้นายกฯทำงานอย่างเดียว ไม่เคยพูดเรื่องดังกล่าวกับผม
เมื่อถามย้ำว่า นายทหารที่เกษียณแล้วจะไปอยู่ที่ไหน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตอนผมเกษียณก็กลับไปอยู่บ้าน
ถามว่าถ้าคนที่เกษียณแล้วยังไม่อยากกลับบ้านจะทำอย่างไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า คงต้องไปถามเขาเอง ผมไม่รู้
ส่วนโยกย้ายทหาร กย.นี้ไม่มีปัญหา แม้เปลี่ยน ผบ.เหล่าทัพ หลายคน ก็ตาม เคยทำมาแล้ว

'สถิติแห่งชาติ' เผยเม.ย.59 ว่างงานเพิ่ม 7.2 หมื่น 'สภานายจ้าง' ชี้ส่งออกติดลบ กระทบลดการจ้าง

'สถิติแห่งชาติ' เผยเม.ย.59 ว่างงานเพิ่ม 7.2 หมื่น 'สภานายจ้าง' ชี้ส่งออกติดลบ กระทบลดการจ้าง

31 พ.ค. 2559 คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) เปิดเผยว่า อัตราการว่างงานเฉลี่ยในไตรมาส 1/59 อยู่ที่ 0.97% หรือมีจำนวน 3.7 แสน คน เพิ่มขึ้นจาก 0.94% ในไตรมาส 1/58 ทั้งนี้ โดยปกติ ไตรมาส 1 อัตราการว่างงานจะสูงที่สุด อย่างนี้ทุกปี และจะลดลงในไตรมาส 2 ไตรมาส 3 และ 4 โดยการจ้างงานภาคเกษตร ลดลง 2.7% จากผลกระทบของภาวะภัยแล้งใน ช่วงที่ผ่านมา แต่การจ้างงานนอกภาคเษตรเพิ่มขึ้น 1.5% ตามการขยายตัวของ เศรษฐกิจในด้านการผลิตอุตสาหกรรม ก่อสร้าง ขนส่ง และบริการท่องเที่ยว 
ผลการสำรวจของสภาพัฒน์ ยังพบว่า ในปี 58 ภาคครัวเรือนมีหนี้ลดลง โดย มีมูลหนี้เฉลี่ยต่อครัวเรือนอยู่ที่ 1.57 แสนบาท ลดลง 1.96% จาก มาตรการแก้ปัญหาหนี้สิน และการเข้มงวดการให้สินเชื่อของสถาบันการเงิน เมื่อเทียบกับ ที่เพิ่มขึ้น 10.0% ในปี 56 โดยหนี้ในระบบ ลดลง 2% มาอยู่ที่ 1.53 แสนบาท แต่หนี้นอกระบบ เพิ่มขึ้น 1.1% มาที่ 3.35 พันบาท ขณะที่สัดส่วนของครัวเรือนที่เป็นหนี้ ลดลงมา อยู่ที่ 49.1% จาก 53.8% ในปี 56

สำหรับแนวโน้มหนี้ครัวเรือนในปี 59 ยังมีแนวโน้มชะลอตัวลงต่อเนื่อง เห็นได้จากข้อมูลยอดคงค้างการให้สินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคของธนาคาร พาณิชย์ ในไตรมาส 1/59 เพิ่มขึ้น 5.7% ชะลอลงจากที่เพิ่มขึ้น 6.3% ในปี 58 เนื่องจาก ธนาคารพาณิชย์มีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น

สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อการจ้างงานและ รายได้แรงงาน ได้แก่ สถานการณ์ภัยแล้งที่รุนแรงในช่วงที่ผ่านมา โดยแรงงานภาคเกษตร ยังเป็นกลุ่มที่มี ความเปราะบางมากที่สุด เนื่องจากมีสัดส่วนคนจนมากที่สุด และแรงงาน เกษตร 69% มี อายุ 40 ปีขึ้นไป อีกทั้งกว่า 70% ของแรงงานภาคเกษตร มีการศึกษาในระดับประถมและต่ำกว่า รวมทั้งได้รับค่าจ้างต่ำกว่าสาขาอื่น 2.5 เท่า โดยมีรายได้ เฉลี่ย 5,582 บาท/ เดือน ทำให้มีข้อจำกัดในการรับมือกับผลกระทบจากภัยแล้ง ซึ่งจะซ้ำเติม ต่อปัญหาความยากจนและคุณภาพชีวิต

นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ที่ ยังเป็นไปแบบช้าๆ และการชะลอการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศเพื่อนบ้านและประเทศจีน ที่เป็น ตลาดส่งออก สำคัญของไทย ซึ่งขณะนี้ภาคธุรกิจยังไม่ได้มีการปลดพนักงาน แต่ใช้วิธี ปรับลดชั่วโมงการทำงานลง

ขณะเดียวกัน การจ้างงานและรายได้แรงงงาน ยังมีความเสี่ยงจากปัญหาการกีดกันทางการค้า จากการทำประมงผิดกฎหมาย และปัญหาแรงงานบังคับที่ส่งผลต่อการส่งออกของธุรกิจประมง และธุรกิจแปรรูปสัตว์น้ำ

ทั้งนี้ แม้ยังไม่พบความรุนแรงในการเลิกจ้างแรงงานในสาขาประมง และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งดำเนินการ ขจัดการทำประมงผิดกฎหมาย โดยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อบรรลุเป้าหมาย การส่งเสริมการ ทำประมง ที่ยั่งยืนของสหภาพยุโรป
 

สนง.สถิติแห่งชาติ เผยเม.ย.ที่ผ่านมา ว่างงานเพิ่ม 7.2 หมื่นคน 

สําหรับจํานวนผู้ ว่ างงานในเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา สำนักงานสถิติแห่งชาติ รายงาสว่า มีทั้งสิ้น 3.96 แสนคน หรือคิดเป็นอัตราการว่ างงาน ร้ อยละ 1.0 เมื่อเปรียบเทียบกับช ่วงเวลาเดียวกันของปี 58 จํานวนผู้ว่ างงานเพิ่มขึ้น 7.2 หมื่นคน (จาก 3.24 แสนคน เป็น 3.96 แสนคน) แต่ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือน มี.ค.59 จํานวนผู ้ว่ างงานลดลง 1 พันคน (จาก 3.97 แสนคน เป็น  3.96 แสนคน)
 

สภาองค์การนายจ้างฯ ชี้ส่งออกติดลบ ส่งผลโรงงานลดการจ้างงาน

ธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างการค้าและอุตสาหกรรมไทย กล่าวว่า การส่งออกที่ติดลบ ทำให้แนวโน้มการรับแรงงานในภาคอุตสาหกรรมมีน้อยมาก ทุกภาคส่วนยังคงรัดเข็มขัดเพื่อควบคุมต้นทุน ส่วนข้อเสนอลูกจ้างที่ต้องการให้ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำนั้น มีการหารือ 3 ฝ่าย ทั้งกระทรวงแรงงาน ลูกจ้าง และนายจ้างแล้ว เชื่อว่าปีนี้คงจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เพราะภาวะเศรษฐกิจที่เปราะบาง หากปรับขึ้นจะยิ่งไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ ควรขึ้นค่าเงินจ้างตามคุณภาพฝีมือแรงงานมากกว่า
 
ธนิตกล่าวว่า การส่งออกเดือนเมษายน 2559 ที่ติดลบ 8% ส่งผลให้ 4 เดือนแรกของปีนี้ ติดลบ 1.24% จากสถิติการส่งออกเฉลี่ยระดับปัจจุบัน คาดว่าการส่งออกทั้งปี 2559 จะติดลบอย่างน้อย 2% แต่ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) จะยังเติบโตในระดับ 3% เนื่องจากได้อานิสงส์จากเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ

วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

สภากลาโหม อนุมัติ แก้ไขและ เปลี่ยนชื่อพรบ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ เป็น พรบ.โรงงานผลิตอาวุธของเอกชน พ.ศ.2550

สภากลาโหม อนุมัติ แก้ไขและ เปลี่ยนชื่อพรบ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ เป็น พรบ.โรงงานผลิตอาวุธของเอกชน พ.ศ.2550
เพื่อให้ควบคุมยุทธภัณฑ์ได้ดีขึ้น ต้องรายงานทุกเดือน แม้ว่ายุทธภัณฑ์นั้น ชำรุดก็ตาม
พลตรีคงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกลาโหม กล่าวว่า การประชุมสภากลาโหม ที่มี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกฯและ รมว.กลาโหมเป็นประธาน พิจารณาให้ความเห็นชอบ
การแก้ไข ร่างพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ...
เพื่อให้ควบคุมยุทธภัณฑ์ได้ดีขึ้น เข้มงวดขึ้น และทำให้ ต้องรายงานทุกเดือน แม้ว่ายุทธภัณฑ์นั้น ชำรุดก็ตาม
โดยแก้ไขและเพิ่มเติมบางประเด็น เพื่อให้มีความเหมาะสมชัดเจนเพิ่มมากขึ้น คือ
มีการแก้ไขชื่อกฎหมาย ตามมาตรา 6 (5) เป็น “ พระราชบัญญัติโรงงานผลิตอาวุธของเอกชน พ.ศ.2550 ” เดิม “คำสั่งคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 37 ลงวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ.2519 ”
แก้ไขเพิ่มเติมตำแหน่ง ชื่อตำแหน่งและชื่อส่วนราชการหรือหน่วยงานที่เป็นองค์ประกอบของคณะกรรมการควบคุมยุทธภัณฑ์ ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ประกอบกับมีกฎหมายแก้ไขชื่อส่วนราชการและชื่อตำแหน่งของส่วนราชการและหน่วยงานในสังกัดกระทรวงกลาโหม และสังกัดกระทรวงอื่นใหม่
แก้ไขเพิ่มเติมเงื่อนไขการประชุม เพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติการประชุม (ในการประชุมคณะกรรมการ ถ้าประธานกรรมการไม่อยู่ในที่ประชุม ไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองประธานกรรมการเป็นประธานในที่ประชุม ถ้าประธานกรรมการและรองประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ที่ประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม)
เพิ่มเติมบทรับรองใบอนุญาตที่ออกให้ตามกฎหมายเดิม ให้ได้รับการรับรองตาม พ.ร.บ.นี้
เพิ่ม มาตรา 7 ให้ รมว.กห. รักษาการตามกฎหมายนี้
เรื่อง ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรายงานและบัญชีแสดง ชนิด ปริมาณ และการรับจ่ายประจำวันของวัตถุหรืออาวุธที่ใช้ในการผลิตอาวุธ หรืออาวุธที่ผลิตขึ้น พ.ศ. .. เพื่อให้สามารถควบคุมและตรวจสอบ ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานอาวุธ มีสาระสำคัญคือ
กำหนดหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขการรายงานและบัญชีแสดง ชนิด ปริมาณ และการรับจ่ายประจำวันของวัตถุหรืออาวุธที่ใช้ในการผลิตอาวุธหรืออาวุธที่ผลิตขึ้น รวมทั้งวัตถุหรืออาวุธดังกล่าวที่เสียหาย ใช้ไม่ได้หรือไม่ได้ใช้ โดยรายงานตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์และร่างกฎกระทรวงดังกล่าว จะเสนอเข้า ครม. ต่อไป
สภากลาโหมอนุมัติ ตั้ง 3ตำแหน่งใหม่ในสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ(สปท.) ใหม่ โดยให้มีตำแหน่งเสนาธิการ (เสธ สปท.) และ รองเสธ.สปท. อีก 2 ตำแหน่ง โดย ไม่ได้เปิดอัตราใหม่ แต่ใช้วิธีการเกลี่ย
เอารอง ผบ.สปท. มาเป็น เสธ.สปท. และ ผช.ผบ.สปท. มาเป็น รองเสธ. สปท. เพื่อประสิทธิภาพในการทำงาน
นอกจากนี้ สภากห.ตั้ง บิ๊กจิ๋ว พลเอกวุฒินันทน์ ลีลายุทธ อดีตรองผบ.สส.เป็นสมาชิกสภากห. พิเศษ แทน พลเอกวิลาส อรุณศรี เลขาฯนายกฯ ที่หมดวาระ23มิย.นี้

ยังไม่ผ่อน คลายกฏห้ามทำกิจกรรมการเมือง



นายกฯบิ๊กตู่ ถามหา จิตสำนีก นักการเมือง ความรับผิดชอบ ไม่ทุจริตมั้ย เปรย"ต่อให้เขียนกฎหมายยังไง ปฏิวัติร้อยครั้ง ก็ยังเป็นแบบเดิม เพราะคนเราไม่เปลี่ยนแปลง"
....ยัน ยังไม่ผ่อน คลายกฏห้ามทำกิจกรรมการเมือง ลั่นยังไม่ถึงเวลา ถาม นักการเมืองเคยเปลี่ยนแปลงตัวเองบ้างหรือยัง พรรคไหนที่ยังไม่เปลี่ยน
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช.กล่าวถึงการออกคำสั่ง คสช. ให้นักการเมือง หรือบุคคลที่มีชื่อในคำสั่งคสช. สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ ว่า การผ่อนคลาย ไม่มีใครสามารถกดดันผมได้อยู่แล้ว เพราะทำเพื่อคนไทย ประเทศไทย
ฉะนั้นใครไม่เห็นชอบด้วย เขาก็ไปแสดงความคิดเห็นในช่องทางที่สร้างสรรค์ เรื่องนี้ไม่ใช่เกิดมาเมื่อไม่กี่วัน เพื่อนำไปสู่การทำประชามติ ไม่เกี่ยวกัน แต่เรื่องนี้เริ่มมาตั้งแต่ 22 พ.ค. 2557 และเมื่อเห็นว่า นานมาแล้วจึงผ่อนคลายให้เท่านั้นเอง ไม่เกี่ยวกับประชามติ ไม่เกี่ยวกับอะไรทั้งสิ้น ทุกคนอยากให้ผ่อนคลาย ผมก็ทำให้ คุณจะต้องให้ใครมากำหนดกฎเกณฑ์ประเทศคุณหรือ เราก็ทำตามพันธสัญญาโลกอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายการเมืองอยากให้ผ่อนคลายในเรื่องการทำกิจกรรมทางการเมืองในแต่ละพรรค นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ผ่อน ยังไม่ถึงเวลา นักการเมืองเคยเปลี่ยนแปลงตัวเองบ้างหรือยัง พรรคไหนที่ยังไม่เปลี่ยน
เมื่อถามว่า ก่อนการทำประชามติประมาณ 1 เดือน จะพิจารณาผ่อนคลายเพิ่มเติมหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่รู้ ดูสถานการณ์ก่อน ถ้ามันวุ่นวายขึ้นมาแล้วเลือกตั้งไม่ได้ ก็โทษผมอีก คิดสองมุมนี้บ้าง
“ผมทำทุกอย่างให้เกิดความสงบเรียบร้อย เพื่อเดินไปตามโรดแมพของผมเท่านั้นเอง แต่ถ้าเขามุ่งหมายจะล้มทุกอย่างที่ผมทำอยู่แล้วทั้งหมด ท่านจะอยู่ตรงไหนกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า มีอะไรเคลื่อนไหวอื่นนอกจากที่ปรากฏในสื่อหรือไม่ จึงไม่พิจารณาให้พรรคการเมืองจัดกิจกรรมใดๆ ได้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สื่อต้องไปถาม เขาทำอะไรบ้าง วิเคราะห์เองได้ไม่ใช่หรือ เอาแค่ที่เขาเขียนในโซเชียลมีเดีย กับการให้ข่าวตามสื่อตรงนี้ วิเคราะห์กันให้ออก ซึ่งผมวิเคราะห์ตามข้อมูลฐานข่าวที่มีอยู่
"เขายังไม่หยุด ผมไม่ได้มองเป็นศัตรู หากมองเช่นนั้นคงลงโทษพวกเขาหมดแล้ว คงไม่ให้เคลื่อนไหวขนาดนี้หรอก แต่เขาก็ไม่เห็นในสิ่งที่ ผมทำดีๆ ให้กับเขา
ขณะเดียวกัน ยังยืนยันในสิ่งที่เขาทำมาตลอดว่าถูกต้อง โดยไม่คำนึงถึงข้อกฎหมายและวิธีบริหารจัดการที่ถูกต้อง ในฐานะเป็นผู้บริหาร ซึ่งผมทำให้ถูกก็ยังไม่ยอม แล้วจะยังไงกันต่อไป จะเกิดขึ้นเยอะกว่าเดิมหรือไม่ ในรัฐบาลต่อไป เรื่องที่ได้รื้อมานั้นจะหยุดหรือไม่ ต้องคิดอย่างนั้น ผมห่วงมากกว่า คนไทยทุกคนและสื่อไม่ห่วงหรือ
"วันนี้ทำทุกอย่างให้โปร่งใส มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น กฎหมายมีผลบังคับใช้อย่างเป็นธรรม ที่อ้างว่า ไม่เป็นธรรมก็ฟ้องมา มีช่องทางอยู่แล้ว อย่าเอามาพันกัน มันจะแก้ไม่ได้"
เมื่อถามว่า นายกฯ จะบอกได้หรือไม่ว่า ในสมัยการบริหารประเทศนี้จะไม่มีนักการเมืองหนีคดีทุจริตไปต่างประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ผมจะไปรับประกันเขาได้อย่างไร ต้องไปถามคนที่อยู่ในคดี ก็นี่ไง พอผมไม่ให้เดินทางไปต่างประเทศก็ดิ้นรนให้เขาออก ถ้าเขาหนีไปก็อย่ามาโทษผม จะเอาทุกอย่างในเวลาเดียวกันไม่ได้หรอก
“คุณไม่ให้โอกาสผมทำงาน แต่จะเรียกให้อีกข้าง มันก็เป็นอย่างนี้ ก็แลกเอา ฉะนั้นอย่ามาถามว่าเขาจะหนีไหม ถามผมได้ไง ผมไม่ได้อนุญาตให้เขาหนี ผมอนุญาตให้เขาไปต่างประเทศตามที่เรียกร้อง ไปเยี่ยมญาติไปอะไรต่างๆ ผมก็ให้เสรี แต่ถ้าเขาหนีไม่ใช่เรื่องของผม ก็ต้องใช้กลไกทางกฎหมายอินเตอร์โพล ตามจับตัวมา สุดแล้วแต่ต่างประเทศจะร่วมมือหรือเปล่า วันนี้สภาวะแวดล้อมต่างๆ เขาก็ไปสร้างความบิดเบือนเรื่องต่างๆ ไว้เยอะแยะ เต็มไปหมดข้างนอก แล้วสื่อก็ไปคล้อยตามเขียนให้เขา มันก็เป็นอย่างนี้” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่าหากนักการเมืองไปพูดเรื่องประชาธิปไตยหรือสถานการณ์การเมืองของไทยบนเวทีโลกได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า จะตามไปห้ามเขาได้ไหม หากจับตาแล้วจะถึงตัวไหม เขาไปต่างประเทศ แต่ถ้าอยากจะพูดก็พูดไปแล้ว จะนับถือคนเหล่านี้ก็ตามใจ
เมื่อถามว่า ถ้าไปพูดแล้วมีผลกระทบจะมีการพิจารณาทบทวนเป็นกรณีหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่รู้ ยังไม่ขอพูดตรงนี้ โดยเป็นเรื่องของฝ่ายความมั่นคงดูอยู่ ทุกอย่างโยนมาที่รัฐบาลหมด ไม่รู้จะทำอะไรก่อนหลัง แล้วไม่รับอะไรกันเลย ไม่ต้องการเข้าระเบียบมันก็เป็นอยู่อย่างนี้ ฉะนั้นคนไทยทุกคนต้องร่วมกันรับผิดชอบทั้งหมด เพราะผมกำลังแก้ให้คนทั้งประเทศ ต้องกระจายความรับผิดชอบ ไม่ใช่มุ่งแต่กระจายอำนาจแต่ความรับผิดชอบไม่มี มันก็จะเละไปกว่าเดิม อย่างหากว่าวันข้างหน้าพลังงานขาดแคลน ประเทศไทยพร้อมในทุกมิติหรือยัง ความคิด ความรับผิดชอบ จิตสำนึก มีหรือไม่ การไม่ทุจริตมีด้วยตัวเองหรือไม่
“ต่อให้เขียนกฎหมายอย่างไร ปฏิวัติร้อยครั้ง ก็ยังเป็นแบบเดิม เพราะคนเราไม่เปลี่ยนแปลง” นายกฯ กล่าว

นายกฯถก รองนายกฯมั่นคงสิงคโปร์ ห่วง ก่อการร้าย "พวกสุดโต่ง" ขยายตัวในภูมิภาค



รับมือ IS.......
นายกฯถก รองนายกฯมั่นคงสิงคโปร์ ห่วง ก่อการร้าย "พวกสุดโต่ง" ขยายตัวในภูมิภาคนี้ เพราะมีสมาชิกบางประเทศในอาเซี่ยน ร่วมขบวนการด้วย
บิ๊กตู่ ตอบรับคำเชิญ"ลีเซียนลุง"-IISSไปปาฐกถาในShangri-La Dialogue 15th Asia Security Summit 3 มิย.ส่วนไทย เตรียมเป็นเจ้าภาพ จัดประชุมระดับผู้นำอย่างไม่เป็นทางการ Leaders’ Retreat นายกฯบิ๊กตู่ ฝากขอบคุณนายกฯสิงคโปร์ที่ตอบรับ
ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นาย Teo Chee Hean รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประสานงานด้านความมั่นคงแห่งชาติสิงคโปร์ เข้าพบ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในโอกาสเดินทางมาเยือนไทย (working visit) 29 -31 พฤษภาคม 2559
พลตรี วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า
นาย Teo Chee Hean กล่าวว่า ไทยและสิงคโปร์มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดและรอบด้านในทุกระดับ ความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศมีเพิ่มอย่างต่อเนื่อง
พร้อมทั้งแสดงความปลาบปลื้มและรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ถวายการต้อนรับสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีในการเสด็จฯเยือนสิงคโปร์เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ยังกล่าวแสดงความรู้สึกยินดีที่นายกรัฐมนตรีตอบรับคำเชิญของ นาย ลี เซียน ลุง และสถาบัน International Institute for Strategic Studies (IISS) ไปกล่าวปาฐกถาในการประชุม Shangri-La Dialogue 15th Asia Security Summit ในวันที่ 3 มิถุนายน 2559 โดยทางสิงคโปร์เตรียมการต้อนรับนายกรัฐมนตรีไว้อย่างดี
ด้าน พลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความชื่นชม ความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงและการทหารที่ใกล้ชิดระหว่างไทยกับสิงคโปร์ ซึ่งมีส่วนช่วยสนับสนุนการเสริมสร้างประชาคมด้านการเมืองและความมั่นคงอาเซียน และยินดีที่หน่วยงานของทั้งสองประเทศ
ยังมีการส่งเสริมความร่วมมือในมิติต่างๆ อาทิ กรอบโครงการความร่วมมือระหว่างหน่วยราชการไทย-สิงคโปร์ (CSEP)
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและกระทรวงการสื่อสารและสารสนเทศของสิงคโปร์จะลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในระหว่างการประชุม IMBX Ministerial Forum on ICT ในวันที่ 31 พฤษภาคม 2559 ที่สิงคโปร์ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความร่วมมือด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ เพื่อป้องกันภัยคุกคามความมั่นคงทางไซเบอร์ ซึ่งช่วยป้องกันการแพร่ขยายของ "แนวคิดสุดโต่ง"ซึ่งอาศัยอินเตอร์เน็ตและสังคมออนไลน์ในการเผยแพร่อุดมการณ์ได้อีกด้วย
สถานการณ์ความมั่นคงในภูมิภาคนั้น ไทยส่งเสริมความร่วมมือด้านการต่อต้านการก่อการร้ายและ "แนวคิดสุดโต่ง"กับประชาคมระหว่างประเทศ รวมถึงสนับสนุนการหารือระหว่างความเชื่อ (interfaith dialogue) และส่งเสริมบทบาทของแนวคิดสายกลาง(moderate)
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเห็นว่า สาเหตุสำคัญของปัญหาด้านการก่อการร้ายมีรากเหง้ามาจากความยากจน และความเหลื่อมล้ำทางสังคมและทรัพยากร การแก้ไขปัญหาการก่อการร้ายอย่างครอบคลุมและยั่งยืนจึงต้องลดปัจจัยที่เกื้อหนุนปัญหาและความเหลื่อมล้ำเหล่านี้
นาย Teo Chee Hean ให้ความสนใจต่อเรื่องสถานการณ์ความมั่นคงในภูมิภาค และมีความกังวลต่อการขยายตัวของกลุ่มการก่อการร้ายในภูมิภาคที่มีแนวโน้มเชื่อมโยงกับกลุ่มต่างๆของภูมิภาคมากขึ้น โดยมีประชาชนประเทศสมาชิกอาเซียนบางส่วนเข้าไปเกี่ยวข้อง
นาย Teo Chee Hean เห็นว่า ทั้งสองประเทศควรร่วมมือระหว่างกันในเรื่องข้อมูลข่าวสารและแนวทางปฏิบัติเพื่อป้องกันภัยที่เกิดจากการก่อการร้ายในภูมิภาค
สำหรับพัฒนาการการเมืองไทยนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความขอบคุณที่รัฐบาลสิงคโปร์แสดงความเข้าใจในสถานการณ์ในประเทศไทย
โดยขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในระยะที่ 2 ของ Roadmap เพื่อวางรากฐานประชาธิปไตยที่ยั่งยืนและบ้านเมืองที่มีเสถียรภาพ และแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง การทุจริต และขจัดความเหลื่อมล้ำต่าง ๆ นายกรัฐมนตรีหวังว่าสิงคโปร์จะยังคงสนับสนุนไทยต่อไป
ความร่วมมือด้านการศึกษา นายกรัฐมนตรีกล่าวชื่นชมมาตรฐานการศึกษาของสิงคโปร์ที่สามารถพัฒนาเยาวชนของสิงคโปร์ให้มีความรู้และความสามารถในระดับแนวหน้าของโลก
นายกรัฐมนตรีประสงค์ที่จะเรียนรู้จากประสบการณ์ทางด้านการศึกษาของสิงคโปร์ และหวังว่าไทยและสิงคโปร์จะมีความร่วมมือในเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี
ยินดีที่นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ตอบรับเข้าร่วมประชุมระดับผู้นำอย่างไม่เป็นทางการ (Leaders’ Retreat) ในครั้งต่อไปซึ่งจะจัดขึ้นในไทย เพราะจะเป็นโอกาสอันดีที่ทั้งสองประเทศจะได้หารือในเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน

วันพุธที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

บิ๊กตู่ เปิดทำเนียบรับนักวอลเลย์ฯ พร้อมโชว์ลีลาตบลูก

บิ๊กตู่ เปิดทำเนียบรับนักวอลเลย์ฯ พร้อมโชว์ลีลาตบลูก
Cr:ผู้จัดการ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดทำเนียบรัฐบาล ต้อนรับ นักวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ชุดคัดโอลิมปิกเกมส์ 2016 เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ที่ผ่านมา พร้อมโชว์ลีลาเซตและตบลูกยางร่วมกับนักกีฬา ด้าน ปลื้มจิตร์ ถินขาว กัปตันทีม ขอลืมความผิดหวังเดินหน้าลุยรายการต่อไปที่สวิตเซอร์แลนด์
เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ที่ผ่านมา นายสมพร ใช้บางยาง นายกสมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย นำคณะนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ชุดโอลิมปิกเกมส์ 2016 รอบคัดเลือก เดินทางเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล
ภายในงาน พล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้โอวาทแก่นักกีฬา พร้อมกล่าวชื่นชมฟอร์มการเล่น แม้จะไม่สามารถคว้าโควตาไป "ริโอ เกมส์" ได้ก็ตาม พร้อมกันนี้ "บิ๊กตู่" ยังได้เซตและตบลูกวอลเลย์บอลร่วมกับนักกีฬาด้วยเช่นกัน ขณะที่ทัพลูกยางสาวได้มอบลูกวอลเลย์บอลพร้อมลายเซ็นของทั้งทีมให้ท่านนายกฯเป็นที่ระลึก
หลังการเข้าพบ ปลื้มจิตร์ ถินขาว กัปตันทีมวอลเลย์บอลไทย กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณที่ท่านนายกฯสละเวลามาให้กำลังใจกับพวกเรา ซึ่งท่านบอกว่าท่านเชียร์ตลอด และขอให้อย่าเพิ่งท้อ ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นในการแข่งขันนั้นอย่าไปรื้อฟื้น ให้มันผ่านไป แล้วทำหน้าที่จากนี้ให้ดีที่สุด ซึ่งจากนี้เรามีภารกิจต่อไป คือ รายการ มองเทอร มาสเตอร์ ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม - 5 มิถุนายน นี้ ต่อด้วยศึก เวิลด์ กรังปรีซ์ 2016
ด้าน "กิ๊ฟ" วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ เผยว่า ท่านนายกรัฐมาตรี ได้โชว์การเซตและตบลูก ซึ่งต้องบอกว่าท่านตบลูกได้แรงมาก ส่วนการได้เข้าพบในครั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะท่านนายกฯได้อธิบายถึงโครงการต่างๆให้เราเข้าใจว่าท่านกำลังทำอะไรเพื่อพัฒนาประเทศบ้าง ทำให้เราได้ความรู้และสามารถนำไปบอกต่อได้ นอกจากนี้ท่านนายกฯยังให้สัญญาว่าจะสนับสนุนวอลเลย์บอลไทยอย่างเต็มที่ทั้งเรื่องงบประมาณและทุกๆเรื่อง อีกทั้งยังมอบของที่ระลึกเป็นกระเป๋าโอท็อปให้ด้วยเช่นกัน

วันอังคารที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ป้อม เรื่องลาออก



บิ๊กป้อม ลั่น เป็น นักการเมือง พูด ลาออกไม่ได้ เสียหาย ยันพูดเล่น เรื่องลาออก แค่กระเซ้า สนุกสนาน กับนายกฯ เท่านั้น ยอ มรับว่า เหนื่อย แก่แล้ว แต่ไม่ลาออก สู้ต่อ ชอช่วยนายกฯ เผย อายุยังน้อย ทำงานได้อีก10ปี
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึง การที่ พลเอกประยุมธ์ เผยว่า พล.อ.ประวิตร บ่นอยากลาออก ว่า “ผมไม่ได้บ่นว่าจะลาออก แต่ผมบอกว่า ผมแก่ ผมไม่ได้บ่น
"นักการเมือง บ่นลาออกไม่ได้ เสียหาย ผมเพียงคุยเล่นๆ กระเซ้าเย้าแหย่กับนายกฯเท่านั้น
ผมเหนื่อย และ เบื่อเพียงเรื่องนักข่าวนี่แหละ สิ่งที่ไม่ควรถามก็ถาม ส่วนเรื่องที่น่าจะถามกลับไม่ถาม เรื่องดีๆไม่ถาม พอเรื่องเป็นประเด็นเห็นถามทุกที
"แต่ถ้าถามว่าผมเหนื่อยไหม ผมก็เหนื่อย เหนื่อย กับ นักข่าวมากที่สุด ถามจะให้ตีกันอยู่เรื่อย"
พลเอกประวิตร กล่าวว่า ไม่เบื่อหรอก ต้องอดทนเอา เพราะ เกิดมาผมก็ทำงานมาตลอด ทำมากว่า 50ปีแล้ว นายกฯว่า ยังไง ผมก็ว่าตามนั้น เพราะนายกฯเป็นผู้เสียสละ
เมื่อถามว่า งอน ใครหรือเปล่า พลเอกประวิตร กล่าวว่า ผมไม่ได้งอน หรืออะไรใคร จะงอนได้ยังไง แก่จะตายอยู่แล้ว ถ้างอนก็คงน่าเกลียดตายเลย ไม่ใช่เด็กๆ ถ้าสาวๆงอนล่ะพอได้” พล.อ.ประวิตร กล่าวอย่างอารมณ์ดี
พลเอกประวิตร กล่าวว่า ผมอายุ 71แล้ว แก่แล้ว เมื่อหมดภารกิจ คสช. ผมก็พอแล้ว พักแล้ว แต่ตอนนี้ ก็ต่องช่วย นายกฯให้ตลอดรอดฝั่ง ก่อน. เพราะนายกฯอายุยังน่อย ท่านเพิ่ง 61 ท่านยังอยู่ได้อีก 10ปี ยังอยู่ทำงานได้อีกนาน. แต่อยู่ที่เขา จะ ทำมั้ย หรือจะไปเลี้ยงลูก 2คน

บิ๊กตู่มึนตึ้บ! หนักใจแก้ขัดแย้งไม่ค่อยได้ แบ่งฝ่ายตลอดเวลา ใช้กม.ก็ไม่ได้

(ข้อมูล)
นายกฯ ย้ำสิ้นเดือนนี้การปฏิรูปทุกด้านจะชัดเจน ทั้งการบูรณาการ และการทำงานของรัฐ ยันไม่อยากใช้อำนาจมากเกิน
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 15 พฤษภาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ ว่าการปฏิรูปตนเองได้ย้ำมาตลอดว่าเราทำมาตั้งแต่ปีแรก ขณะนี้ได้มอบหมายรองนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องสรุปรายละเอียดทั้งหมดเพื่อให้เกิดความชัดเจน ซึ่งได้มีการแบ่งกลุ่มงานออกไปทั้งหมดแล้ว โดยเดือนพฤษภาคม 2557-พฤษภาคม 2558 เป็นช่วงที่ 1 ตั้งแต่พฤษภาคม 2558 – พฤษภาคม 2559 เป็นช่วงที่ 2 และในช่วงพฤษภาคม 2559-ปี 2560 ก็จะเป็นช่วงที่ 3 ซึ่งจะนำไปสู่การเลือกตั้งตามโรดแมป โดยทุกอย่างก็จะมีความชัดเจน และสรุปได้ภายในสิ้นเดือนนี้ วันนี้ทุก ๆ ฝ่ายจะต้องไปด้วยกัน ไม่ใช่ทำงานเป็นชิ้นๆ จะต้องแก้ปัญหาต่างๆ ให้ครบวงจร ทั้งเรื่องน้ำ เรื่องเกษตรเป็นปัญหาที่ทับซ้อนกันมานาน ต้องเร่งสร้างความเข้มแข็ง การสร้างขีดความสามารถของประเทศ ทุกอย่างต้องทำไปพร้อมๆ กัน รวมทั้งการขจัดความขัดแย้ง ซึ่งทำไม่ค่อยได้เท่าไร
“แต่ละคนไม่คิดว่าควรจะระงับกันอย่างไร แบ่งฝ่ายกันตลอดเวลาก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ผมไม่อยากจะใช้อำนาจของผมมากนัก ใช้กฎหมายก็ไม่ได้แล้วจะอยู่กันได้อย่างไรก็ยังไม่รู้ การปฏิรูปเราต้องเริ่มตั้งแต่การบูรณาการ ต้องเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในทุกหน่วยงาน การบูรณาการข้ามกระทรวง ข้ามหน่วยงาน บูรณาการให้ภาคธุรกิจเข้ามาช่วยเหลือ บูรณาการให้ภาคประชาชนเข้ามาช่วยเหลือภาคประชาสังคม โดยทุกฝ่ายจะต้องมาร่วมมือในกิจกรรมเดียวกัน ซึ่งเดี๋ยวจะทำให้เกิดความชัดเจนว่า ที่ทำมาแล้วอยู่ในกรอบการปฏิรูปของของ สปท. สนช. อย่างไร อันไหนทำได้ก็ทำ แต่ทำได้แค่ไหนก็คือแค่นั้น จะให้รวดเร็วปรู๊ดปร๊าดแล้วความขัดแย้งก็จะเกิดขึ้นสูงมันทำไม่ได้ เพราะวันนี้ต้องยอมรับว่าความขัดแย้งยังมีสูงทุกเรื่อง การประชุม ครม.วันนี้ ได้เน้นย้ำในเรื่องของการปฏิรูป การบูรณาการ การทำงานของรัฐบาล ถ้าทุกคนเข้าใจก็จะสามารถยอมรับในสถานการณ์ทุกวันนี้ของโลกได้ เพราะทุกวันนี้มีความขัดแย้งสูง เศรษฐกิจชะลอตัว ดังนั้น สิ่งที่ทุกคนมุ่งหวังจะให้เศรษฐกิจของตัวเองดีขึ้นเพียงประเทศเดียว มันจะเป็นไปได้หรือไม่ทุกคนก็ต้องไปคิดกันเอาเอง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อถามว่า 2 ปี คสช. ได้มีการสั่งการให้มีการชี้แจงอย่างไรบ้าง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ต้องมีการชี้แจงอะไร เพราะทาง คสช. เขามีหน้าที่ชี้แจงในบทบาทของความมั่นคง ในส่วนของรัฐบาลก็เตรียมชี้แจงในส่วนที่ครบรอบ 2 ปีการทำงานของรัฐบาล ซึ่งจะต้องมีจุดสอดคล้องทั้ง 2 ฝ่าย แต่ต้องมีการแยกให้ชัดเจน จะได้รู้ว่าการปฏิรูปก็ทำงาน สปท. เพราะวันนี้ก็อยู่ในหัวข้อปฏิรูปทั้งนั้น เศรษฐกิจ เกษตร การศึกษา อะไรทำได้ก็ทำก่อน ทุกอย่างได้สั่งไปหมดแล้วขอให้ใจเย็นๆ

ออกหมายจับ 'ดร.อาทิตย์' โพสต์เฟซบุ๊กป้ายสีตำรวจ ซื้อ-ขายตำแหน่ง



ออกหมายจับ 'ดร.อาทิตย์' โพสต์เฟซบุ๊กป้ายสีตำรวจ ซื้อ-ขายตำแหน่ง
Cr:ไทยรัฐ
ปอท.ออกหมายจับ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ โพสต์เฟซบุ๊กป้ายสีตำรวจ ซื้อ-ขายตำแหน่ง ข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ ตาม พ.ร.บ.คอมฯ และหมิ่นประมาทวงการตำรวจเสื่อมเสีย
จากกรณี พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวว่า บก.ปอท.เตรียมออกหมายเรียก ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต กรณีโพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก "Arthit Ourairat" กล่าวหามีการซื้อ-ขายตำแหน่งเข้าสอบปากคำ เนื่องจากการโพสต์ข้อความดังกล่าว ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับความเสียหาย เป็นการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบ ซึ่งมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ
ล่าสุดวันที่ 24 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวน บก.ปอท. ได้ตั้งข้อหา ความผิดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และหมิ่นประมาทกับ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิตที่เขียนลงเฟซบุ๊กส่วนตัว กล่าวหามีการซื้อ-ขายตำแหน่ง ไปเมื่อวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา

2ปี คสช. 2 ปีบนทางตัน ทายท้าวิชามาร 2016-05-23 06:57:00

ใบตองแห้ง

2 ปี คสช. ทนายวันชัย สอนศิริ ยกให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เหนือกว่านายกฯ ทุกคนในอดีต ปีหน้าถ้ารัฐธรรมนูญผ่าน ไม่ได้เป็น ส.ว.แต่งตั้ง หวังว่าคงไม่กลับมาด่า
2 ปี คสช. ถ้าไม่นับด้านละเมิดสิทธิเสรีภาพ จับกุมความเห็นต่าง ถามว่าบริหารงานเลวร้ายเสียหมดไหม ก็ไม่หรอก รัฐบาลนี้ทำอะไรดีๆ ตั้งหลายอย่าง อำนาจเผด็จการมีข้อดีอยู่แล้วที่แก้ปัญหาฉับไว ถ้าแก้ถูกจุดนะ แต่ถ้าแก้ไม่ถูกก็ไปกันใหญ่ เพราะผู้ได้รับผลกระทบไม่มีช่องร้องขอความเป็นธรรม ข้าราชการโดน ม.44 ฟ้องศาลปกครองก็ไม่ได้
ภาพรวมของ 2 ปีจึงดูเหมือนประเทศสงบ เดินไปข้างหน้า โดยคนที่ไม่ได้รับผลกระทบ คนที่ไม่แยแสว่าคนอื่นเดือดร้อนอย่างไร ก็จะพอใจ จนกว่าจะโดนเข้ากับตัวเอง
เพราะมันคือการทำให้ประเทศสงบ เดินไปข้างหน้า แบบบดขยี้องคาพยพของการตรวจสอบทักท้วง ที่สังคมประชาธิปไตยสั่งสมมายาวนาน ไม่ว่าอำนาจศาล องค์กรอิสระ ที่ไม่สามารถตรวจสอบรัฐบาล (หลายองค์กรเสียภาษีจ้างไว้ฟรีๆ หลายองค์กรก็ตั้งโดย สนช.ชุดนี้) ไปจนวิถีการรวมตัวร้องเรียนของชาวบ้าน หรือการตรวจสอบวิพากษ์วิจารณ์ของสื่อ
ขณะเดียวกันยังเป็นการทำให้ประเทศสงบ โดยบอกให้ทุกคนเคารพกฎหมาย โดย คสช.อยู่เหนือกฎหมาย ออกประกาศคำสั่งเป็นกฎหมาย อ้างความจำเป็นไม่ต้องคำนึงถึงกระบวนการยุติธรรมสำหรับผู้คัดค้าน
นี่คือ 2 ปีของการทำลายหลักนิติรัฐ ระบอบการปกครองด้วยกฎหมาย ระบอบตรวจสอบทัดทานในหลักการประชาธิปไตย ให้เหลือแต่ความเชื่อมั่นในตัวผู้นำและสถาบันกองทัพ รวมทั้งรัฐราชการ ว่าจะทำทุกอย่างถูกต้อง ดีงาม และจะนำพาประเทศเดินไปข้างหน้า
โดยให้ประชาชนอยู่เฉยๆ เคารพ เชื่อฟัง ห้ามล้อ อย่าต่อต้าน อย่าคัดค้าน อย่ามีปากเสียง ทุกอย่างจะดีเอง
คำถามคือระบอบนี้จะเดินต่อไปอย่างไร ใช่ละ วันนี้ยังไม่มีใครโค่น คสช.ได้หรอก แต่ด้วยแรงกดดันหลายด้าน คสช.จำต้องยกร่างรัฐธรรมนูญ “ไปสู่เลือกตั้ง” เราจึงได้เห็นร่างรัฐธรรมนูญบวกคำถามพ่วง พยายามยัด “ระบอบ คสช.” เข้าไปอยู่ใน “ระบอบประชาธิปไตย” ทั้งที่ขัดกันโดยสิ้นเชิง
ถ้ามีการเลือกตั้งมีรัฐบาลตามร่างรัฐธรรมนูญนี้จริง เราจะเห็นระบอบที่ยิ่งพิกลพิการ คือกองทัพและสถาบันที่ไม่ได้มาจากเลือกตั้งจะมีอำนาจเหนือการเมือง แต่ก็ไม่ได้มีอำนาจสัมบูรณ์อย่าง คสช. ยังมีช่องให้คัดค้านต่อต้านได้ คิดดูว่าจะยุ่งขนาดไหน
เพียงแต่ คสช.ก็หวังว่าถ้าร่างรัฐธรรมนูญผ่าน อย่างน้อยจะ “ให้ความชอบธรรม” การใช้อำนาจ ม.44 ต่อไปอีก 1 ปีเศษตามบทเฉพาะกาล ระหว่างร่างกฎหมายลูกและจัดเลือกตั้ง ซึ่งครั้งนี้สามารถใช้อำนาจได้เต็มที่ เต็มแม็ก เพราะถือว่า ม.44 ผ่านประชามติแล้ว จากนั้นถ้าสถานการณ์ “ราบรื่น” ก็สามารถไปสู่เลือกตั้ง แต่ถ้าเห็นว่า “ไม่ราบรื่น” ก็มีช่องให้ยืดโรดแมพหลายวิธี
เอาเข้าจริงนี่คือการยื้อไปทีละ step โดยไม่มีใครแน่ใจว่าเป้าหมายอยู่ที่ไหน ขอแค่ใช้กำลังคุมอำนาจไว้เรื่อยๆ ไม่ต่างกับที่ผ่านมา ร่างรัฐธรรมนูญแล้วก็ให้ สปช.คว่ำร่างอยู่ต่อ เพราะไม่แน่ใจว่าจะลงจากอำนาจได้ ครั้งนี้ก็เช่นกัน ต่อให้ร่างรัฐธรรมนูญผ่าน คสช.ก็ยังไม่มั่นใจหรอกว่าจะลงจากอำนาจได้ ยังไม่มั่นใจหรอกว่าระบอบ ส.ว.เลือกนายกฯ ระบอบเปิดช่องนายกฯ คนนอก จะควบคุมสังคมได้ เพียงขอให้ผ่านไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน                                                                                                      

วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

นายกฯชี้ แม้สองปียังปฏิรูปไม่สำเร็จ แต่เป็นการวางรากฐานในช่วงเปลี่ยนผ่าน

นายกฯชี้ แม้สองปียังปฏิรูปไม่สำเร็จ แต่เป็นการวางรากฐานในช่วงเปลี่ยนผ่าน
นายกฯ ย้ำรัฐบาลกำลังเดินหน้าปฏิรูปประเทศ ขอให้ทุกคนเชื่อมั่น อย่าเชื่อข้อมูลบิดเบือน พร้อมเรียกร้องผู้ที่ต้องการให้รัฐบาลใช้ ม.44 แก้ปัญหาทุกอย่าง ทำความเข้าใจ เตรียมฟ้องคนกล่าวหาทำเศรษฐกิจตกต่ำ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบนโยบายในการประชุมสัมมนา “การขับเคลื่อนและการปฏิรูปประเทศไทยแบบบูรณาการ”ในวันนี้ (23 พ.ค.) โดยระบุว่า เราได้ฟันฝ่าอุปสรรคมานานพอสมควร แต่หลายคนยังคงไม่เข้าใจคำว่าบูรณาการ อยากให้ใช้มาตรา 44 แก้ปัญหาหมดทุกอย่าง แต่สิ่งที่ต้องการคือความเข้าใจและความร่วมมือ มองไปข้างหน้า พร้อมระบุว่าปัญหาพื้นฐานในสังคมไทยคือความเหลื่อมล้ำ ไม่เป็นธรรม ต้องอาศัยการบริหารงานแบบบูรณาการ ทั้งการทำงานข้ามหน่วยงาน ทั้งระหว่างข้าราชการกับเอกชน หรือข้าราชการกับประชาชนทั่วไป นำไปสู่ผลประโยชน์ของตัวเองโดยไม่ได้หวังพึ่งรัฐอย่างเดียว
ส่วนการปฏิรูป หรือแนวคิดประเทศไทย 4.0 สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) มียุทธศาสตร์ที่ชัดเจน มุ่งเน้นการเปลี่ยนผ่านจากสังคมเกษตรกรรมเป็นเกษตรอุตสาหกรรม มีกระบวนการที่จะตรวจสอบหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อแก้ปัญหาพื้นฐาน โดยเฉพาะความเหลื่อมล้ำ ไม่เป็นธรรม ความเสื่อมโทรม การรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งเน้นยุทธศาสตร์ “6 ป.” ได้แก่ ปรับจิตสำนึก ปรับกระบวนทัศน์ ปรับบทบาท ปรับสมดุล ปรับโครงสร้าง และปรับกลไกขับเคลื่อน
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังได้เรียกร้องให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อคำบิดเบือน เช่น เรื่องเศรษฐกิจตกต่ำ ส่วนเรื่องการเมืองก็ขอให้ทุกฝ่ายหนักแน่นและเชื่อมั่นในนายกรัฐมนตรี ถึงแม้รัฐบาลไม่สามารถปฏิรูปได้สำเร็จภายในระยะเวลา 2 ปี แต่ก็เป็นการวางรากฐานและแก้ไขปัญหาคู่ขนานกันไป ถือเป็นระยะเปลี่ยนผ่านของประเทศ ขณะเดียวกันตนเตรียมฟ้องร้องคนที่กล่าวหาว่ารัฐบาลทำให้เศรษฐกิจตกต่ำ และมีการเรียกรับเงินในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจด้วย
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี แถลงเพิ่มเติมว่างานด้านความมั่นคงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เป็นรากฐานของประเทศ ทำให้เกิดความสงบและทำให้งานด้านอื่นในทุกมิติสามารถดำเนินไปได้ อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตรยอมรับว่า ประเทศไทยอาจยังไม่เป็นประชาธิปไตยในทางพฤตินัย แต่ในทางปฏิบัติกำลังพยายามทำให้เป็นประชาธิปไตยอยู่ และ 2 ปีที่ผ่านมา นายกฯ ได้สร้างความเชื่อมั่นให้นานาประเทศ ประชาชน และข้าราชการ ว่าสามารถทำให้ประเทศเกิดความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนได้

บิ๊กป้อม มอบนโยบาย ความมั่นคง ยันเป็นรากฐานของทุกด้าน


บิ๊กป้อม มอบนโยบาย ความมั่นคง ยันเป็นรากฐานของทุกด้าน สร้างความสงบ ยันความขัดแย้ง ยังสูง จัดประชุมAsean ที่พัทยา 53 ล้มเหลว ยันทหารเอาปินยิง ปชช.ไม่ได้
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม มอบนโยบายความมั่นคงในสัมมนา"ขับเคลื่อนและการปฏิรูปประเทศแบบบูรณาการ" ที่ ศุนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ
โดยมี พลเอกอุดมเดช สีตบุตร รมช.กห.พร้อม ผบ.สส.ผบ.เหล่าทัพ ผบ.ตร. ผู้ว่าฯ และหัวหน้า ส่วนราชการ ปลัดกระทรวง อธิบดี ราว 1,300 คนร่วมฟังนโยบาย
โดยในงาน มีการแจก Road map คสช. แผ่นใหญ่ แก่ทุกคนด้วย
พลเอกประวิตร กล่าวว่า. สมช.ดูแล. กองทัพ ดูแลอธิปไตย ชายแดนรอบด้าน การทูตเชิงทหาร การเยือน สร้างสัมพันธ์. ทำชายแดนรอบบ้าน 4ประเทศ ทำให้สงบ
แม้เข้า AEC ไม่รบกันแล้ว แต่ต้องมีกำลัง ทหาร และ ตชด. ดูแลชายแดน เพื่อให้ปชช.มั่นใจ และนี่เป็นการตอบคำถาม ว่า มีทหารไว้ทำไม
เพราะงานความมั่นคง เป็นรากฐานของทุกอย่างในประเทศ ถ้าสร้างมั่นคงได้ ทุกอย่างจะดี ถ้าขัดแย้งกัน ก็ไปไม่ได้ฝ
"แล้วให้ทหารใช้อาวุธกับประชาชน ไม่ได้ ถ้าใช้ก็ตาย เป็นเบือ ทำไม่ได้หรอก "
พลเอกประวิตร ย้อนอดีต ถึงเหตุการณ์ประชุมAseanปี53ที่พัทยาว่า เป็นความล้มเหลวในประวัติศาสตร์ ไม่มีที่ไหนในโลกเกิดในไทยที่เดียว เพราะขัดแย้ง เอาปชช.มารบกัน ทำได้ไง

บิ๊กป้อม วอน หยุด"ล้างบาง" ขอทุกส่วนราชการ ช่วยกันทำงาน อย่าเกียร์ว่าง รอรัฐบาลใหม่



บิ๊กป้อม วอน หยุด"ล้างบาง" ขอทุกส่วนราชการ ช่วยกันทำงาน อย่าเกียร์ว่าง รอรัฐบาลใหม่ หมดเวลาแล้ว อย่าทำ เชื่อคนใจบริสุทธิ์ อย่าล้างบาง
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม และ รอง หน.คสช. กล่าวว่า 2 ปี ที่ผ่านมา คสช.เราพยายามทำทุกอย่าง เพื่อให้เดินหน้า
"ต้องยอมรับว่า ประเทศเราไม่ได้เป็น ปชต. เรายอมรับ ทางพฤตินัย. แต่ในทางปฏิบัติ เราพยายามเป็น ปชต. แม้เราจะเข้ามา ไม่ถูกต้อง แต่ถ้าพลเอกประยุทธ์ ไม่ตัดสินใจวันนั้น วันนี้จะเกิดอะไรขึ่น ไม่มีใครรู้"
พลเอกประวิตร กล่าวาา นายกฯ มาคุยกับผม 1 ชม.ไม่มีเริ่องอื่น มีแต่เรื่องงาน ผมเบื่อจะตายอยู่แล้ว
"นายกฯคิดทั้งวัน เดือดร้อนผมด้วย เพราะผมมาใช้ผม ให้ผมไปเร่ง. มาคุยกับ1 ชม ไม่มีเริ่องอื่น มีแต่เรื่องงาน ผมเบื่อจะตายอยู่แล้ว" พลเอกประวิตร กล่าวพร้อมหัวเราะ
พลเอกประวิตร เชื่อว่า ทุกส่วนราชการ จะช่วยกันทำงาน ไม่มีเกียร์ว่าง แล้ว ตอนนี้ ไม่ใช่เกียร์ว่าง เพื่อรอรัฐบาล ใหม่มา
"คิดว่า เดี๋ยวเขามา แล้วจะย้ายหมด ผมว่าหมดเวลาแล้ว ย้ายล้างบาง ถ้าคนมีจิตใจบริสุทธ์ิ ไม่มีมาล้างบาง เสียเวลา" พลเอกประวิตร กล่าว

บิ๊กตู่ เผย บิ๊กป้อม เปรย อยากลาออก เพราะ70 แล้ว



บิ๊กตู่ เผย บิ๊กป้อม เปรย อยากลาออก เพราะ70 แล้ว แต่ถ้าลาออก ผมก็จะตั้งใหม่ ใช้ ม 44 ตั้งใหม่ ยันร่วมชะตากรรม22 พค.แล้วจะทิ้งผมหรือ
หลัง บิ๊กป้อม บ่น ในตอนมอบนโยบาย ตอนหนึ่ง ก่อนหน้านี้ ว่า "เบื่อ"จะตายอยู่แล้ว
"นายกฯ มาคุยกับผม 1 ชม.ไม่มีเริ่องอื่น มีแต่เรื่องงาน ผมเบื่อจะตายอยู่แล้ว เผยนายกฯคิดทั้งวัน เดือดร้อนผมด้วย เพราะผมมาใช้ผม ให้ผมไปเร่งแก้"
พลเอกประยุทธ์ พูดทีเล่นทีจริง ในตอนหนึ่งในช่วงท้าย ของการ มอบนโยบายความมั่นคงในสัมมนา"ขับเคลื่อนและการปฏิรูปประเทศแบบบูรณาการ" ที่ ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ ว่า ขอให้เชื่อมั่นในตัวผม อย่าไปฟัง คนบิดเบือน เผยยิ่งตี เครื่องยิ่งร้อน ผมไม่กลัว
ยืนยันว่า เข้ามา ไม่ได้ต้องการผลประโยชน์ หริออะไรสักบาทเดียว แต่ต้องโทษตัวเองด้วย ที่ตัดสินใจเข้ามา แต่ก็บ่นไม่ได้ เข้ามาแล้วก็ต้องทำต่อไป
"นี่ ท่าน รองประวิตร บอกอยากลาออก เพราะท่าน70 แล้ว แต่ถ้าลาออก ผมก็จะตั้งใหม่ ใช้ ม. 44 ตั้งเข้ามาใหม่"
พลเอกประยุทธ์ กล่าว อีกว่า เมื่อเข้ามาแล้ว ร่วมชะตากรรม ก้นแล้ว ตั้งแต่ 22 พค.57 กันแล้วจะทิ้งผมหรือ
ส่วนที่ลือว่า จะปรับครม นั้น ก็ไม่รู้ข่าวออกมาจากไหน มีตลอด หริอว่า ปลัดกระทรวง ปล่อยข่าวปะ แล้ว รมต. ที่ปรับออกไป นั้น ไม่ใช่ไม่ดี
ทั้งนี้ ก่อนที่ นายกฯจะขึ้นเวที ตอน14.30
น. นั้น. ในเวลา11.00 น.พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม และ รอง หน.คสช.ขึ่นเวที ก่อน
โดย พลเอกประวิตร กล่าวว่า 2 ปี ที่ผ่านมา คสช.เราพยายามทำทุกอย่าง เพื่อให้เดินหน้า
"ต้องยอมรับว่า ประเทศเราไม่ได้เป็น ปชต. เรายอมรับ ทางพฤตินัย. แต่ในทางปฏิบัติ เราพยายามเป็น ปชต. แม้เราจะเข้ามา ไม่ถูกต้อง แต่ถ้าพลเอกประยุทธ์ ไม่ตัดสินใจวันนั้น วันนี้จะเกิดอะไรขึ่น ไม่มีใครรู้"
พลเอกประวิตร กล่าวาา นายกฯ มาคุยกับผม 1 ชม.ไม่มีเริ่องอื่น มีแต่เรื่องงาน ผมเบื่อจะตายอยู่แล้ว
"นายกฯคิดทั้งวัน เดือดร้อนผมด้วย เพราะผมมาใช้ผม ให้ผมไปเร่ง. มาคุยกับ1 ชม ไม่มีเริ่องอื่น มีแต่เรื่องงาน ผมเบื่อจะตายอยู่แล้ว" พลเอกประวิตร กล่าวพร้อมหัวเราะ
พลเอกประวิตร เชื่อว่า ทุกส่วนราชการ จะช่วยกันทำงาน ไม่มีเกียร์ว่าง แล้ว ตอนนี้ ไม่ใช่เกียร์ว่าง เพื่อรอรัฐบาล ใหม่มา
"คิดว่า เดี๋ยวเขามา แล้วจะย้ายหมด ผมว่าหมดเวลาแล้ว ย้ายล้างบาง ถ้าคนมีจิตใจบริสุทธ์ิ ไม่มีมาล้างบาง เสียเวลา" พลเอกประวิตร กล่าว