PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ชูประชาธิปไตยปรับทัพสู้ศึกเลือกตั้ง : ปลุกพลังประชาชนตัดสิน

ชูประชาธิปไตยปรับทัพสู้ศึกเลือกตั้ง : ปลุกพลังประชาชนตัดสิน



ตามโรดแม็ปการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเดือน ก.พ.2562
นั่นหมายความว่าทุกพรรคการเมืองได้จัดทัพปรับโครงสร้างตามกติกาใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ไฮไลต์ที่น่าติดตาม คือ ตำแหน่งหัวหน้าพรรคและรายชื่อบุคคลซึ่งพรรคการเมืองมีมติจะเสนอให้สภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่เกิน 3 รายชื่อ ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก่อนปิดการรับสมัครรับเลือกตั้ง
โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย สปอตไลต์กำลังส่องไปที่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรค แม้ยังไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค แต่ในฐานะเป็นรากเหง้าหนึ่งของพรรคไทยรักไทย ซึ่งเป็นรากฐานของพรรคเพื่อไทย
เส้นทางการเมืองของขั้วอำนาจตรงข้ามกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะเดินหมากทางการเมืองอย่างไร เกาะติดมุมคิดและตัวตน จากถ้อยคำการให้สัมภาษณ์ของ คุณหญิงสุดารัตน์ ได้เปิดแนวคิดไว้กับ ทีมข่าวการเมือง ว่า ขณะนี้บริบทการเมืองเปลี่ยนไปเยอะมาก
ทั้งในส่วนที่จะทำให้ดีขึ้นและในส่วนที่จะทำให้เป็นปัญหาในอนาคต บริบทที่ดีขึ้น คือ คุณภาพของโหวตเตอร์พัฒนาไปไกลมาก เข้าใจประชาธิปไตยอย่างถ่องแท้ มีวิจารณญาณเลือกผู้สมัคร ส.ส.
ประชาชนตื่นรู้เรื่องการเมืองมากขึ้น เบื่อการเมืองในลักษณะต่อสู้ในเชิงอำนาจ การโจมตีสาดเสียเทเสียกันไปมา และคาดหวังการเมืองที่เป็นสาระ แก้ไขปัญหาให้ส่วนรวมได้อย่างแท้จริง
แต่กฎเกณฑ์กติกาใหม่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ทั้งกลไกของรัฐธรรมนูญ กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ถูกออกแบบทำให้ตัวแทนของประชาชนอ่อนแอ ย่อมทำให้การทำงานเพื่อประชาชนอ่อนแอตามไปด้วย สุดท้ายจะส่งผลเสียต่อการแก้ปัญหาของประเทศชาติ
อันนี้คือปัญหาที่ผู้มีอำนาจอาจจะมองประชาธิปไตยแค่ในเชิงของอำนาจ ซึ่งจะต้องแย่งชิงกันในการเลือกตั้ง ตัดตอนการมีส่วนร่วมและโอกาสของประชาชน
ส่วนตัวมองว่าความจริงประชาธิปไตยเป็นระบอบการปกครอง โดยให้ประชาชนมีความทัดเทียมเข้าถึงทรัพยากรของชาติ โอกาสในการทำมาหากิน ความเป็นธรรมและสิทธิพลเมือง แต่รัฐธรรมนูญถูกดีไซน์ไม่ตอบโจทย์แก่นแท้ของประชาธิปไตย ไม่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม
จะทำอย่างไรให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้เอื้อต่อการแก้ปัญหาเพื่อประชาชนและประเทศ คุณหญิงสุดารัตน์ บอกว่า ส่วนตัวได้แสดงความเห็นหลายครั้ง โดยส่งสัญญาณไปถึงผู้มีอำนาจให้เห็นว่า กลไกรัฐธรรมนูญจะเป็นอุปสรรคต่อการบริหารงานของรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง
และได้ให้ความรู้กับประชาชนเข้าใจว่าสุดท้ายประชาชนที่รอคอยความช่วยเหลือ รัฐบาลหลังการเลือกตั้งอาจจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้ได้
ขณะนี้พรรคการเมือง นักการเมือง ประชาชนก็ไม่ได้มีอำนาจ ถ้าเราให้ความรู้ประชาชนแบบตรงไปตรงมา รณรงค์ให้สังคมเห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อถึงเวลาประชาชนจะเสนอความเห็นว่าอยากให้ปรับแก้กติกาอย่างไร เพื่อให้เอื้อต่อการพัฒนาประเทศ กระตุ้นเศรษฐกิจ และแก้ไขปัญหาปากท้อง
หากไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ รัฐบาลชุดใหม่เข้ามา มีผลกระทบอย่างไร คุณหญิงสุดารัตน์ บอกว่า ผู้มีอำนาจขณะนี้วางกลไกทำให้ตัวแทนของประชาชนอ่อนแอ หลังการเลือกตั้งจะไม่ใช่เป็นประชาธิปไตยตามที่สังคมคาดหวัง
ซึ่งหวังจะให้รัฐบาลเข้ามาแก้ปัญหาปากท้อง ปัญหาเศรษฐกิจ กระตุ้นการลงทุนและขับเคลื่อนประเทศ สุดท้ายรัฐบาลไม่สามารถบริหารแก้ปัญหาของประชาชนได้เต็มที่
รวมถึง คสช.ที่กำลังตั้งพรรคการเมืองเป็นรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง ในวันที่ไม่มีมาตรา 44 อยู่ในมือ เข้ามาใช้กลไกที่เขาเขียนขึ้นก็แก้ปัญหาให้ประชาชนได้ยากเหมือนกัน
แต่ยุคปฏิรูปการเมือง ตอนนี้มีนักการเมือง 2 พรรคใหญ่ กำลังถูกดูดเข้าพรรคการเมืองใหม่ สะท้อนภาพการเมืองอย่างไร คุณหญิงสุดารัตน์ บอกว่า ผู้มีอำนาจพยายามบอกว่าเข้ามายึดอำนาจ เพราะการเมืองน้ำเน่าและจะต้องปฏิรูปการเมือง
เราต้องถามว่า 4 ปี คสช.การปฏิรูปการเมืองเดินไปข้างหน้าหรือย้อนยุค 30-40 ปี ยิ่งมีพฤติกรรมการดูดนักการเมือง ซึ่งเป็นวิธีโบราณ ผู้มีอำนาจในขณะนี้เคยประณามเอาไว้ กลับกระทำในสิ่งที่ตัวเองประณามคนอื่น เราไม่ได้ว่าใครน้ำเน่า แต่เป็นสิ่งที่ผู้นำเคยพูดเอาไว้
การดูดนักการเมือง พรรคเพื่อไทยได้รับผลกระทบอย่างไร คุณหญิงสุดารัตน์ บอกว่า ผู้ที่ทำแบบนี้มีวัตถุประสงค์ต้องการการันตีเข้าสู่อำนาจอย่างปลอดภัย ขอแค่มีมือให้พอในสภาผู้แทนราษฎร ไม่ว่าจะเป็นแมวขาวหรือแมวดำ ขอให้จับหนูได้
ส่วนประเทศไม่ได้ประโยชน์ เพราะวิธีการนี้ไม่คำนึงถึงการพัฒนาการเมืองและประชาธิปไตย ขณะพรรคเพื่อไทยไม่ได้รับผลกระทบ เพราะในที่สุดประชาชนจะเป็นผู้ชี้ขาด
บทบาทของคุณหญิงสุดารัตน์เริ่มตกเป็นแคนดิเดตนำทัพพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง หากพรรคมีมติให้นำทัพจะทำอย่างไรให้ชนะการเลือกตั้ง คุณหญิงสุดารัตน์ ไม่ขอแสดงมุมคิดในเรื่องนี้
แต่ขอสะท้อนมุมมองพรรคเพื่อไทยควรทำอะไร ในฐานะเคยทำงานการเมือง และในฐานะที่เป็นประชาชน เป็นแม่ของลูก ยังต้องใช้ชีวิตอยู่ในประเทศอีกนาน ก็อยากเห็นเพื่อไทยเป็นพรรคอันดับที่ 1 หลังเลือกตั้ง
ในฐานะเราเคยเป็นฟันเฟืองเล็กในพรรคไทยรักไทย มีจุดแข็ง คือ เป็นผู้คิดนโยบายนำไปแก้ปัญหาของประเทศ คิดนโยบายที่ถูกทาง แก้ถูกจุด ตรงประเด็น หลังการเลือกตั้งนำนโยบายแก้ไขปัญหาได้สำเร็จ คิดเป็นทำเป็น
วันนี้ประชาชนพัฒนาตัวเอง เรียนรู้ประชาธิปไตยมาตลอดในช่วง 10 ปี ก็เป็นผลบวกต่อพรรคเพื่อไทย นับจากนี้ไปพรรคเพื่อไทยจะต้องนำเสนอจุดแข็งด้านนโยบาย เพื่อแก้ปัญหาของประเทศและประชาชน
ประชาชนเชื่อมั่นนโยบายที่อยู่ในมือเราแล้วผลักดันสำเร็จ ทั้งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้อง ปฏิรูปการศึกษาโดยใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือ นโยบายรองรับคนตกงานจากเทคโนโลยีให้เป็นคนเปลี่ยนงาน ออกแบบบิ๊กดาต้าของรัฐ ให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในการดำเนินชีวิตและทำมาหาเลี้ยงชีพ นโยบายเหล่านี้ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแน่นอน
ตอนนี้พรรคเพื่อไทยกำลังพัฒนาเป็นสถาบันการเมือง คุณหญิงสุดารัตน์เคยพูดว่าถ้าพัฒนาไปถึงจุดนั้น “ตระกูลชิน” จะลดบทบาทเป็นแค่หุ้นส่วนหนึ่งในพรรคเพื่อไทย วันนี้สถานะ “ตระกูลชินวัตร” ในพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างไร คุณหญิงสุดารัตน์ บอกว่า “จากยุคไทยรักไทยถึง เพื่อไทย เกือบ 21 ปี วันนี้ถือเป็นผู้ใหญ่
ตอนที่เป็นวัยรุ่นเราอาจเคยลองผิดลองถูก ตอนนี้เราไม่ต้องกลัว ประกอบกับองค์ความรู้เดิมพื้นฐานดี เหมือนเป็นเด็กเรียนดี ก็พัฒนาต่อได้ง่าย การก้าวสู่เป็นสถาบันการเมืองตอนที่อยู่ไทยรักไทยแล้วก็คิดอย่างนี้”
ฉะนั้นวันนี้ประชาชนพัฒนาตัวเองไปไกลมาก นักการเมืองและพรรคการเมืองต้องพัฒนาให้ทันประชาชน
ทีมข่าวการเมือง ถามว่า ประชาชนจำนวนหนึ่งต้องการเลือกพรรคเพื่อไทย แต่ติดเงื่อนไขพรรคนี้ยังอยู่ภายใต้ “ตระกูลชินวัตร” โดยขอให้กระจายอำนาจ เพื่อให้ “ตระกูลชินวัตร” เป็นส่วนหนึ่งในพรรค เพื่อก้าวสู่การเป็นสถาบันการเมือง คุณหญิงสุดารัตน์ บอกว่า ทุกองค์กรมีผู้ก่อตั้ง ซึ่งผู้ก่อตั้งได้ทำงานสร้างคุณูปการจนกลายเป็นจุดแข็งขององค์กร
วันนี้ผู้ก่อตั้งรีไทร์และหยุดแล้ว มีความตั้งใจสนับสนุนการเปลี่ยนแปลง การพัฒนาให้เป็นสถาบันการเมือง ถือเป็นโอกาสที่เหมาะสม เพราะประชาชนต้องการให้พรรคการเมือง นักการเมืองพัฒนา พรรคเพื่อไทยก็ต้องพัฒนาตามความต้องการของโหวตเตอร์
ส่วนมรดกที่ผู้ก่อตั้งทิ้งไว้คือนโยบายที่เป็นจริง เป็นแบรนด์ที่แข็งแรง เราควรยึดเรื่องนี้ต่อไป เพื่อสรรค์สร้างนโยบายที่ปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างพรรคให้แข็งแรง
ทีมข่าวการเมือง ถามว่า ความเป็นไปได้ที่จะจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ก่อนเลือกตั้ง เพื่อต่อสู้กับพรรคสืบทอดอำนาจของ คสช. หลัง “ตระกูลชินวัตร” ไม่ครอบงำพรรคเพื่อไทย คุณหญิงสุดารัตน์บอกว่า
ถ้าเอาเป้าหมาย “ฝ่ายประชาธิปไตย” ต่อสู้ “ฝ่ายเผด็จการ” ก็ต้องรวมกัน แต่ยังมองไม่เห็นภาพชัดเจน
สิ่งที่เราต้องทำ คือ ยืนอยู่บนจุดยืนรักษาประชาธิปไตย
ไม่โอนอ่อนตามอำนาจเผด็จการและยืนเคียงข้างประชาชน.
ทีมการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: