PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2558

′วีรพัฒน์ ปริยวงศ์′ มองจ.ม.ยิ่งลักษณ์ถึงบิ๊กตู่ ไม่ใช่มาจากคนๆเดียว

ข่าวสด

เมื่อวันที่ 13 ต.ค. 2558 นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักวิชาการอิสระ เขียนบทความแสดงความคิดเห็นเผยแพร่ในเฟซบุ๊ก กรณีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เรื่องการจะออกคำสั่งบังคับเรียกค่าเสียหาย โดยยกประเด็นความไม่เป็นธรรมที่กำลังเกิดขึ้นต่อตนเอง

 ใจความส่วนหนึ่งระบุว่า "สำหรับเรื่อง "จำนำข้าว" เราต้องไม่ลืมกันไปเสียแล้วว่า เงินภาษีที่มีการอ้างว่ารัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ นำไปทำโครงการจนขาดทุนย่อยยับ แล้วนำมาอ้างเป็นตัวเลขค่าเสียหายมหาศาลนั้น แท้จริงแล้ว ก็คือการนำเงินไปจ่ายให้ชาวนา โดยรัฐยอมรับความเสี่ยงกับการขาดทุน (แล้วก็ขาดทุนจริง)

 ย้ำอีกครั้งว่า หากมีการทุจริต หรือปล่อยให้มีการทุจริต เช่น เอาเงินโครงการเข้ากระเป๋าใคร เอาข้าวไปให้ใคร นั่นต่างหาก คือ การทุจริตที่ต้องฟ้องคดี ต้องเอาผิด ต้องเรียกค่าเสียหาย

 แต่การเอาเงินไปช่วยชาวนา โดยที่รัฐแบกรับความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลก แบบนี้ ผมนึกไม่ออกจริงๆ ว่า จะเป็นการทุจริต หรือประมาทเลินเล่อให้เกิดความรับผิดได้อย่างไร ยิ่งหากมองไปตามข้อกฎหมายของฐานละเมิดของเจ้าหน้าที่แล้ว จะต้องเป็นกรณีที่มีกฎหมายห้ามไว้ หรือไม่มีสิทธิหรืออำนาจ หรือทำเกินสิทธิหรืออำนาจที่กฎหมายให้ไว้

 แต่กรณี “โครงการจำนำข้าว” คือเรื่อง "นโยบายทางการเมือง" การดำเนินการดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายที่แถลงต่อสภาที่ได้หาเสียงไว้กับประชาชน ไม่มีกฎหมายห้าม หรือกำหนดขอบอำนาจของรัฐบาลที่จะดำเนินนโยบายช่วยเหลือชาวนา
 
เช่นเดียวกับเวลารัฐบาลนำเงินไปแบกหนี้สถานบันการเงินให้นักลงทุนหรือนำเงินไปชดเชยราคาน้ำมันให้คนใช้รถหรือนำไปซื้อรถไฟหรือเรือดำน้ำแม้จะมีใครวิจารณ์ว่าขาดทุนไม่จำเป็นไม่คุ้มค่าหรือไม่อย่างไรเรื่องเหล่านี้ก็คือเรื่องนโยบายทางการเมืองที่กฎหมายจะเข้าไปชี้ผิดชี้ถูกแทนประชาชนไม่ได้

 ในระบอบประชาธิปไตยหมายความว่าฝ่ายการเมืองเองต้องทำนโยบายให้ดีเพื่อประโยชน์ของประชาชนและในขณะเดียวกันประชาชนเองก็ต้องติดตามคิดและตัดสินใจว่าจะสนับสนุนนักการเมืองผู้ทำนโยบายนี้ต่อไปหรือไม่ และการที่ประชาชนมีโอกาสรับรู้ วิพากษ์วิจารณ์ คิด ติดตาม และตัดสินใจ และใช้เวลาต่อสู้ไปตามกระบวนการขั้นตอนต่างหาก คือ การทำให้ประชาชนและสังคมเข้มแข็งโดยไม่ต้องอาศัยรถถังหรือกระบอกปืน


ดังนั้น ในเนื้อแท้ จดหมายถึง ‘คุณประยุทธ์’ ฉบับนี้ จึงไม่ได้มากจาก ‘คุณยิ่งลักษณ์’ คนเดียวที่ต้องการเรียกร้องความเป็นธรรมทางกฎหมาย แต่จดหมายฉบับนี้ ยังมาจากประชาชนอีกนับล้าน ที่ต้องการเรียกร้องความเป็นธรรมทางการเมืองเช่นกัน
(ที่มา:ข่าวสดออนไลน์)

ไม่มีความคิดเห็น: