PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ส่ง7คนไทยเข้าคุก บัวแก้วรับ ถูกจับในเขตเขมร

ส่ง7คนไทยเข้าคุก บัวแก้วรับ ถูกจับในเขตเขมร



'กษิต' บินเจรจาเหลว! แฉโดนตั้งข้อหาหนัก กัมพูชาตรึงชายแดน พธม.จี้ให้รัฐบาลช่วย ขู่ชุมนุมหน้าสถานทูต "อภิสิทธิ์" เรียกหน่วยงานความมั่นคงหารือเครียด ย้ำทางการกัมพูชาต้องปล่อยตัวทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข...

เขมรเอาจริงคุมตัว "พนิช" ลูกพรรค ปชป.และพวกรวม 7 คน ยัดคุก "เปรย์ ซาร์" แล้ว หลังศาลพนมเปญตั้งข้อหาข้ามพรมแดนผิดกฎหมายกับเข้าเขตทหารโดยมีเจตนาร้าย ชี้โทษหนักถึงจำคุก 18 เดือน ขณะที่ "กษิต" บินเจรจาล้มเหลว เขมรไม่ยอมปล่อยตัว 7 คนไทย ยอมรับทั้งหมดถูกจับในพื้นที่กัมพูชา "อภิสิทธิ์" เรียกหน่วยงานความมั่นคงหารือเครียด ย้ำทางการกัมพูชาต้องปล่อยตัวทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข ในขณะที่ "สุเทพ" ซัด "วีระ" ตัวปัญหา กต.ส่ง ผอ.กองเขตแดนฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ถูกทหารเขมรตะเพิดกลับ

กรณีนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมพวกรวม 7 คน ถูกทหารกัมพูชาจับตัวไปบริเวณตะเข็บชายแดนบ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ตั้งแต่เมื่อตอนสายของวันที่ 29 ธ.ค.ที่ผ่านมา ขณะเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีมีชาวบ้านร้องเรียนว่ามีทหารเขมรรุกล้ำที่นาของคนไทย ล่าสุดทางการกัมพูชานำตัว 7 คนไทยส่งตัวเข้าเรือนจำแล้ว หลังถูกศาลตั้งข้อหาหนัก

เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. สำนักข่าวเอพีรายงานความคืบหน้ากรณีทหารกัมพูชาจับกุมคณะคนไทย 7 คน ซึ่งถูกกล่าวหาว่ารุกล้ำเข้าไปในเขตแดนกัมพูชา ระบุว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจกัมพูชาควบคุมตัวนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ นายวีระ สมความคิด กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และหญิงชายชาวไทย รวม 7 คนไปยังศาลในกรุงพนมเปญ เมืองหลวงของกัมพูชา เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ต่อจากนั้นจะถูกส่งตัวไปคุมขังในเรือนจำเพื่อรอการพิจารณาคดีในชั้นศาล ขณะที่สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานคำให้สัมภาษณ์ ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทย เรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาปล่อยตัวคนไทยทั้ง 7 คน โดยทันที พร้อมระบุว่ารัฐบาลกัมพูชาไม่ควรนำตัวชาวไทยขึ้นพิจารณาคดีในชั้นศาล เพราะจะยิ่งทำให้ประเด็นที่เกิดขึ้นมีความซับซ้อนยุ่งยากขึ้นไปอีก

สำนักข่าวเอเอฟพียังรายงานเมื่อช่วงเย็นวันเดียวกัน โดยอ้างถ้อยแถลงนายซก เรือน ผู้ช่วยอัยการศาลแขวงกรุงพนมเปญระบุศาลแขวงกรุงพนมเปญได้ตั้งข้อหากลุ่มคนไทย 7 คน รวมทั้งนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ และนายวีระ สมความคิด กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จากความผิดลักลอบข้ามพรมแดนเข้ากัมพูชาโดยผิดกฎหมายและเข้าเขตพื้นที่ทางทหารโดยไม่มีเหตุผลอันควร การตั้งข้อหากับกลุ่มคนไทยทั้ง 7 คน มีขึ้นภายหลังศาลดำเนินการการไต่สวนกลุ่มผู้ต้องหาโดยไม่เปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกเข้าร่วมรับฟัง จนกระทั่งได้ข้อสรุปดังกล่าวในช่วงเย็น หลังจากกลุ่มผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวโดยทางการกัมพูชาแล้ว 1 วัน

นายซก เรือน ผู้ช่วยอัยการศาลกรุงพนมเปญ กล่าวถึงการตั้งข้อหาแก่กลุ่มคนไทย 7 คน จากความผิดข้ามเข้าพรมแดนกัมพูชาโดยผิดกฎหมายและเข้าพื้นที่เขตทหารโดยมีเจตนาร้าย หากศาลกัมพูชาพิจารณาแล้วพบมีความผิดจริงตามข้อกล่าวหา แต่ละคนอาจถูกตัดสินโทษจำคุกมากกว่า 18 เดือน อย่างไรก็ตาม ศาลกัมพูชายังไม่ระบุวันนัดไต่สวนคดีนี้ครั้งต่อไปเมื่อใด

ข่าวแจ้งว่า ภายหลังกลุ่มคนไทยทั้ง 7 คน ถูกตั้งข้อกล่าวหา กลุ่มผู้ต้องหาได้ถูกเจ้าหน้าที่กัมพูชาพาตัวออกจากศาลแขวงกรุงพนมเปญ แต่ละคนมีสีหน้าเศร้าซึม โดยถูกพาตัวไปคุมขังที่เรือนจำเปรย์ ซาร์ นอกกรุงพนมเปญ ตามคำกล่าวอ้างของพลโทเขียว โสเพียก โฆษกกระทรวงมหาดไทยกัมพูชา

ขณะเดียวกัน นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ เดินทางถึงกัมพูชา ได้เข้าพบหารือกับนายฮอร์ นัมฮง รมว.ต่างประเทศของกัมพูชา เพื่อหาทางออกเรื่องนี้ แต่ภายหลังการเจรจากันแล้ว นายฮอร์ นัมฮง แจ้งแก่ นายกษิตว่า ทางการกัมพูชายังไม่สามารถปล่อยตัวกลุ่มคนไทยทั้ง 7 คน ได้ในเวลานี้ เพราะต้องดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมปกติ ซึ่งรัฐบาลไม่สามารถแทรกแซงได้

นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ภายหลังนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศเข้าหารือนายฮอร์ นัมฮง รมว.ต่างประเทศกัมพูชาว่าจากข้อมูลที่ทั้ง 2 ฝ่ายได้ตรวจสอบชัดเจนว่าทั้ง 7 คน ล้ำเข้าไปในเขตกัมพูชา โดยน่าจะพลัดหลงเข้าไป เรื่องดังกล่าวได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของกัมพูชา ฝ่ายไทยก็ให้ความเคารพต่อกระบวนการยุติธรรมดังกล่าว และหวังว่าจะมีการพิจารณาคดีโดยเร็ว โดยคำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 ประเทศ ทั้งนี้ รมว.ต่างประเทศ ได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมคนไทย 7 คนที่คุกเปรย์ ซาร์ กระทรวงการต่างประเทศ โดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ ได้ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ จัดหาทนายความเพื่อสู้คดีให้แล้ว

ที่ทำเนียบรัฐบาล ตอนสายวันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมฝ่ายความมั่นคง เพื่อหารือแนวทางการช่วยเหลือนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส. กทม.พรรคประชาธิปัตย์ นายวีระ สมความคิด และคนไทย รวม 7 คน ที่ถูกทหารกัมพูชาจับกุมตัวไป จากนั้นนายอภิสิทธิ์แถลงว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นกลุ่มคนเหล่านี้เข้าไปดูพื้นที่กรณีที่มีการร้องเรียนของประชาชนเรื่องที่ทำกิน รวมทั้งหลักเขตแดน ในนั้นมีนายพนิชร่วมด้วย โดยนายพนิชนั้นตนมอบหมายให้ประสานงานกับคนที่เคยแสดงความคิดเห็นกับบุคคลที่มีความคิดเห็นเรื่องปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อทราบปัญหาข้อร้องเรียนต่างๆ และก่อนเดินทางนายพนิชบอกว่าจะไปลงพื้นที่ ตนเข้าใจว่าเป็นการดูพื้นที่ที่ชายแดนในพื้นที่ที่มีการร้องเรียน แต่รายละเอียดเรื่องเส้นทางไปนั้นไม่ทราบ จนปรากฏเป็นข่าวว่าถูกจับ

นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า โดยหลักการพื้นที่ดังกล่าวจะมีหลักเขตแดนหมุดที่ฝ่ายไทยปักเอาไว้หลักที่ 46-48 และมีประเด็นที่ยังไม่ได้ข้อยุติ มีการโต้แย้งเรื่องหลักเขตแดนว่าควรจะอยู่ตรงไหนจากฝ่ายกัมพูชา ความแตกต่างสองส่วนระยะทางเป็น 10 เมตร วันนี้ได้สอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงแนวปฏิบัติว่าพื้นที่ที่อยู่ในเขตแดนของไทยตามหลักเขตของเราจะไม่มีกำลังของต่างชาติเข้ามาอยู่ เราไม่อนุญาตเด็ดขาด เพราะถือว่าเป็นพื้นที่ของเรา ส่วนพื้นที่ซึ่งมีปัญหาเรื่องชุมชนชาวกัมพูชาที่อยู่ตั้งแต่สมัยสู้รบตั้งแต่ 2520 เป็นประเด็นที่มีการกำหนดแนวเขตชัดเจนและไม่ให้มีการขยายหรือเปลี่ยนแปลงใดๆทั้งสิ้น การจับกุมที่เกิดขึ้นถ้าจับกุมในเขตแดนของเราเป็นสิ่งที่เรายอมรับไม่ได้แน่นอนเด็ดขาด แต่การจับกุมครั้งนี้ฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าเป็นการจับกุมเลยหลักเขตแดนของไทยไปแล้ว แต่ไม่ใช่หลักของฝ่ายกัมพูชากำลังมีการตรวจสอบ โดยกระทรวงการต่างประเทศส่งคนลงไปในพื้นที่พร้อมกับหน่วยงานในพื้นที่เพื่อไปดูจุดต่างๆ

นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อไปอีกว่า สิ่งที่เราได้ข้อมูลตรงกับทุกฝ่ายคือ คนทั้ง 7 ได้ลงจากรถที่ถนนศรีเพ็ญ แล้วมุ่งหน้าไปทางหลักเขตที่ 46 แต่ที่ยังไม่ตรงกันจากข่าวที่มีการรายงานกับจากที่กัมพูชาอ้างคือ เดินไปไกลแค่ไหน ดังนั้น การที่รัฐบาลจะดำเนินการกำหนดท่าทีขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงตรงนี้เป็นสำคัญ กำลังเร่งให้ตรวจสอบ ส่วนที่กัมพูชาระบุว่ามีการพบคนของเราที่วัดโจ๊กเจีย ถ้าเป็นจริงตามนี้ชัดเจนว่าจะเลยเขตแดนของเราที่เรากำหนด แต่ขณะนี้ต้องตรวจสอบอีกครั้ง วัดโจ๊กเจียอยู่ห่างจากจุดที่ถูกควบคุมตัวลึกเข้าไปอีก แต่ไม่ว่ากรณีจับกุมจะเกิดขึ้นที่ฝั่งใดก็ตาม เราเห็นว่าบุคคลทั้ง 7 ควรจะได้รับการปล่อยตัวทันที ด้วยเหตุผลที่ว่า ทางฝ่ายนโยบายทั้งสองฝ่ายได้เคยคุยกันว่ากรณีที่เกิดปัญหาในชายแดนลักษณะนี้โดยเฉพาะไม่มีอะไรบ่งบอกว่าคนทั้ง 7 มีอาวุธ ไม่ควรที่จะมีการจับกุม และเข้าสู่กระบวนการของศาล

นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวด้วยว่า เท่าที่รับฟังมาพื้นที่ตรงนั้นตำรวจ ตชด.เป็นผู้ดูแล คณะทั้ง 7 คนได้เดินทางผ่านด่าน ตชด.ไปและ ตชด.ติดตามไปแต่ไม่ทันเพราะกลุ่มคนเหล่านี้ลงจากรถไปก่อน เมื่อถามว่า ขั้นตอนของกัมพูชาขณะนี้ส่งตัวขึ้นศาลหรือยัง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ศาลจะนัดวันนี้และเรายืนยันว่าไม่ควรเข้าสู่กระบวนการนี้เราเห็นว่าควรจะปล่อยตัวบุคคลทั้ง 7 ส่วนการช่วยเหลือนั้นใช้ทุกช่องทาง ต่อข้อถามจะมีการปิดด่านเพื่อตอบโต้หรือไม่นั้น นายกฯกล่าวว่า ในชั้นนี้เราเห็นว่าควรจะเดินหน้าประสานแสดงจุดยืนของเราก่อน เสร็จแล้วจะดำเนินการตามความเหมาะสมต่อไป ถ้าเราต้องการให้ความสัมพันธ์สองประเทศราบรื่นควรจะยึดแนวทางพูดคุยเจรจา ปัญหาชุมชนบริเวณนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2520 เป็นต้นมา เป็นปัญหาผู้อพยพ ขณะนั้นเราได้กำหนดสิทธิ์ตามหลักเขตแดน และกัมพูชายอมรับว่าเมื่อไหร่ที่มีการสำรวจเส้นเขตแดนเรียบร้อยทุกคนต้องปฏิบัติตามข้อตกลง เราก็ไม่ได้บอกว่าเป็นดินแดนของเขา ขณะเดียวกัน เราจำกัดไม่ให้ขยายชุมชน เป็นแนวปฏิบัติที่ทำมา 33 ปีแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า กระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงของรัฐบาลจะล่าช้าไปต่อการที่กัมพูชาจะนำตัวทั้ง 7 คนขึ้นศาล นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เราไม่ทราบรายละเอียดขั้นตอนขณะนี้ แต่เรายืนยันจะประสานงาน และเวลา 16.00 น. วันเดียวกัน นายกษิตจะเดินทางไปกัมพูชาเพื่อยืนยันจุดยืนของไทยกับนายฮอร์ นัมฮง รมว.ต่างประเทศกัมพูชาก่อน เมื่อถามว่า นายกฯจะโทรศัพท์คุยกับสมเด็จฮุน เซน หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า รมว.ต่างประเทศจะไปคุยก่อน แต่หากสามารถติดต่อกันได้ก็ไม่มีปัญหาเพราะตอนนี้มีการประสานงานกันหลายระดับ เมื่อถามว่า นายพนิชเป็นเหยื่อของใครที่จะใช้เป็นข้ออ้างในการชุมนุมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนตอบไม่ได้ เพราะเจตนาของนายพนิชชัดเจนคือที่ผ่านมาเมื่อมีกลุ่มบุคคลแสดงความเป็นห่วงเป็นใยอ้างว่ารัฐบาลหรือพรรคประชาธิปัตย์เพิกเฉยเขาก็ไปประสานฟังข้อมูลข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร รวมถึงการลงพื้นที่ ส่วนลงพื้นที่แล้วใครพาใครไปทางไหนเรายังตรวจสอบไม่ได้ เมื่อถามว่าหาก 7 คนขึ้นศาลแล้วศาลตัดสินนายพนิชจะขาดคุณสมบัติเป็น ส.ส.หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่สามารถให้ความเห็นทางกฎหมายได้

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม กล่าวว่า พื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ที่ชาวกัมพูชาอยู่มานานแล้ว และค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นพื้นที่ของกัมพูชา สำรวจเมื่อปี 2549 ส่วนหนึ่งแล้วเป็นหลักเขตที่เราไม่ยอมรับ ยังเป็นพื้นที่แย่งสิทธิ์กันอยู่ ตนอยู่ตั้งแต่ปี 2523 ไม่มี การให้องค์การสหประชาชาติที่ไหนเข้าไปดูแล พื้นที่บางส่วนเราดูแลอยู่เพราะเราก็มีหลักเขตยืนยัน ส่วนที่มีปัญหาก็มีคณะกรรมการเจบีซีกำลังตกลงกันอยู่ เป็นพื้นที่ไม่มีโฉนด ผู้สื่อข่าวถามว่า พูดเหมือนกับว่ากลาโหมละเลยในสิ่งที่ประชาชนร้องเรียน พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ใช่ละเลย อย่าไปพูดว่าละเลยเพราะมันไม่มี เราดูแล ตนก็ดูแลมาตั้งนาน เป็นพื้นที่ที่คนกัมพูชาอยู่เป็นชมรมหนองจานประมาณ 500-600 ครอบครัว หรือประมาณ 2,000 คน อยู่ตรงนั้น 19 ปี เรานำลวดหนามไปกั้นไม่ให้ ชุมชนขยายออกนอกแนว

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์เริ่มดีขึ้นบ้าง ทีแรกกัมพูชาจะไม่ยอมเลย เราเจรจาจนทางกัมพูชายอมให้นายกษิต ภิรมย์ รมว.กระทรวงการต่างประเทศ เดินทางไปเจรจา ทางกัมพูชาเขาอ้างว่าจับคนไทยทั้ง 7 คนได้ที่บริเวณวัดโจ๊กเจีย ซึ่งวัดดังกล่าวมันอยู่เลยเขตของไทยไปแล้ว เราจึงส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ ถ้าถูกจับที่วัดจริงก็ไม่ต้องเถียงเลย จบ เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ ที่ทั้งสองประเทศจะมาร่วมพิสูจน์ด้วยกัน นายสุเทพ กล่าวว่า ขณะนี้เขาถึงมีกรรมการขึ้นมา เมื่อถามว่า หากนายกษิตเจรจาไม่สำเร็จจะเปลี่ยนเอาใครไปเจรจา จะเป็นตัวท่านเองหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ใจเย็นๆดูไปทีละขั้น เมื่อถามว่า ทางกัมพูชาจะเชื่อหรือเพราะมีนายวีระ สมความคิด ถูกจับด้วย นายสุเทพกล่าวว่า นายวีระนั่นก็เป็นปัญหา เมื่อถามว่า รู้สึกเครียดหรือไม่ที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น นายสุเทพกล่าวว่า ก็ธรรมดามันงานเข้า

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทหารทำตามหน้าที่ดูแลทุกอย่าง เรื่องต่อไปรัฐบาลก็จะดำเนินการเข้าไปช่วยเหลือ กระทรวงการต่างประเทศก็ต้องทำหน้าที่ไป ทหารก็ยืนยันได้ว่าจะดูคนไทยเป็นอย่างดี หากทางกัมพูชาเข้ามาจับในฝั่งไทยก็คงยอมไม่ได้ เราไม่แน่ใจเหมือนกันว่าโดนจับได้อย่างไร อาจจะเป็นเพราะเข้าไปในพื้นที่ที่มีปัญหาอยู่ และไม่ควรใช้ว่าพื้นที่เขาหรือพื้นที่เรา ควรใช้ว่าพื้นที่ที่มีปัญหา ที่ผ่านมาการอยู่ร่วมกันนั้นก็อยู่ด้วยการมีบันทึกความเข้าใจ (MOU) และเมื่อแนวเขตแดนยังไม่มีความชัดเจน ทุกคนก็ต้องเคารพกติกา เคารพสิทธิซึ่งกันและกัน เมื่อถามว่า เมื่อยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องพื้นที่คนเหล่านั้นควรจะถูกดำเนินการเพียงการควบคุมตัวได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า คำว่า ที่กล่าวว่าชัดเจนหรือไม่ชัดเจนนั้น มันลึกไปกว่านี้หรือไม่ เข้าไปเขตแดนเขาหรือไม่ ตรงนี้ยังไม่มีความชัดเจน ส่วนการที่จะนำตัวคนไทยทั้งหมดไปขึ้นศาลนั้น ก็คงต้องให้ศาลเป็นผู้พิจารณา

ช่วงบ่ายวันเดียวกัน นางวาสนา ห่อนบุญเหิม ผอ.กองเขตแดน กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ พร้อมคณะเดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี 7 คนไทยถูกทหารกัมพูชาจับตัว โดยมีนายศานิตย์ นาคสุขศรี ผวจ.สระแก้ว ให้การต้อนรับพร้อมนำคณะตรวจหลักเขตแดนที่ 46 บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง ซึ่งอยู่ห่างจากถนนศรีเพ็ญ (ถนนเลียบแนวชายแดน) ลึกเข้าไปประมาณ 600 เมตร พบว่ามีการขึงลวดหนามแสดงแนวเขตศูนย์อพยพบ้านหนองจานไว้อย่างชัดเจน และเมื่อพ้นลวดหนามเข้าไปจะเป็นชุมชนชาวเขมรปลูกบ้านเรียงรายกว่า 500 หลังคาเรือน โดยมีทหารกัมพูชาพร้อมอาวุธครบมือยืนเรียงรายอยู่บนถนนเคห้าของกัมพูชาซึ่งเป็นถนนคู่ขนานกับถนนศรีเพ็ญ

ระหว่างนั้นมีทหารกัมพูชาเดินเข้าไปหาคณะพร้อมสั่งห้ามเดินรุกล้ำเกินแนวลวดหนามเข้าไปอ้างว่าไม่ปลอดภัย คณะทั้งหมดจึงพากันย้อนกลับไปที่ถนนศรีเพ็ญ พร้อมสอบถามพยานที่เดินทางไปกับคณะคนไทยทั้ง 7 คน โดยพยานยืนยันว่าคนไทยทั้งหมดได้เดินรุกล้ำลวดหนามไปถึงถนนเคห้าฝั่งกัมพูชา และถูกทหารกัมพูชาจับตัวบริเวณหน้าวัดโจ๊กเจีย หรือวัดโชคชัย ในหมู่บ้านโจ๊กเจียของกัมพูชา ซึ่งห่างจากถนนศรีเพ็ญเข้าไปประมาณ 1,200 เมตร โดยนางวาสนากล่าวว่า จะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดรายงานให้นายกษิต ภิรมย์ รมว.กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อนำไปเจรจากับสมเด็จฮุน เซน ในช่วงเย็นวันที่ 30 ธ.ค.

ส่วนบรรยากาศบริเวณชายแดนตำรวจ กก.ตชด.12 และทหาร กกล.บูรพาได้นำรถยนต์หุ้มเกราะ วี-150 ออกวิ่งลาดตระเวนตามถนนศรีเพ็ญอย่างเข้มงวด หลังกองกำลังบูรพาประกาศคุมเข้มตลอดแนวชายแดน ห้ามคนไทย-เขมรลักลอบเดินทางผ่านเข้า-ออกตะเข็บแนวชายแดน ซึ่งจากคำสั่งดังกล่าวได้มีแรงงานชาวเขมรที่เดินทางเข้ามารับจ้างในฝั่งไทยกลัวอันตรายและกลัวถูกปิดพรมแดน ขนข้าวของเดินทางกลับกัมพูชาจำนวนมาก เช่นเดียวกับที่สถานกงสุลใหญ่กัมพูชาประจำประเทศไทย บริเวณสามแยกโคกสะแบง บ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว มี รปภ.ดูแลความปลอดภัยเข้มงวด หลังมีข่าวลือสะพัดว่ากลุ่มพันธมิตรฯจะบุกไปประท้วง ส่วนในฝั่งกัมพูชา พบว่ามีความเคลื่อนไหวทางทหารจำนวนมากเข้ามาในพื้นที่ชายแดนฝั่งกัมพูชา ด้านตรงข้าม อ.โคกสูง จ.สระแก้ว แต่ยังไม่มีเหตุการณ์กระทบกระทั่งใดๆเกิดขึ้น

ช่วงเย็นวันเดียวกัน นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ กรรมการเครือข่ายประชาชนชาวไทยหัวใจรักชาติ พร้อมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 20 คน เดินทางไปยื่นหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้เร่งรัดช่วยเหลือคนไทย 7 คน ที่ถูกทหารกัมพูชาจับตัว โดยนายไชยวัฒน์ กล่าวว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเครือข่ายประชาชนชาวไทยหัวใจรักชาติจะชุมนุมค้างคืนที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อรอคำตอบจากรัฐบาล

ในขณะที่นายทศพล แก้วธิมา กรรมการเครือข่ายประชาชนชาวไทยหัวใจรักชาติ กล่าวว่า หากรัฐบาลยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน กลุ่มเครือข่ายฯจะไปยื่นหนังสือต่อสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และหากยังไม่มีคำตอบชัดเจนจะไปชุมนุมประท้วงที่หน้าสถานทูตกัมพูชา เพราะจุดที่คนไทย 7 คน ถูกจับไปเป็นพื้นที่ของไทย และหากยังไม่มีความชัดเจนอีก จะมีมาตรการสุดท้ายคือกลุ่มเครือข่ายฯทั้งหมดจะเดินทางไปยังจุดที่ 7 คนไทยถูกจับเพื่อให้ทหารกัมพูชาจับไปอีก เพื่ออยู่เป็นเพื่อนกับทั้ง 7 คน

ไม่มีความคิดเห็น: