PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

รู้ตัวก็เข้าเส้นตายแล้ว

ปรี๊ด สัญญาณ “หมดเวลา” พ้นเดดไลน์ วันที่ 26พฤศจิกายน เส้นตายรัฐธรรมนูญบังคับผู้สมัคร ส.ส. ต้องสังกัดพรรค 90 วัน ก่อนวันเลือกตั้ง

ปิดตลาด ปิดกล่อง นับตัวเลขชัวร์ๆ กันได้

แน่นอน จุดไฮไลต์อยู่ที่พรรคพลังประชารัฐ น้องใหม่ที่ขยับขึ้นเป็น “ตัวเต็ง” อย่างเต็มตัว

กับพื้นที่ชัวร์ๆแบบลุ้นเหมายกจังหวัด ทีมกำแพงเพชรของ “วราเทพ รัตนากร” ทีมเพชรบูรณ์ ในปีกของ “สันติ พร้อมพัฒน์” สายชลบุรี ภายใต้ทีมตระกูล “คุณปลื้ม”

หรือประเภทมีแสงในตัวเอง ไม่ต้องพึ่งคะแนนพรรค อย่างนายอำนวย คลังผา อดีตส.ส.ลพบุรี 2 พี่น้องตระกูล “เทียนทอง” หลาน “ป๋าเหนาะ” นายเสนาะ เทียนทอง ทั้งนายฐานิสร์ กับนางตรีนุช อดีต ส.ส.สระแก้ว ทีมนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข ที่เมืองเลย นายวิรัช รัตนเศรษฐ ที่นครราชสีมา ฯลฯ

แนวโน้มพื้นที่ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคอีสาน ใส่แต้มล่วงหน้าได้

ที่สำคัญไม่ได้ใส่ปุ๋ยเร่งโตแบบข้ามวันข้ามคืน ตามฟอร์มที่ถูกตีตรา “พรรคท็อปบูต” เหมือนอดีต

แต่ต้องยอมรับว่า “พลังประชารัฐ” ก้าวทีละก้าวอย่างมีความหมาย

เดินหมากอย่างมีระบบ ตั้งแต่ช็อตแรกที่ “จอมยุทธ์กวง” นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจ จุดพลุ ประกาศสนับสนุน “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ตีตั๋วต่อ
เพราะทำให้บ้านเมืองสงบ การพัฒนาการเศรษฐกิจรุดหน้า

ต่อเนื่องกับยุทธศาสตร์การตลาด ที่มีการเปิดพรรคชื่อ “พลังประชารัฐ” ยี่ห้อที่ประชาชนคุ้นเคยมาตลอด 3-4 ปี จากการเดินนโยบายรัฐบาล สร้างแบรนด์จนชาวบ้านร้านตลาดจดจำเป็นยี่ห้อของ “นายกฯลุงตู่”

แทบไม่ต้องตีปี๊บโฆษณา เปิดชื่อพรรคมาก็ติดตลาดทันที

ตามด้วยการส่งทีมรัฐมนตรี “4 กุมาร” นำโดยนายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์ฯ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกฯ มาเป็นตัวจักรขับเคลื่อนพรรคพลังประชารัฐ

จัดอยู่ในโซน “เด็กเนิร์ด” บริสุทธิ์ทางการเมือง ถูกตียังไงก็ไม่ตาย

อีกทางหนึ่งก็ดึงทีมบ้านใหญ่ชลบุรี นำโดยนายสนธยาและนายอิทธิพล คุณปลื้ม มารับตำแหน่งในรัฐบาล โชว์ให้เห็นว่านักการเมืองอาชีพโดยสาร “เรือแป๊ะ” ร่วมกับ “นายกฯลุงตู่” ได้

ต่อเนื่องกับการรับทีมงานประชาธิปัตย์สาย กปปส. อย่างนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ นายสกลธี ภัททิยกุล เข้าร่วมเป็นทีมเสริมรัฐบาลและพรรคพลังประชารัฐ เป็นฐาน กทม.

ต่อด้วยช็อตสำคัญ การเปิดตัวมวยหลักอย่างนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตเลขาธิการพรรคไทยรักไทย มือดีลสำคัญของ “ทักษิณ” พร้อมกับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตแกนนำกลุ่มวังบัวบาน ที่ชื่อชั้นเรื่อง “มือหนัก” เป็นที่เชื่อถือในหมู่อดีต ส.ส.มาตั้งแต่ยุคไทยรักไทย

กระตุกนักการเมืองลอตใหญ่ ไหลเข้าร่วมทีมหนุน “นายกฯลุงตู่”

ไพ่เด็ดใบสุดท้ายก่อนเดดไลน์ การดึงนอตตัวสำคัญอย่าง “วราเทพ รัตนากร” ห้องเครื่องพรรคเพื่อไทย พร้อมหัวจ่ายอย่าง “สันติ พร้อมพัฒน์” และเปิดตัวนายเดชนัฐวิทย์ เตริยาภิรมย์ ลูกชายนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ พลิกข้างจาก “นายใหญ่” มาใส่เสื้อพลังประชารัฐเจาะฐานเชียงใหม่

ส่งหอกทิ่มทลายภาพความแข็งแกร่งของทีมนายห้างดูไบ

ทำให้อดีต ส.ส.กล้า “สละเรือ” ชิ่งหนีเส้นทางเสี่ยงตายกับ “นายใหญ่”

ในสถานการณ์ตรงกันข้ามกับจังหวะเดินหมากผิด “ล่มทั้งกระดาน” ของ “ทักษิณ” จากการเลือก “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่เมืองกรุง ถือธงนอมินีภาค 3

ตามฉากที่เห็นพรรคเพื่อไทยแตกเป็นเสี่ยง “เจ๊กระเจิง-เฮียกระจาย”

นั่นมาจากความที่นายห้าง “ดูไบ” มั่นใจตัวเองเป็นศูนย์กลางพลังอำนาจดึงดูดในพรรค คิดว่าไทยรักไทยเป็นสมบัติของตระกูล เงิน นโยบาย สั่งซ้ายหันขวาหันได้ แต่ความจริงปล่อยลูกหาบอยู่แบบตามมีตามเกิด ช่วง 3-4 ปี ไม่ได้ดูแล นกแลลูกข่ายอยู่กันแบบตัวใครตัวมัน ท่อน้ำเลี้ยงอุดตันเหือดแห้ง

ได้แค่ตีปี๊บโชว์กระแสดี โหนบุญเก่า

เอาแค่ภาพเปรียบเทียบยุคไทยรักไทย ตอนที่มี “ทักษิณ” มี “สมคิด” มี “สุริยะ” กับสถานการณ์วันนี้ เพื่อไทยเหลือแค่ภาพรางๆของ “ทักษิณ” ที่บัญชาการอยู่นอกประเทศ

“สมคิด-สุริยะ” สวิงไป ทำให้ยี่ห้อ “พลังประชารัฐ” คึกคักอย่างที่เห็น

มันก็เป็นอะไรที่ฟ้องด้วยภาพ “ทักษิณ” พอขาด “สมคิด-สุริยะ-วราเทพ” ก็แทบไปไม่เป็น

สถานการณ์แบบที่ต้องเข็น “เสี่ยโอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร โชว์ใบสมัครพรรคเพื่อไทย นำทีมตะโกนด่าไล่หลังคนย้ายพรรค พวกไร้อุดมการณ์ ต้องโดนกองเชียร์ “ทักษิณ” สั่งสอน

สะท้อนอาการช็อก ขาสั่น เสียเลือด ส.ส.ไหลออกไม่หยุด

แต่มันก็ฉุดไม่อยู่ สายเกินกาล แก้ไขอะไรไม่ทันแล้ว.

ทีมข่าวการเมือง


ไม่มีความคิดเห็น: