PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2560

เหลือแค่ไม่ตีกันเอง

เหลือแค่ไม่ตีกันเอง

ขี้เมาคราง ขี้ยาฮือ

กับมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสดๆร้อนๆเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการคลังว่าด้วยกำหนดอัตราภาษีสินค้าประเภท สุรา ยาสูบ และไพ่ มีผลบังคับใช้ในวันที่ 16 กันยายน 2560

นั่นก็ทำให้สุราที่มีดีกรีสูง เช่น เหล้าขาว ไวน์ รวมถึงบุหรี่ ถูกจัดเก็บภาษีสูงขึ้น

ภาษีบาปทำให้เหล้า บุหรี่ ไพ่ ราคาขยับแพงขึ้นอีกแน่

และก็เป็นอะไรที่ต่อเนื่องจากการที่กระทรวงพลังงานเพิ่งประกาศปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มอีก 0.67 บาทต่อกิโลกรัม ส่งผลราคาขายปลีกขึ้นไป 10 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม

แม่บ้าน ร้านข้าวแกง ร้านก๋วยเตี๋ยว บ่นกันพึม

ทั้งมหกรรมรีดภาษีบาป ทั้งปรากฏการณ์สุดอั้นราคาก๊าซหุงต้ม สะท้อนภาวะตึงตัวของเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อภาวะปากท้องความเป็นอยู่ของประชาชน

เป็นจุดที่ชาวบ้านร้านตลาดสัมผัสได้ถึงความเดือดร้อนตรงหน้า

ซึ่งนั่นก็น่าจะโยงเป็นเงื่อนไขสถานการณ์เดียวกัน กับการที่นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และนางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง ต้องเร่งประกาศผลผู้ผ่าน คุณสมบัติโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ

โดยให้ผู้มีสิทธิได้รับบัตรสามารถไปรับบัตรได้ที่หน่วยงานรับลงทะเบียนที่ได้ไปลงทะเบียนไว้ ตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน 2560 เป็นต้นไป

อย่างน้อยก็ยังมีข่าวดีมาถูๆไถๆกับข่าวด้านร้ายๆ

ผ่อนดีกรีความหงุดหงิด ลดภาวะความเดือดร้อนตรงหน้าของประชาชน

นั่นก็เพราะมันเร็วกว่าภาพรวมทางเศรษฐกิจที่เริ่มส่งสัญญาณเชิงบวกอย่างช้าๆ

โดยเฉพาะฉากการพบปะกันระหว่างคณะใหญ่ของรัฐมนตรีกระทรวงเมติและคณะเอกชนญี่ปุ่นกว่า 500 คน กับฝ่ายไทยที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ ระดมเจ้าสัวตระกูลใหญ่ที่คุมเศรษฐกิจของประเทศไทยทั้งกลุ่มซีพี เจ้าสัวเบียร์ช้าง ค่ายเบียร์สิงห์ สหพัฒนฯ กลุ่มเซ็นทรัล ฯลฯ

ต่างฝ่ายต่างให้เครดิต ซื้อใจซึ่งกันและกัน

แต่นัยสำคัญอยู่ที่ยุทธศาสตร์กระตุ้นโมเมนตัมทางเศรษฐกิจของไทย

ตามรูปการณ์ที่นายสมคิดแสดงความมั่นใจ ผลสะท้อนจากอาการกระตือรือร้นของญี่ปุ่นทำให้เคลียร์ข้อสงสัย ประเทศไทยคือศูนย์กลางการลงทุนในกลุ่มอาเซียนเหนือ เวียดนาม อินโดนีเซีย

เมกะโปรเจกต์ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) เกิดแน่นอน

ถ้าประเทศไทยไม่ตีกันเองจนการเมืองขาดเสถียรภาพ ญี่ปุ่นไม่ไปไหนแน่

“จอมยุทธ์กวง” ลากครกขึ้นภูเขามาเกินครึ่งทางแล้ว

แต่ปัญหาคือปัจจัยตัวแปรที่ยังคุมไม่ได้ ตามเงื่อนไขสถานการณ์ที่เชื้อไฟแตกแยกแฝงอยู่ทุกจุด

ล่าสุดในจังหวะบังเอิญที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม มีโปรแกรมบินไปราชการของกระทรวงกลาโหมที่ประเทศอังกฤษ

ท่ามกลางกระแสข่าวลือ คิดกันไปต่างๆนานา

ด้านกองเชียร์ “ทักษิณ” ก็ตีปี๊บดักคอ ยุทธการตามไล่ล่า “น้องปู” อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่กำลัง “ล่องหน” และตามข่าวพยายามขอลี้ภัยทางการเมืองที่เมืองผู้ดี

โวยเกมไล่บี้ตระกูลชินวัตรไม่ให้มีที่ยืน

ในอารมณ์ตรงกันข้ามกับฝ่ายต้าน “ทักษิณ” ก็ช่วยกันตีปี๊บ ประจานดักทางกระบวนการ “เกี้ยเซียะ” ปูดปม “พี่ใหญ่” ไปอังกฤษ เพื่อเจรจาซูเอี๋ยกับ “ทักษิณ”

“พี่ใหญ่” หัวขั้วอำนาจ คสช.อยู่ในภาวะทรงตัวลำบาก

ออกซ้ายก็โดนด่า ออกขวาก็โดนประจาน

สถานการณ์ “สามก๊ก” ฉบับประเทศไทย แยกไม่ออก ใครอยู่ฝั่งไหน ถือหางใคร

แม้แต่ในค่ายเดียวกันยังแตก แบบที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาดักคอตีกัน “ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิ กปปส.แยกไปตั้งพรรคใหม่หนุน “นายกฯลุงตู่”
ดูแล้ว “สามก๊ก” ตอนนี้ ยังซ่อนเงื่อนเฉือนคมกันอีกหลายคู่.

ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: