PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ศาล รธน. ไม่รับคำร้องสมาคมทนายความฯ ฟ้อง กปปส. ยุติชุมนุม ชี้ทำตามกรอบรัฐธรรมนูญ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 ธันวาคม 2556 19:11 น.  

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 ไม่รับคำร้องสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ขอให้สั่ง กปปส. เลิกชุมนุม ชี้เป็นการชุมนุมในขอบเขตรัฐธรรมนูญ มีเหตุผลมาจากความไม่ไว้วางใจในการบริหาร
ราชการแผ่นดินของรัฐบาล ขณะเดียวกันมีมติชี้ พ.ร.บ.ป.ป.ช.มาตรา 92 วรรคสอง ไม่ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 30 กรณีชี้มูลอดีตเลขาฯ กพ. ผิดวินัยร้ายแรง
     
       วันนี้ (18 ธ.ค.) สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้เผยแพร่เอกสารผลการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาเรื่องที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)
ได้ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 257 วรรคหนึ่ง (2) ว่า พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 92 วรรคสอง กระทบต่อสิทธิมนุษยชนและมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 30 หรือไม่ ซึ่งคำร้องดังกล่าว คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้รับเรื่องร้องเรียนจากคุณหญิงทิพาวดี  เมฆสวรรค์ อดีตเลขาธิการ ก.พ. ที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลว่ามีความผิดวินัยและความผิดอาญาในขณะที่ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ ก.พ. ซึ่งคุณหญิงทิพาวดี เห็นว่าการดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงของและการพิจารณาวินิจฉัยชี้มูลของ ป.ป.ช. ไม่เป็นธรรมและขัดต่อรัฐธรรมนูญ รวมทั้งถูกจำกัดสิทธิในการอุทธรณ์ จึงขอให้ กสม. ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคำร้องดังกล่าว โดยศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 92 วรรคสอง ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 30
     
       นอกจากนี้ คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญยังได้พิจารณาคำร้องที่ นายกิตติ อธินันท์ ในฐานะตัวแทนสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68
ว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคประชาธิปัตย์ กระทำการเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญหรือไม่ จากกรณีที่ผู้ร้องได้กระทำการชุมนุมบริเวณ ถ.ราชดำเนิน โดยมีการปิดเส้นทางการจราจร อีกทั้งยังได้ดำเนินการเคลื่อนขบวนผู้ชุมนุมไปปิดล้อมและบุกยึดสถานที่ราชการ สถานที่เอกชน และรัฐวิสาหกิจต่างๆ จนทำให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ รวมทั้งการที่นายสุเทพ ประกาศจะจัดตั้งสภาประชาชนเพื่อใช้อำนาจอธิปไตยสร้างกฎเกณฑ์และกติกาในการปกครองประเทศใหม่ จึงเห็นว่าการกระทำของนายสุเทพ ได้รับการสนับสนุนจากนายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 3 และ มาตรา 68 วรรคหนึ่ง
     


       โดยศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 เห็นว่า การชุมนุมของประชาชนตามคำร้องเป็นการใช้เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธเพื่อแสดงเจตนารมณ์ทางการเมือง โดยมีเหตุผลมาจากความไม่ไว้วางใจในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล อันถือเป็นการใช้เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ และเป็นการเรียกร้องและแสดงพลังด้วยการสนับสนุนของประชาชนจำนวนมาก

ประกอบกับสถานการณ์ตามคำร้องได้พัฒนาไปสู่การยุบสภาและเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งแล้ว จึงยังไม่มีมูลกรณีตามคำร้องดังกล่าว ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้วินิจฉัย

ไม่มีความคิดเห็น: