PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2557

ทำไมคนไทยต้องออกไปชุมนุมในวันที่ ๑๓ นี้ และทำไมเสื้อแดงต้องถอดเสื้อทิ้ง

วันอังคาร ที่ 7 มกราคม 2557
Posted by พล.ท.นันทเดช เมณสวัสดิ์ , ผู้อ่าน : 7725 , 13:53:10 น.  
หมวด : การเมือง 

 พิมพ์หน้านี้ 
  โหวต 29 คน 

      ระบบประชาธิปไตยแบบตะวันตก ซึ่งมุ่งสร้างขึ้นมาเพื่อแข่งขันกับลัทธิคอมมิวนิสต์ โดยเน้นการเลือกตั้งเป็นประเด็นหลักนั้น อาจจะดีขึ้นมาในระยะแรก แต่เมื่อเกิดคนโกงขึ้น โดยทุ่มเทเงินซื้อระบบการเลือกตั้ง สัก ๒,๐๐๐ล้านบาท เพื่อเข้ามาเป็นรัฐบาล หลังจากนั้นก็ไปเอากำไรคืน ๑๐๐ เท่าตัว(ประมาณ ๒ แสนล้านบาท) ซึ่งเกิดขึ้นในหลายประเทศ เช่น ไทย, ฟิลิปปินส์, อิตาลี, ปากีสถาน ฯลฯ ประเทศเหล่านั้นก็พังยับเยินไป ส่วนประเทศที่เอาตัวรอดมาได้ ไม่ว่าสิงค์โปร์, จีน, มาเลเซีย ฯลฯ ก็ล้วนแต่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยกึ่งเผด็จการเกือบทั้งสิ้น คือ การเลือกตั้งมีคู่มากับระบบการแต่งตั้ง หรือการสร้างระบบราชการที่เข้มแข็งนอกเหนือการควบคุมของฝ่ายการเมือง ซึ่งพม่า, ลาว, บรูไน และอีกหลายประเทศก็ยึดแนวทางนี้ ไม่เช่นนั้น ปตท., เบียร์สิงห์, เบียร์ช้าง, ซีพี, กระทิงแดงก็จะพากันออกมาซื้อประเทศไทยกันหมด สนุกแน่ๆ เลย
      เพราะเรื่องแบบนี้เองที่ทำให้เราต้องออกมาปฏิรูปการเมืองโดยด่วนก่อนการเลือกตั้งใหม่จะเกิดขึ้น แต่ฝ่ายที่คิดจะครอบครองเพื่อดูดกินบ้านเมืองก็ต้องต่อสู้อย่างสุดฤทธิ์สุดเดช เพื่อปกป้องขุมทรัพย์ของตนไว้ นี่คือสาเหตุหลักที่พวกเราต้องออกมาชุมนุมกับ กปปส.ครับ และก็มีตัวอย่างมากมาย เช่น กัมพูชา, บังกลาเทศ, อินโดนีเซีย ที่ประชาชนออกมาต่อสู้เพื่อรักษาประเทศชาติไว้
      ปัจจุบัน รัฐบาลคิดว่าถ้าชะลอเวลาไว้ ประชาชนที่ออกมาชุมนุมคงจะเบื่อไปเอง นี่ผ่านมา ๒ เดือนแล้ว ประชาชนบางส่วนอาจจะถอยลงไปบ้าง เพราะธุรกิจส่วนตัว แต่คนที่เข้ามาเติมกลับเพิ่มขึ้นมากกว่า และทุกครั้งที่มีการชุมนุมใหญ่ ประชาชนทั้งเก่าและใหม่ก็จะออกมาร่วมกันเหมือนเดิม มากขึ้นๆไม่มีน้อยลงเลย ตรงกันข้ามกับรัฐบาล ที่ความถูกต้องซึ่งมีอยู่ไม่มากนัก กลับยิ่งลดน้อยลงไปเรื่อยๆ จนปัจจุบันแทบจะไม่เหลืออยู่แล้ว เอาแค่เรื่องใหม่ๆ สักเดือน สองเดือนก็พอ เช่น
      (๑) การออกมาปฏิบัติงานของตำรวจตามคำสั่งของรัฐบาล ทั้งในกรณีที่ี ม.รามคำแหง และที่ดินแดง ย่อมส่งผลเรียกแขกให้ออกมาถล่มรัฐบาลอย่างรุนแรง จนทำให้รัฐบาลกลายมาเป็นศัตรูของเด็กรามไปโดยปริยาย และที่สำคัญ ยังทำให้ประชาชนเห็นได้ชัดเจนถึงอันตรายที่เกิดจากระบอบทักษิณ ที่คุมตำรวจระดับสูงไว้ จนทำให้ไทย กลายเป็นรัฐตำรวจไปแล้ว
      (๒) การเลือกตั้ง ซึ่งแทบไม่มีทางเป็นไปได้นั้น ยิ่งรัฐบาลดันให้เดินหน้ามากเท่าใด ข้อสงสัยของประชาชนยิ่งเพิ่มมากขึ้นว่า รัฐบาลจะมีการทุจริตจริง เพราะถ้าพรรคเพื่อไทยมั่นใจว่าเลือกเมื่อไรก็ได้ชัยชนะแล้ว ทำไมไม่ปล่อยให้ กปปส.ปฏิรูปการเมืองไป เสร็จเมื่อไรก็ลงเลือกตั้งภายใต้กติกาใหม่ต่อ ถ้ายังมั่นใจว่า “ไม่โกงก็ชนะ”
แต่ที่คัดค้านการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งนั้น คนในรัฐบาลชุดนี้คงจะกลัวกติกาการเลือกตั้งใหม่ ที่ทำให้โกงยากนั้นเอง นอกจากนั้นถ้ารัฐบาลยังลงมือเลือกตั้งต่อไป ความขัดแย้งอย่างรุนแรงก็อาจจะเกิดขึ้นได้เหมือนบังกลาเทศ และกัมพูชา
      (๓) การเคลื่อนไหวกระทบสถาบันฯ ซึ่งมีมากขึ้น กล่าวได้ว่าทำกันแทบเปิดเผย จนมีคำกล่าวกันว่าเสื้อแดงทุกคนไม่ได้หมิ่นสถาบันฯ แต่คนหมิ่นสถาบันฯ ทุกคนเป็นเสื้อแดงนั้น ทำให้พรรคเพื่อไทยไม่สามารถแก้ตัวได้ที่ทำไมถึงยังเฉยอยู่ ไม่ออกมาตักเตือนคนของตน นอกจากนั้นบางเรื่องยังออกมาสนับสนุนอีกด้วย
      (๔) ผลที่คนในเครือข่ายของรัฐบาลทำความผิดซ้ำซ้อนกันมาโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายนั้น จะทำให้ทั้ง ปปช., ศาลรัฐธรรมนูญ, ศาลปกครอง ต้องออกมาชี้มูลในเร็วๆ นี้อย่างน้อย ๓-๔ เรื่อง
      (๕) การโต้ตอบหรือให้ร้ายผู้ชุมนุมแบบไม่มีเหตุผล เช่น การว่าจ้างคนมาชุมนุม, การระบุว่าผู้ชุมนุมติดยาเสพติด ฯลฯ เป็นเรื่องที่ทำให้คนออกมาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
      (๖) คนเสื้อแดงจำนวนมากเริ่มเปลี่ยนสีเสื้อกันแล้ว เริ่มถอดเสื้อสีแดงกันมากขึ้น เพราะรู้ความจริงเพิ่มขึ้น คราวนี้ชาวนาเสื้อแดงก็จะเปลี่ยนสีเสื้อเพิ่มขึ้นด้วย เมื่อไม่ได้เงินค่าจำนำข้าวที่ชาวนารู้กันดีว่ารัฐบาลไม่จ่ายเพราะอะไร ส่วนเสื้อแดงธรรมดาก็เริ่มทนต่อสายตาชาวบ้านไม่ได้ และเริ่มรู้ความจริงว่าอะไรคือเรื่องที่ถูกต้องครับ ก็จัดชุมนุมคราวนี้ แกนนำขอให้ใส่เสื้อสีอื่นๆมาได้ “มนต์สีแดงเริ่มเสื่อมแล้วครับ”
      ถ้าจะย้อนหลังดูว่า ทำไมเราต้องปฏิรูปกันครั้งใหญ่ก่อนการเลือกตั้ง ลองคิดดูว่ามีพรรคการเมืองไหนบ้างที่โกงจนถูกยุบพรรคไปแล้ว ๒ ครั้ง คราวนี้ ก็น่าจะไม่รอดอีกเช่นกัน, มีนายกฯ มาแล้ว ๔ คน ทุกคนถูกประชาชนออกมาไล่หมดทุกคน และต้องไปขึ้นศาลกันไปหมดทุกคน ดังนั้นถ้ามีการเลือกตั้งก่อนปฏิรูป แบบเดิมอีก วงจรเก่าๆ ก็จะกลับมาอีก หลังจากประเทศชาติถูกโกงไปแล้ว ประชาชนก็ต้องออกมาขับไล่รัฐบาลอีก ไม่มีวันจบ แต่เงินที่ถูกโกงจะสูญหายไปกับนักการเมืองเช่นเดิมอีก หนี้สินของประเทศก็จะเพิ่มมากขึ้นจนล้มละลาย

      ถ้าจะถามว่าชุมนุมแล้วจะชนะไหม! ลองมาดูสถานการณ์ในปัจจุบัน ของรัฐบาล จะพบว่าอยู่ในภาวะที่ยืนอยู่แทบไม่ได้ เดินโซเซ สะดุดอะไรก็ล้มแน่ ตอนนี้ต่อให้ กปปส.ไม่จัดชุมนุม รัฐบาลก็ไปต่อไม่ไหวอยู่แล้ว ที่ ส.ส.รัฐบาลวิ่งวุ่นกันอยู่ทุกวันนี้ ก็เป็นการดิ้นรนครั้งสุดท้าย เพราะถ้าแพ้ โดนแน่ การตรวจสอบที่มาของเงินและตรวจสอบสารพัดอย่าง
      เกมส์นี้จึงมีเดิมพันสูงมาก ฝ่ายรัฐบาลมีเดิมพันเกี่ยวกับการกลับบ้านของคุณทักษิณฯ, พวกที่เกาะหากินกับเงินของคุณทักษิณฯ ก็เดือดร้อนยิ่งกว่าคุณทักษิณฯ เสียอีก หลายคนอาจจะถูกยึดทรัพย์และหมดโอกาสจะใช้เงินกู้อีก ๒.๒ ล้านล้านบาท ซึ่งน่าเสียดายมาก ส่วน กปปส.มีเดิมพันอยู่ที่ชาติบ้านเมือง เพราะคดีของคุณสุเทพฯ นั้น สู้ได้สบายๆ ครับ
      ก็ลองคิดกันดูครับ ว่าจะออกมาชุมนุมในวันที่ ๑๓ ม.ค.กันดีหรือเปล่า หรืออยากให้บ้านเมืองเราเป็นแบบฟิลิปปินส์ ซึ่งผมเพิ่งไปมา รถส่วนตัวที่มารับต้องมีปืนกลอูซีติดรถ เกือบทุกคนต้องพกปืนเวลาออกนอกบ้าน, ย่านชานเมืองหลวงจะอยู่ได้ต้องรวมคนเป็นแก็ง ฯลฯ คนมีความรู้ของฟิลิปปินส์ถ้าจน ก็ออกไปหากินต่างชาติครับ ไม่รู้จะอยู่เสี่ยงตายไปทำไมในประเทศตัวเอง
      ออกมาเถอะครับ

หมายเหตุ ภาพประกอบจากเพื่อนๆในเฟซบุ๊คครับ

ไม่มีความคิดเห็น: