PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

กรธ.วางกฎเหล็ก 17 ข้อ ห้ามลงสมัครรับเลือกตั้ง เป็นส.ส.


ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
เมื่อวันที่ 30 พ.ย. ที่รัฐสภา นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ โฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) แถลงความคืบหน้าในการร่างรัฐธรรมนูญว่า ในการประชุมกรธ.เมื่อวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้พิจารณาในส่วนของการกำหนดลักษณะและคุณสมบัติต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส. ซึ่งเบื้องต้นมีรายละเอียด 17 ข้อ ได้แก่ 1.ติดยาเสพติดให้โทษ 2.เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต 3.เป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้ง ตามมาตรา... 4.ถูกหรือเคยถูกสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 5.ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล 6.เคยได้รับโทษจำคุก โดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึง10 ปี นับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ 7.เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติชอบในวงราชการ 8.ต้องหรือเคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ 9.ต้องหรือเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำการผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงาน ในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือกระทำความผิด ฐานทุจริตหรือประพฤติมิชอบ 10.ต้องหรือเคยต้องคำพิพากษาว่ากระทำการอันทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตหรือไม่เที่ยงธรรม

 นายชาติชาย กล่าวต่อว่า 11.ต้องหรือเคยต้องคำวินิจฉัยหรือคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ ศาลฎีกา หรือศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้พ้นจากตำแหน่ง 12.เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำนอกจากข้าราชการการเมือง 13.เป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 14.เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกภาพสิ้นสุดแล้วไม่เกิน 2 ปี 15.เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ 16.เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรรมการการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดิน กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน หรือกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ 17.อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง  

 โฆษก กรธ. กล่าวต่อว่า ส่วนของการพ้นจากตำแหน่งของส.ส. ในกรณีที่พรรคการเมืองมีมติ 3 ใน 4 ให้พ้นจากสมาชิพรรค สามารถให้ ส.ส.คนดังกล่าวลาออกจากพรรค แล้วไปสมัครหาพรรคสังกัดใหม่ ภายใน 30 วัน นอกจากนี้ในส่วนกรณีนักการเมืองที่ถูกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ถอดถอน โดยรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะไม่มีขบวนการเรื่อง “การถอดถอน” แต่จะใช้คำว่า “พ้นจากตำแหน่ง” แทน ดังนั้นนักการเมืองที่เคยถูก สนช.ถอดถอน หากจะไปสมัครส.ส. ต้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ตรวจสอบคุณสมบัติ หาก กกต.วินิจฉัยว่าไม่ผ่านคุณสมบัติ ก็มีสิทธิส่งเรื่องให้ศาลฎีกาวินิจฉัยชี้ขาดให้มีผลเป็นที่สิ้นสุด  

 โฆษก กรธ. กล่าวต่อว่า สำหรับการไปยกร่างรัฐธรรมนูญนอกสถานที่ของ กรธ. ในระหว่างวันที่ 11-17 ม.ค.59  ได้ข้อสรุปแล้วคือที่ โรงแรมอิมพีเรียล เลควิว แอนด์ กอล์ฟคลับ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี

ศาลคุก2ปีจารุวรรณสัมมนาสตง.เท็จ-ปล่อยตัวชั่วคราว

662270
ศาลอาญา สั่งจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา คุณหญิง จารุวรรณ อดีตผู้ว่า สตง. จัดสัมมนาเป็นเท็จ ยื่นขอประกันตัวต่อไป ล่าสุด ศาลมีคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราวแล้ว
ศาลอาญารัชดา นัดอ่านคำพิพากษาในคดีที่ คุณหญิง จารุวรรณ เมณฑกา อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. และ นายคัมภีร์ สมใจ อดีตผู้อำนวยการสำนักบริหารงานและทรัพยากรบุคคล ตกเป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จากกรณีจัดงานถวายผ้าพระกฐินพระราชทานที่จังหวัดน่าน เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2546 โดยใช้การจัดสัมมนาบังหน้า เพื่อให้สามารถเบิกงบไปใช้ได้ ทั้งที่ไม่มีการสัมมนาขึ้นจริง

ล่าสุดศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า แม้จำเลยจะอ้างว่า ได้จัดการบรรยายพิเศษในช่วงเย็นระหว่างรับประทานอาหาร หลังจากนำเจ้าหน้าที่ถวายผ้าพระกฐินแล้ว เป็นเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง แต่ผู้เข้าร่วมการสัมมนาลงความเห็นว่าไม่ใช่การบรรยายตามวัตถุประสงค์การสัมมนา ไม่มีเอกสารแจกประกอบการสัมมนา และไม่มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างผู้ร่วมสัมมนาใด ๆ อันเป็นการจัดสัมมนาเท็จ เพื่อนำเจ้าหน้าที่ สตง. จำนวนมากไปร่วมงานถวายผ้าพระกฐิน โดยไม่ต้องจ่ายค่าเดินทางเอง แต่เบิกงบประมาณจากการสัมมนาไปใช้ ทำให้ สตง. ได้รับความเสียหาย การกระทำของ คุณหญิงจารุวรรณ กับพวก จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ พิพากษาจำคุกคนละ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา แต่ศาลเห็นว่าจำเลยทั้งสองเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ จึงเสนอให้จำเลยทั้งสองมอบให้ทนายความ ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวต่อไป

ศาลมีคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราวคุณหญิงจารุวรรณ
ศาลอาญารัชดา มีคำสั่งปล่อยชั่วคราว คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และ นายคัมภีร์ สมใจ ผอ.สำนักบริหารงานและทรัพยากรบุคคล จำเลยที่ศาลสั่งจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา คดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ภายหลัง คุณหญิงจารุวรรณ และ นายคัมภีร์ ได้ยื่นสมุดบัญชีเงินฝากคนละ 2 แสน ขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์คดี
ขณะที่ คุณหญิงจารุวรรณ กล่าวว่า ตนได้ตั้งข้อสังเกตว่าที่มีการมาร้องตนในคดีนี้ เพราะมีใครบางคนถูก สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เข้าไปตรวจสอบจึงเป็นที่มาการร้องคดีนี้ เรื่องนี้ตนยังไม่อยากพูดมากในตอนนี้ ที่ผ่านมาตนหาเงินให้ประเทศเป็นแสนล้านบาท คิดว่าเงินแค่ 2 แสนกว่าบาท ตนจะโกงหรือไม่ ทั้งนี้ ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวเพื่อต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ ส่วนจะยื่นอุทธรณ์ต่อสู้คดีประเด็นไหนนั้น ขอปรึกษาทางทนายความก่อน อย่างไรก็ตาม ศาลพิเคราะห์แล้ว อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวได้ ตีราคาประกันคนละ 2 แสนบาท โดยไม่มีเงื่อนไข

เคาะ 17 คุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส. ตัดสิทธิ์ตลอดชีวิตเฉพาะคนโกงเลือกตั้ง



คณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญเคาะ 17 คุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส. ตัดสิทธิ์ตลอดชีวิตเฉพาะคนโกงเลือกตั้ง ไม่เหมาเข่ง มีผลย้อนหลัง 
นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ โฆษกกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ แถลงภายหลังการประชุม ว่า ได้พิจารณาคุณสมบัติต้องห้ามของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ 17 ข้อ ประกอบด้วย 1.ติดยาเสพติด 2.เป็นบุคคลล้มละลาย 3.เป็นพระภิกษุ นักบวช ถูกที่เคยเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง วิกลจริต จิตฟั่นเฟือน ไม่สมประกอบ 4.ถูกหรือเคยถูกศาลสั่งให้เพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง 5.ต้องคำพิพากษาให้จำคุก หรือถูกคุมขังโดยศาล 6.เคยจำคุก และพ้นโทษมาไม่ถึง 10 ปี ทั้งในและต่างประเทศ ยกเว้นความผิดที่เกิดจากความประมาทหรือความผิดลหุโทษ 7.เคยถูกสั่งพ้นจากราชการ หรือหน่วยงานรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ เนื่องจากกระทำการทุจริตปฏิบัติหน้าที่โดย
มิชอบ แม้มี พ.ร.บ.ล้างมลทินภายหลังก็ไม่สามารถล้างผิดได้ 8. ต้องหรือเคยต้องคำพิพากษา ศาลให้ทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติ 9.ต้องหรือเคยต้องคำพิพากษาโดยคดีถึงที่สุดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือตำแหน่งหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรม ผิดฐานทุจริตประพฤติมิชอบ 10.ต้องหรือเคยต้องคำพิพากษาว่าทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตหรือไม่เที่ยงธรรม โดยเอาเฉพาะคนผิด ไม่เหมาเข่ง และตัดสิทธิ์ตลอดชีวิต มีผลย้อนหลัง 11.ต้องหรือเคยต้องคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ ศาลฎีกา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้พ้นจากตำแหน่ง 12.เป็นข้าราชการและรับเงินเดือนของรัฐ 13.เป็นสมาชิกท้องถิ่นหรือ
ผู้บริหารท้องถิ่น 14.เป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือเคยเป็น ส.ว. และพ้นสมาชิกภาพไม่เกิน 2 ปี 15.เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานราชการ 16.เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และกรรมการในองค์กรอิสระ 17.อยู่ระหว่างต้องห้าม มิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

เปิดเอกสารกองทัพบกใช้งบ11.9 ล. จ้างวิธีพิเศษฐานหินอ่อนพระบรมรูป 7 รัฐกาลราชภักดิ์

29พฤศจิกายน 2558 สำนักข่าวอิศรา
โชว์ชัดๆ เอกสารกองทัพบกจ้างผู้รับเหมาวิธีพิเศษ งานทำหินอ่อนรอบฐานพระบรมรูป 7 รัฐกาล อุทยานราชภักดิ์ เผย กรมส่งกำลังบำรุงทหารบก รับผิดชอบ ใช้งบ 11.9 ล้าน รับประกันสภาพ 2 ปี  
picwqw29 11 15
ในบรรดางานก่อสร้างของอุทยานราชภักดิ์ ที่ถูกระบุว่าใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน จำนวน 63 ล้านบาท ในการดำเนินงานซึ่งอยู่ระหว่างการเข้าตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) อยู่ในขณะนี้
งานติดตั้งหินอ่อนรอบแท่นพระบรมรูป 7 รัฐกาล เป็นหนึ่งในโครงการที่อยู่ในข่ายการตรวจสอบของสตง.ด้วย
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org  ตรวจสอบข้อมูลเอกสารกำหนดราคากลางการดำเนินงานก่อสร้างงานนี้ พบว่าเป็นโครงการในแผนงานเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2558 ของกองทัพบก หน่วยงานเจ้าของโครงการคือ กรมส่งกำลังบำรุงทหารบก วงเงินงบประมาณที่ได้รับการจัดสรร 11,963,600 บาท 
ลักษณะงาน
มี 2 ส่วน
ผนังหินอ่อนรอบแท่น
-เป็นหินอ่อนขาวกรีก ขนาด 0.30 ม.X0.60 ม. หนา 2 ซม.ผิวด้าน  รวมงานตัดหินและผสมน้ำยากันซึม
บัวหินอ่อนรอบแท่น 
-เป็นหินอ่อนขาวกรีก ผิวด้าน รวมงานตัดกลึงหินและผสมน้ำยาซึม , ค่าติดตั้งยึดเกาะระบบแห้ง พร้อมโครงการยึด พุกและเพลทสเตนแลส 
รวมค่าวัสดุและค่าแรง 1 แท่น เท่ากับ 1,353,840 บาท รวมจำนวน 7 แท่น เท่ากับ 9,476,880 บาท
บวกค่า FACTOR F (ค่าตัวเลขซึ่งกำหนดขึ้นตามมติคณะกรรมการควบคุมราคากลาง) รวมเป็นเงินทั้งสิ้น  11,963,613.31 บาท ปัดเศษ เป็น 11,963,600 บาท
ขณะที่ ราคากลางคำนวณ ณ วันที่ 3 ส.ค.2558 เป็นเงิน 11,963,600 บาท 
ปรากฎรายชื่อคณะกรรมการกำหนดราคากลาง จำนวน 3 ราย คือ พ.อ.ชัชพล ศุภมานพ , พ.อ.สถาพร มีศิริ , พ.ท.อุดม ระวัง
ทั้งนี้ ในการดำเนินการงานนี้ มีการกำหนดระยะเวลางานให้แล้วเสร็จใน 60 วัน การรับรองสภาพงาน 2 ปี  (ดูเอกสารประกอบท้ายเรื่อง)
แหล่งข่าวจากกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ยืนยันสำนักข่าวอิศราว่า  การกำหนดราคากลางงานนี้ เป็นไปตามระเบียบและเงื่อนไขที่กรมบัญชีกลางกำหนด ทั้งค่าFACTOR F กำหนดเวลาการทำงาน รวมถึงการรับประกันงาน 2 ปี ส่วนการจัดหาผู้รับเหมาเข้ามารับงานเป็นเรื่องของกองทัพบก 
"การดำเนินงานโครงการนี้ เท่าที่ทราบใช้วิธีพิเศษ ส่วนผู้รับเหมารายใดเป็นผู้ได้รับงานคงจะต้องสอบถามข้อมูลจากผู้ใหญ่ในกองทัพเอง" แหล่งข่าวระบุ  
picdffdwww29 11 15


pictannn29 11 15
pictaannna29 11 15

ปูตินส่ง S400 เพิ่มเพื่อให้ครอบคลุมประเทศซีเรียทั้งหมด:


ปูตินส่ง S400 เพิ่มเพื่อให้ครอบคลุมประเทศซีเรียทั้งหมด:
รัสเซียกำลังจะเสร็จสิ้นการไล่ถล่มฐานไอสิสทั้งหมดในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แต่แปลก เยอรมนีก็เพิ่งจะตัดสินใจส่งทหารเข้าไป ๑๒๐๐ นาย หลังจากกวาดเก็บ ISIS หมดแล้ว การฟื้นเมืองซีเรียหลายๆ เมืองคงจะลำบากมากหากยังมีเครื่องบินรบต่างชาติบินเพ่นพ่านอยู่
จีนจึงส่งทหารไป ๓๐๐๐ นายเพื่อเหลือรัสเซียช่วยดูแลพื้นที่ งานนี้คงจะอยู่ช่วยรัสเซียยาว ส่วนตะวันตก เมื่อไอสิสในซีเรียถูกถล่มหมดแล้ว จะปักหลักอยู่ยาวหรือปล่าว? อันนี้ต้องคอยดู
เพื่อความปลอดภัย ไม่ต้องให้เครื่องบินต่างชาติรบกวนระหว่างรื้อฟื้นประเทศซีเรียอีกครั้ง ปูตินตัดสินใจส่งจรวดแซมชนิด S400 เข้าไปเสริม
ให้ครอบคลุมดินแดนซีเรียทุกตารางนิ้ว พูดง่ายๆ ว่านับแต่นี้ไป ประเทศซีเรียเป็นเขตห้ามบินสำหรับเครื่องบินที่ไม่ได้รับอนุญาต รัสเซียคุมเบ็ดเสร็จทางอากาศ ทางบกก็มีทหารนาวิกโยธินจีนช่วยกองทัพซีเรีย
Russia is actually building an all-over air defense zone in Syria. The Hmeymim air base, Russian jets and also pilots will be protected by…
SPUTNIKNEWS.COM|โดย SPUTNIK

27พ.ย.-"บิ๊กช้าง"ถกคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง "ราชภักดิ์"นัดแรก



(27พ.ย.58)"บิ๊กช้าง"ถกคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง "ราชภักดิ์"นัดแรกแล้ว วางกรอบการทำงาน ขอเวลา ทำงานอย่างรอบคอบ เพื่อให้เกิดความกระจ่าง และพร้อมให้ข้อมูล แก่ทุกหน่วยงาน เตรียมเรียกทหารที่เกี่ยวข้องให้ข้อมูล
พลตรี คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกลาโหม กล่าวว่า ภายหลังจากที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง กรณีการดำเนินโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์แล้วนั้น
เมื่อ 27 พ.ย.58 พลเอก ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการฯ ได้เรียกประชุมหารือคณะกรรมการฯ กำหนดแนวทางและกรอบการดำเนินงาน แล้ว
โดยคณะกรรมการฯ จะรวบรวมพยานหลักฐาน เอกสารและหลักฐานที่เกี่ยวข้องจากทุกส่วนราชการ
พร้อมทั้งเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องภายในกลาโหม มาให้ข้อมูลถึงการดำเนินโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ในทุกขั้นตอน
รวมถึงทุกเรื่องที่เป็นประเด็นทางสังคม เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงและสร้างความกระจ่างกับสังคมโดยเร็ว
"จึงขอเวลาให้คณะกรรมการชุดนี้ได้ทำงานอย่างรอบคอบ เพื่อให้เกิดความกระจ่างในข้อเท็จจริงร่วมกันต่อไป"
สำหรับกรณี หากมีกลไกรัฐอื่นที่เกี่ยวข้องตามอำนาจหน้าที่ เข้ามาตรวจสอบการดำเนินโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์นั้น ทางกระทรวงกลาโหม พร้อมให้การสนับสนุน เพื่อให้เกิดความชัดเจนและร่วมกันสร้างความประจักษ์กับสังคมในที่สุด ตามที่ พลเอกประวิตร ได้ให้นโยบายไว้แล้ว
ทั้งนี้มีรายงานว่า คณะกรรมการ จะเชิญ นายทหารที่ทำงานโครงการก่อสร้าง อุทยานราชภักดิ์ มาให้ข้อมูล ทั้งในส่วนของทบ. และกลาโหม ที่ร่วมจัดสร้าง และถูกพาดพิง

คสช.ตั้งข้อสังเกตุ "ณัฐวุฒิ" เคลื่อนไหว ไม่ปกติ ตรวจสอบแต่"ราชภักดิ์"


(29พ.ย.58)คสช.ตั้งข้อสังเกตุ "ณัฐวุฒิ" เคลื่อนไหว ไม่ปกติ ตรวจสอบแต่"ราชภักดิ์" หวั่นเป็นปมการเมือง เผย จนท.จะพิจารณา ให้เข้าอุทยานฯ ในแนวทางที่เหมาะสม เผยมีช่องทางอื่นในการตรวจสอบ เตือนการเคลื่อนไหวในบางลักษณะ อาจสุ่มเสี่ยงที่จะถูกมองว่าพยายามโยงให้เป็นการเมือง หรืออาจมีวัตถุประสงค์อื่นแอบแฝง
พันเอกวินธัย สุวารี โฆษก คสช.กล่าวถึง กรณี นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ จะเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ ว่า ที่จริงมีหลายโครงการสำคัญๆ ที่ใช้เงินงบประมาณแผ่นดินไปเป็นจำนวนมาก แต่นายณัฐวุติฯ เลือกที่สนใจอยู่เฉพาะโครงการเดียว
ซึ่งอาจถูกทำให้สังคมมองว่าไม่ค่อยเป็นปกติ ธรรมชาติ ทั้งๆที่ โครงการนี้ อยู่ในระหว่างการไขความกระจ่างในข้อกังวลจากหลายๆส่วนอย่างเป็นทางการแล้ว
ด้วยการที่ที่ผ่านมาสังคมอาจได้รับข้อมูลไม่ครบจริง และ มีโครงการอีกมากมาย โดยเฉพาะที่กระทบความเดือดร้อนของประชาชน กลับไม่ค่อยเห็นท่าทีใดๆในลักษณะนี้ของ นายณัฐวุฒิ
ที่สำคัญในหลายๆโครงการก็ได้ มีข้อสรุปที่สามารถกล่าวหา หรือมีการชี้มูลโดยหน่วยงานตามกฎหมายแล้วด้วยซ้ำ
"จึงอยากให้ใช้ความระมัดระวังเพราะการเคลื่อนไหวในบางลักษณะ อาจสุ่มเสี่ยงที่จะถูกมองว่าพยายามโยงให้เป็นการเมือง หรืออาจมีวัตถุประสงค์อื่นแอบแฝงได้"
ทั้งนี้อาจต้องอยู่ที่ดุลพินิจ จนท.อีกครั้ง แนวทางที่เหมาะสม ถ้าอยากได้ข้อมูลน่าจะเข้าร้องสอบถามกับหน่วยงานเกี่ยวข้องมากกว่าจะมาดำเนินการเองในลักษณะเช่นนี้
ต่อเรื่องนี้ขอได้ใช้วิจารณญาณในการบริโภคข่าวสาร โดยเฉพาะควรเชื่อในสิ่งที่ผ่านกระบวนการหรือมีข้อพิสูจน์ที่สมบูรณ์แล้วเป็นหลัก เพราะการนำเสนอข้อมูลใดๆแบบไม่ครบใจความ หรือการตั้งข้อสังเกตใดๆ ที่ไปมีผลกระทบต่อชื่อเสียงองค์กร ทำให้อาจมีผู้เสียหายพิจารณาใช้มุมทางกฎหมายเข้าดำเนินการ
" ไม่ใช่เพียงนายณัฐวุฒิ
ที่จะไม่ยอมให้โครงการฯ แปดเปื้อน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้บริหารโครงการ ฯ รวมถึงผู้สนับสนุนทุกคน ก็คงไม่ยอมให้มีเรื่องที่ไม่ดีเกิดขึ้นกับโครงการนี้เช่นกัน
รูปภาพของ Wassana Nanuam

บิ๊กป้อม พูดถึง กระแสกดดันให้ พลเอกอุดมเดช ลาออก


บิ๊กป้อม พูดถึง กระแสกดดันให้ พลเอกอุดมเดช ลาออก
เชื่อ บิ๊กโด่ง มีวุฒิภาวะ มากพอที่จะคิดเองได้ ว่าควรลาออกหรือไม่ เป็นถึงอดีตผบ.ทบ. ผมไม่ต้องไปบอกให้เขาคิด ไม่ต้องส่งสัญญาณ ไม่ใช่เด็กๆแล้ว
สำหรับ กระแสกดดันจากหลายฝ่ายให้พลเอกอุดมเดช รมช.กห. ลาออก เพื้อแสดงความรับผืดชอบ ต่อกรณี ปัญหาราชภักดิ์ นั้น พลเอกประวิตร กล่าวว่า ให้ คิดเอง ควรลาออกหรือไม่ เป็นผู้ใหญ่แล้ว มีวุฒิภาวะ มากพอที่จะคิดเองได้ เป็นถึง อดีตผบ.ทบ. ไม่ใช่เด็กๆ ผมไม่ต้องไปบอกให้เขาคิด อย่างนั้นอย่างนี้ และคงไม่ต้องส่งสัญญาณใดๆ
ส่วนหาก พลเอกอุดมเดช ลาออกแล้วจะจบ หรือไม่จบ นั้น พลเอกประวิตร กล่าวว่า ตนยังไม่ได้คิด แล้วก็ยังไม่ได้คุยกับ พลเอกอุดมเดช ในเรื้องนึ้ คุยแค่เรื่องงาน

พลเอกประวิตร ยัน ผู้ต้องหา"ขอนแก่นโมเดล"ที่อยู่ในเรือนจำ ไม่ได้อยู่เฉยๆ ถึงถูกออกหมายจับ


พลเอกประวิตร ยัน ผู้ต้องหา"ขอนแก่นโมเดล"ที่อยู่ในเรือนจำ ไม่ได้อยู่เฉยๆ ถึงถูกออกหมายจับ ก่อนศาลอนุมัติท่านต้องดูแล้ว ถาม"อยู่ในเรือนจำแล้วอยู่เฉยๆรึเปล่าล่ะ" อยู่เฉยๆศาลจะให้หรือ ต้องมีพูดสื่อสาร
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม และรักษาการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง เครือข่ายที่จะก่อเหตุสร้างสถานการณ์ทางการเมืองว่า ตำรวจขยายผล ไปได้มาก จับได้เพิ่ม และก็คงติดตามต่อ ใจเย็นๆ ตำรวจกำลังตามอยู่ แต่ไม่ขอบอกว่า เชื่อมโยงถึง กลุ่มการเมือง หรือไม่อย่างไร
ส่วนการที่ทนาย นปช.แจ้งความตำรวจ แทนผู้ต้องหา"ขอนแก่นโมเดล" ที่อยู่ในเรือนจำ แต่ถูกออกหมายจับ นั้น พลเอกประวิตร กล่าวว่า อยู่ในเรือนจำ แล้วอยู่เฉยๆรึเปล่าล่ะ ถ้าอยู่เฉยๆศาลจะอนุมัติให้ออกหมายจับหรือ ต้องมีพูด มีการสื่อสาร ก็ลองไปถามเขาดู มันไม่ได้อยู่เฉยๆหรอก มันต้องพูด ต้องทำอะไร ศาลต้องดูเป็นคนๆเลยนะ จะออกหมายจับ ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะออกหมายจับได้

บิ๊กป้อมติงฑูตสหรัฐคิดก่อนพูด

บิ๊กป้อม ติง ทูตสหรัฐฯ ควรคิดก่อนพูด วิจารณ์ ม.112 ยัน รัฐบาล คสช.ให้เสรีภาพ มากกว่ารัฐบาลจากประหารอื่นๆ สื่อมีเสรีภาพ ให้ความสำคัญสิทธิมนุษยชน ยัน ทำเต็มที่ สร้างประชาธิปไตยถาวร รอหน่อย เชื่อ มีเลือกตั้งแน่60
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ/ รมว.กลาโหม และรักษาการนายกรัฐมนตรั กล่าวถึง กรณีมีคนไทยปลุกกระแสโจมตี นาย Glyn Davies เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ที่วิจารณ์ม.112ของไทย ว่า ควรคิดก่อน เวลาจะพูดอะไร
พลเอกประวิตร กล่าวต่อว่า เราเป็นรัฐบาลจากรัฐประหาร ที่ให้ความสำคัญ เรื่องเหล่านี้ ไปดู ไม่มีรัฐบาล จากรัฐประหาร ไหน เขายอมขนาดนี้หรอก เราให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธืมนุษยชน และให้เสรีภาพมาก ขนาดหนังสือพิมพ์ ยังเขียนเต็มที่ จริงมั่งไม่จริงมั่ง
"เราพยายามทำเต็มที่ เพื่ออนาคตของประเทศ เพิ่อให้เป็นประชาธิปไตย ที่ถาวร แต่ต้องรอหน่อย เรากำลังวางรากฐานความเข้มแข็ง เพื้อให้เป็นประชาธิปไตยในอนาคต ไม่ใช่มาแก้ปัญหาแบบวันต่อวัน และสร้างพื้นฐานความมั่นคงในอนาคต"
"ต้องเห็นใจนัฐบาล นะ เราพยายามทำงาน แต่ถ้ามา เกาะแกะ ๆ แบบนี้ เราก็จะเดินไปไม่ได้ เรามองอนาคตไว้ก่อนดีกว่า"
"ผมยืนยันว่า ในอาเซี่ยน ไทยเราไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร คนไทยเรา70ล้านคน เก่งๆทั้งนั้น เพราะฉะนั้น อย่าไปเล่นการเมืองมาก พอแล้ว ไว้พอเลือกตั้ง การเมืองก็ไปว่ากัน"
เมื่อถามว่า นายกฯ เป็นห่วงว่า จะล่มสลายก่อน เลิอกตั้งปี2560 พลเอกประวิตร กล่าวว่า ต้องมีเลือกตั้งสิ เพราะเราต้องเดินไปตามโรดแมพ แต่ก็คิดกันไว้ว่า ถ่าไปไม่ได้จะทำยังไง แต่ตอนนี้ พอไปได้ก็ต้องไป สื่อก็ต้องช่วยกันด้วย

ระทึก!! ไฟไหม้ ที่เก็บรวมธูป ศาลพระภูมิฯ ทำเนียบฯ เสียหายเล็กน้อย แต่วิจารณ์ ตรึม เรื่อง โชคลาง


ระทึก!! ไฟไหม้ ที่เก็บรวมธูป ศาลพระภูมิฯ ทำเนียบฯ เสียหายเล็กน้อย แต่วิจารณ์ ตรึม เรื่อง โชคลาง
เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 30 พ.ย. เกิดเหตุระทึกขึ้นที่ทำเนียบรัฐบาล โดยเกิดเพลิงไหม้ศาลพระภูมิ ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบฯ
จากการสอบถามผู้พบเห็นเหตุการณ์ ระบุว่า เมื่อช่วงเช้ามีผู้หญิง 2 คน ซึ่งเป็นคณะทำงานที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ลงมาจุดธูปเทียนเพื่อสักการะศาลพระภูมิเจ้าที่ และศาลตายาย ตามปกติ โดยมีการจุดธูปกำใหญ่ แล้วนำที่เหลือไปเก็บรวมไว้กับธูปกำใหญ่อีก 2 กำ ที่ด้านหลังของศาลพระภูมิ โดยที่ไม่ทราบว่าธูปนั้นยังดับไม่สนิท
และเมื่อไหว้เสร็จแล้ว ได้เดินกลับขึ้นไปยังห้องทำงานทันที ธูปดังกล่าวจึงเป็นเหตุทำให้เกิดไฟลุกไหม้ขึ้นบริเวณด้านหลังของศาลพระภูมิ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลประจำตึกบัญชาการ และคนสวนดูแลต้นไม้ ได้เข้ามาช่วยกันดับไฟ
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบ ศาลพระภูมิได้รับความเสียหายเล็กน้อย มีเพียงรอยเปื้อนเขม่าควันดำติดอยู่ด้านหลัง โดยเจ้าหน้าที่ได้มาเช็ดทำความสะอาดในเบื้องต้นแล้ว
อย่างไรก็ตาม ได้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมา เริ่องความเชื่อ โชคลาง และอนาคตของรัฐบาล

บิ๊กหมู ประชุมผบ.นขต.ทบ.สั่งคุมเข้ม ดูแลความปลอดภัย กิจกรรมสำคัญ-เทศกาล ช่วงเดือน ธ.ค.


บิ๊กหมู ประชุมผบ.นขต.ทบ.สั่งคุมเข้ม ดูแลความปลอดภัย กิจกรรมสำคัญ-เทศกาล ช่วงเดือน ธ.ค. ลั่นต้องเข้มข้น รัดกุม ทันต่อสถานการณ์ เน้นมาตรการป้องปรามและป้องกันมิให้เกิดเหตุ และ สร้างจิตสำนึก ปชช.มีส่วนร่วมดูแล
วันนี้ พลเอก ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานการประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก
พันเอกหญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษก ทบ.กล่าวว่า พลเอกธีรชัย ได้ให้ทุกหน่วยงานของกองทัพบกจัดกิจกรรมเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๘ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยสมพระเกียรติ รวมทั้งให้การสนับสนุนทุกภาคส่วนอย่างเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมและแสดงออกถึงความจงรักภักดี
นอกจากนี้ในช่วงเดือนธันวาคมกองทัพบกยังได้รับมอบหมายเข้าไปเป็นส่วนสนับสนุนกิจกรรมสำคัญของประเทศ ได้แก่ “กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของทหารรักษาพระองค์ ประจำปี ๒๕๕๘” ในวันที่ ๓ ธ.ค.๕๘, กิจกรรม “ ปั่นเพื่อพ่อ Bike for Dad ” ในวันที่ ๑๑ ธ.ค.๕๘
และ “พิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก” ในวันที่ ๑๕ – ๑๗ ธ.ค.๕๘
ผบทบ. ได้กำชับให้หน่วยที่เกี่ยวข้องทุ่มเทปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายทั้ง ๓ ภารกิจ อย่างเต็มความสามารถ เพื่อให้พิธีสำคัญเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ในขณะเดียวกันในเรื่องการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน รวมถึงการดูแลรักษาความปลอดภัยตลอดการจัดกิจกรรมสำคัญนั้น ให้ทุกหน่วย ทุกกองทัพภาคและกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ประสานกับตำรวจและฝ่ายปกครอง
" เพื่อดำเนินมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้น ให้มีความรัดกุม ทันต่อสถานการณ์ เน้นมาตรการป้องปรามและป้องกันมิให้เกิดเหตุไม่เรียบร้อย และให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการดูแลความปลอดภัยสาธารณะในลักษณะการแจ้งข้อมูล สิ่งผิดปกติต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้กิจกรรมสำคัญของประเทศดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย"
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในช่วงเดือนนี้ยังเป็นช่วงเวลาของการเฉลิมฉลองเทศกาลและฤดูการท่องเที่ยว รวมถึงประชาชนไปใช้บริการในสถานที่สาธารณะเป็นจำนวนมาก ผู้บัญชาการทหารบกได้กำชับให้หน่วยทหารในพื้นที่เข้าประสานความร่วมมือกับผู้ประกอบการให้เข้มงวดในมาตรการรักษาความปลอดภัยสถานที่ การตรวจสอบเบื้องต้นทั้งบุคคลและยานพาหนะที่มาใช้บริการในสถานที่ต่างๆ ให้มีความรัดกุม ถือเป็นการสร้างความปลอดภัยให้สังคมโดยรวม อีกทั้งเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการในสถานที่ต่างๆ ได้อีกทางหนึ่ง
นอกจากให้หน่วยทหารร่วมกับทุกส่วนดูแลรักษาความปลอดภัย ป้องปรามเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์แล้ว ยังได้ให้เข้าไปมีส่วนร่วมในการสร้างจิตสำนึกของการเป็นพลเมืองที่ดี ไม่เพิกเฉยต่อเหตุการณ์ผิดปกติที่ตนเองได้ประสบและเข้าไปช่วยเหลือแก้ไขสถานการณ์นั้นๆ ตามกำลังความสามารถ ซึ่งจะช่วยกันสร้างบรรทัดฐานที่ดีให้กับสังคมไทย โดยให้เริ่มจากกำลังพลครอบครัว และมวลชน

"เรืองไกร" ไม่ถอย ส่งข้อมูลเพิ่มให้ สตง. 12 รายการ สอบโครงการราชภักดิ์

updated: 30 พ.ย. 2558 เวลา 16:23:52 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) ได้ส่งข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อใช้ในการตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ ถึงผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน โดยเอกสารประกอบด้วย

1.สำเนาราคากลาง งบประมาณปี 2558 งานสร้างป้ายทางเข้าและสร้างอาคารรักษาความปลอดภัย มีวงเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร 7,286,000 บาท

2.สำเนาราคากลาง งบประมาณปี 2558 งานติดตั้งหินอ่อนรอบแท่นพระรูป 7 รัชกาล มีวงเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร 11,963,600 บาท

3.สำเนาราคากลาง งบประมาณปี 2558 งานปูพื้นหินลานสักการะ บันได และลานชั้นบนรอบแท่นพระบรมรูป มีวงเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร 34,980,200 บาท

4.สำเนาราคากลาง งบประมาณปี 2559 งานสร้างรั้ว รอบบริเวณภายในอุทยาน มีวงเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร  9,343,500 บาท

5.สำเนาราคากลาง งบประมาณปี 2558 งานเหมาออกแบบปั้นขยายพระรูปต้นแบบ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช เมื่อรวมราคากลางตามข้อ 1 ถึงข้อ 4 จะได้ทั้งสิ้น 63,573,300 บาท ซึ่งควรตรงกับตัวเลขงบประมาณที่สตง. ได้ตรวจสอบพบแล้ว แต่จากวงเงินงบประมาณข้างต้น ทำให้มีข้อสังเกตเกี่ยวกับการบันทึกบัญชีสินทรัพย์ถาวร เนื่องจากโครงการอุทยานราชภักดิ์ ได้รับการชี้แจงว่า เป็นโครงการที่ใช้เงินจากการรับบริจาค ดังนั้น เมื่อตรวจพบว่า มีการใช้งบประมาณแผ่นดินร่วมด้วย

ปัญหาที่ตามมาคือ วิธีปฏิบัติทางบัญชีที่อาจจะเกิดความยุ่งยาก ดังนี้

5.1 งานติดตั้งหินอ่อนรอบแท่นพระรูป 7 รัชกาล ของอุทยานราชภักดิ์ มูลค่า 11,963,600 บาท มีการระบุในแบบราคากลางว่า เป็นรายการสินทรัพย์ถาวรใหม่ แปลว่าจะต้องมีการบันทึกบัญชีทรัพย์สินถาวร แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏ อาจกลายเป็นว่า มีการใช้งบประมาณแผ่นดินไปติดตั้งหินอ่อนรอบแท่นพระรูปบนทรัพย์สินของหน่วยงานอื่นคือ กองทุนสวัสดิการกองทัพบก ที่มีเจตนาจะโอนทรัพย์สินต่อไปเป็นของมูลนิธิราชภักดิ์ จึงมีปัญหาว่า การใช้งบประมาณดังกล่าว เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่  และเงินจำนวนดังกล่าวที่บอกว่าใช้ไปแล้ว 80% มีการตรวจสอบงานติดตั้งหินอ่อนรอบแท่นพระรูป ครบถ้วนตามสัญญาหรือไม่ และมีการขึ้นทะเบียนทรัพย์สินไว้อย่างไร

5.2 งานปูพื้นหินลานสักการะ บันได และลานชั้นบนรอบแท่นพระบรมรูป ของอุทยานราชภักดิ์ มูลค่า 34,980,200 บาท มีการระบุในแบบราคากลางว่า เป็นรายการสินทรัพย์ถาวรใหม่  แปลว่า จะต้องมีการบันทึกบัญชีทรัพย์สินถาวร แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏ อาจกลายเป็นว่า มีการใช้งบประมาณแผ่นดินไปติดตั้งงานปูพื้นหินลานสักการะ บันได และลานชั้นบนรอบแท่นพระบรมรูป บนทรัพย์สินของหน่วยงานอื่นคือ กองทุนสวัสดิการกองทัพบก ที่มีเจตนาจะโอนทรัพย์สินต่อไปเป็นของมูลนิธิราชภักดิ์ จึงมีปัญหาว่า การใช้งบประมาณดังกล่าว เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และเงินจำนวนดังกล่าวที่บอกว่าใช้ไปแล้ว 80% มีการตรวจสอบงานปูพื้นหินลานสักการะ บันได และลานชั้นบนรอบแท่นพระบรมรูป ครบถ้วนตามสัญญาหรือไม่ และมีการขึ้นทะเบียนทรัพย์สินไว้อย่างไร

5.3 สำหรับงานสร้างป้ายทางเข้าและสร้างอาคารรักษาความปลอดภัย ของอุทยานราชภักดิ์ มูลค่า 7,286,000 บาท และ งานสร้างรั้ว รอบบริเวณภายในอุทยานราชภักดิ์ มูลค่า 9,343,500 บาท โดยสภาพตั้งอยู่บนที่ดินของโรงเรียนนายสิบทหารบก จึงไม่น่ามีปัญหาในการบันทึกบัญชีทรัพย์สิน แต่ถ้าถายหลังมีการโอนทรัพย์สินของทางราชการไปเป็นของหน่วยงานอื่น ก็ขอให้ตรวจสอบด้วยว่า ทำได้ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายใด            

นายเรืองไร ระบุว่า 6.สำเนาราคากลาง งบประมาณปี 2558 งานเหมาออกแบบปั้นขยายพระรูปต้นแบบ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช 7.สำเนาราคากลาง งบประมาณปี 2558 งานเหมาออกแบบปั้นขยายพระรูปต้นแบบ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว 8.สำเนาราคากลาง งบประมาณปี 2558 งานจ้างปั้นซ่อมแซม ปรับแต่งพระบรมรูปต้นแบบ ทำพิมพ์ และหล่อรูปต้นแบบปูนปลาสเตอร์ พระบรมรูปพระบามสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว 9.สำเนาราคากลาง งบประมาณปี 2558 งานจ้างเหมาแรงงานบุคคลภายนอกทำพิมพ์และหล่อต้นแบบปูนปลาสเตอร์ จำนวน 3 พระบรมรูป 10.สำเนาราคากลาง งบประมาณปี 2558 งานซื้อวัสดุ จำนวน 19 รายการ เพื่อใช้งานพิธีบวงสรวงและอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยามทั้ง 7 พระองค์ 11.สำเนาราคากลาง งบประมาณปี 2558 จัดพิมพ์หนังสือ พระบรมราชานุสรณ์สัตตบูรพกษัตริยาธิราช และ 12.สำเนาราคากลาง งบประมาณปี 2558 งานก่อสร้างรั้วด้านหน้าของโรงเรียนนายสิบทหารบก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์





ที่มา : มติชนออนไลน์

ฑูตสหรัฐไม่โต้กรณีถูกตำหนิวิจารณ์กม.ไทย

ทูตสหรัฐฯไม่โต้เรื่องถูกตำหนิกรณีเสนอความเห็นเรื่องกฎหมายหมิ่น ยืนยันสหรัฐฯไม่ต้องการครอบงำ แต่อยากเห็นไทยกลับสู่ประชาธิปไตย
ทูตสหรัฐฯไม่ต่อความ เมื่อถูกถามว่าคิดอย่างไรกับคำพูดของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่ว่า การแสดงความเห็นเช่นนี้อาจกระทบความสัมพันธ์ด้านการค้าของสองฝ่าย โดยบอกสั้นๆเพียงว่า เรื่องของการค้ากับการเมืองไม่เกี่ยวกัน
นายกลิน ที. เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนวันนี้ โดยเป็นการแถลงข่าวที่พูดถึงเรื่องข้อดีของการทำข้อตกลงการค้าเสรีภายใต้ข้อตกลงทีพีพี และท่าทีของสหรัฐฯที่สนับสนุนเอเปค โดยบอกว่าการรวมกลุ่มอยู่ในข้อตกลงการค้าเสรีเป็นสิ่งที่จะมีส่วนช่วยเสริมให้เศรษฐกิจขยายตัว ซึ่งสหรัฐฯอยากเห็นทุกประเทศรวมทั้งไทยมีส่วนร่วม แม้ว่าในแง่การตัดสินใจจะเข้าร่วมหรือไม่นั้นเป็นเรื่องที่ไทยจะต้องดำเนินการด้วยตัวเอง แต่สหรัฐฯก็พร้อมจะให้ข้อมูล หลายเรื่องที่มีการถกกันนั้นยังเป็นประเด็นเปิดที่ต้องศึกษา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผลกระทบจากกรณีสิทธิบัตรยา หรือเรื่องของพืชตัดต่อพันธุกรรม
ในช่วงระหว่างตอบคำถามของผู้สื่อข่าว นายเดวีส์บอกว่า สื่อเชื่อมโยงเรื่องของการเมืองเข้ากับเรื่องของเศรษฐกิจ เพราะคำถามมีนัยว่า สหรัฐฯพยายามจะครอบงำประเทศอื่นผ่านการทำข้อตกลงการค้าเสรี ซึ่งอันที่จริงแล้วเขาเห็นว่า การทำข้อตกลงการค้าเสรีมีข้อดีโดยตัวของมันเอง ไม่จำเป็นต้องโยงเข้ากับเรื่องของการเมือง สหรัฐฯไม่มีเป้าหมายใช้เรื่องเศรษฐกิจมาแผ่อิทธิพลทางการเมือง เหมือนดังเช่นที่มีคนเขียนการ์ตูนลงในนสพ.ภาษาอังกฤษฉบับหนึ่งที่วาดภาพสหรัฐฯเป็นเช่นนั้น
เมื่อมีผู้สื่อข่าวถามเรื่องการรวมตัวในเอเปค สหรัฐฯมีความคาดหวังจากไทยอย่างไร ในเมื่อเวลานี้ไทยไม่เป็นประชาธิปไตยและก็เริ่มหันไปหาจีนมากขึ้น ทูตสหรัฐฯตอบว่า สหรัฐฯไม่เป็นห่วงเรื่องมิตรภาพที่ใกล้ชิดมากขึ้นระหว่างไทยกับจีน และอันที่จริงอยากเห็นไทยเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับจีนมากกว่า สิ่งที่สหรัฐฯอยากเห็นในกรณีของไทยก็คือการกลับคืนสู่ประชาธิปไตยเพื่อที่สองประเทศจะได้กลับไปแน่นแฟ้นกันเหมือนเดิม และไทยกลับไปมีบทบาทในวงการระหว่างประเทศทั้งอาเซียนและอื่นๆเช่นเดิม พร้อมระบุว่า ในครั้งหนึ่งไทยเคยมีบทบาทสำคัญในการผลักดันอาเซียนมาจนถึงวันนี้ได้ อย่างไรก็ตามสหรัฐฯกับไทยมีความสัมพันธ์กันมายาวนานมาก ดังนั้นจึงเป็นความสัมพันธ์ที่มั่นคง
นักข่าวถามทูตสหรัฐฯเรื่องการแสดงความเห็นก่อนหน้านี้ของนายเดวีส์ เรื่องการลงโทษผู้กระทำผิดตามมาตรา 112 ที่ว่าหนักเกินและที่เคยย้ำเรื่องเสรีภาพในการแสดงออก ผู้สื่อข่าวถามว่านายกรัฐมนตรีพล.อ.ประยุทธ์ บอกว่าอาจจะกระทบความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสองประเทศ ซึ่งนายเดวีส์บอกว่า เรื่องของการค้าและการเมืองคนละเรื่องกัน สหรัฐฯเชื่อมั่นในเรื่องเสรีภาพในการแสดงออก แต่ทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้นำไทย
ก่อนหน้าที่จะจัดแถลงข่าวหนนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายเดวีส์ได้ไปพบปะกับสื่อมวลชนต่างประเทศในไทยที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ตอบคำถามเรื่องความสัมพันธ์ไทย - สหรัฐฯซึ่งเขาบอกว่า อยากเห็นไทยกลับสู่ประชาธิปไตย แต่ในจังหวะก้าวของไทยเอง ช่วงหนึ่งเขาชี้ว่า สหรัฐฯเชื่อมั่นในเสรีภาพในการแสดงออก และว่าการลงโทษคนในข้อหาหมิ่นตามมาตรา 112 นั้นหนักไป คำพูดดังกล่าวทำให้เกิดปฏิกิริยาต่อต้าน โดยในเวลาต่อมา พระพุทธอิสระได้นำมวลชนไปประท้วงที่หน้าสถานทูตสหรัฐฯ และขับไล่ทูต
อีกด้านวันนี้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหมออกมาเตือนว่า ทูตสหรัฐฯควรคิดก่อนวิจารณ์ และว่าคสช.และรัฐบาลพยายามดำเนินการโดยยึดหลักสิทธิมนุษยชน ไม่มีรัฐบาลไหนที่ปล่อยเสรีมากเท่านี้ในเรื่องของคดี 112 และรัฐบาลกำลังพยายามเพื่อวางรากฐานให้เกิดประชาธิปไตยถาวร
ผู้สื่อข่าวถามนายเดวีส์ด้วยว่า เขาจะเข้าร่วมงานปั่นเพื่อพ่อด้วยหรือไม่ ซึ่งทูตสหรัฐฯตอบว่า ในฐานะที่เป็นคนสหรัฐฯซึ่งใกล้ชิดมีความเคารพในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมานาน เขาคิดว่าจะเข้าร่วมงานปั่นเพื่อพ่อด้วย

"บิ๊กป๊อก"ไม่วิจารณ์จับตู่เต้น เผยตอนนี้ไม่ปกติ คสช.ต้องดูแล




30 พ.ย. 58 ที่กระทรวงมหาดไทยพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีทหารบุกควบคุมตัวนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปช.) ที่ตลาดมหาชัย จ.สมุทรสมุทรสาคร  ระหว่างเตรียมจะเดินทางไปดูพื้นที่อุทยานราชภักดิ์ว่า อย่าให้ตนไปวิพากษ์เลย เพราะทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)มีหน้าที่ในการดูแลความสงบเรียบร้อย ยืนยันว่าเหตุการณ์ตอนนี้ไม่ใช่สภาวะปกติ เพราะ คสช. ต้องเข้ามาดูแลความวุ่นวายของบ้านเมือง ถ้าเขาตัดสินใจว่า สิ่งใดที่จะทำให้เกิดความวุ่นวาย เขาก็ระงับ ต้องมีเหตุผล คงตอบไม่ได้ จะต้องจับดีหรือไม่
รมว.มหาดไทย ยังกล่าวในกรณีที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ตรวจพบมีการใช้งบฯหลวงในโครงการอุทยานราชภักดิ์ว่า ถือเป็นหน้าที่ที่เขาสามารถมาตรวจสอบได้ ยืนยันอีกครั้ง ทุกอย่างในการตรวจสอบต้องให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ในส่วนที่มีการเรียกร้องให้พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และอดีตผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วย ตนไม่อยากไปวิพากษ์วิจารณ์ เพราะจะเกิดเป็นประเด็นขึ้นมาอีก
“คนที่จะมาก่อให้เกิดเหตุ ลืมได้เลย ไม่มีใครปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ ผมเข้าใจว่า ประชาชนคงเข้าใจ บ้านเมืองเราไม่ต้องการความขัดแย้ง ไม่ว่า จะเรื่องอะไรทั้งสิ้น ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย ใครจะต้องสอบสวนอะไรก็ให้ทำไปตามกฎหมาย ผิดว่า ไปตามผิด ถูกว่ากันไปตามถูก บ้านเมืองถึงจะเดินได้” รมว.มหาดไทย ระบุ

กกล.รส. ใช้ ม.44 คุมตัว 'ตู่-เต้น' ปรับทัศนคติ



กกล.รส. ใช้ ม.44 คุมตัว 'ตู่-เต้น' ปรับทัศนคติ
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 30 พ.ย. 2558 14:35
กกล.รส.ยันใช้ ม.44 คุมตัว 'ตู่-เต้น' ขณะเตรียมไปราชภักดิ์ เผยเคยขอร้องอย่าเคลื่อนไหว ระบุ คุมปรับความเข้าใจ ไม่เกิน 7 วันปล่อยตัว ...
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) กองบัญชาการทัพบก เมื่อวันที่ 30 พ.ย. ถึงการนำกำลังทหารเข้าควบคุมตัวนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. ที่นัดรวมตัวที่ตลาดมหาชัยเมืองใหม่ จ.สมุครสาคร ว่าก่อนหน้านี้ประมาณ 2 วัน ทางเจ้าหน้าที่จาก กกล.รส. ได้ติดตามความเคลื่อนไหวของบุคคลทั้งสอง พร้อมกับโทรศัพท์ไปเจรจาขอความร่วมมือไม่ให้เคลื่อนไหวทางการเมือง โดยเฉพาะการเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์พร้อมกับกลุ่มมวลชน เพราะเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองมีความผิดตามมาตรา 44 ตามกฎหมาย
ทั้งนี้ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ยังได้โทรศัพท์ไปขอร้องว่า อย่าเคลื่อนไหวแต่ก็ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะเข้าใจดี แต่พอถึงเวลาจริงๆ กลับมีการนัดรวมตัวกันที่ตลาดมหาชัยเมืองใหม่ ทางเจ้าหน้าที่ทหารจึงมีความจำเป็นต้องเข้าไปควบคุมตัวเพื่อไปพูดคุยปรับความเข้าใจตามมาตรา 44 และควบคุมตัวไว้ในสถานที่เหมาะสม คาดว่าไม่เกิน 7 วัน ถ้าพูดคุยกันรู้เรื่องก็อาจจะปล่อยตัวออกมาก่อนก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม ทาง กกล.รส. อยากขอความร่วมมือกับประชาชนอย่าพยายามออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านใดๆ เพราะขณะนี้รัฐบาล และ คสช. กำลังดำเนินการในเรื่องต่างๆ เพื่อนำไปสู่ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง และเป็นไปตามโรดแม็ปของรัฐบาลที่จะต้องมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นจึงไม่อยากให้เกิดความไม่สงบในบ้านเมือง.

ทูตสหรัฐแซะ ม.112 เสี่ยงผิด ม.116


12314444_1483060025336350_4471014719985668747_o

ทูตสหรัฐแซะ ม.112 เสี่ยงผิด ม.116

ตามหลักแล้ว แม้ว่า ทั้งหมดจะเป็นเรื่องทางการทูตเป็นสำคัญ (แต่เรื่องสิทธินอกอาณาเขต นั้นไม่มีแล้ว ประเทศไทยไม่ไช่ทาสประเทศอื่นใด …การที่ทูตคนนึงที่ไม่มีแม้แต่ บัตร ปชช.ไทย จะเข้ามาแทรกแซงกิจการของราชอาณาจักรไทยเพื่อการแก้กฎหมายข้อนึงในรัฐธรรมนูญและการปกครอง นับเป็นเรื่อง คอขาดบาดตาย ) นอกจาก จะทำลายมิตรภาพระหว่างประเทศแล้ว ยังมีส่วนในการทำลายความมั่นคงของไทย
หลังจากที่ประเทศไทยกำลัง เคลือบแคลงสงสัย ต่อหน้าที่ของ นายกลิน ที. เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ซึ่งดูเหมือนจะเจตนา “แทรกแซง” รัฐธรรมนูญของไทย ในประเด็น กฏหมายคุ้มครององค์พระประมุขของไทย ถือว่าไม่ให้เกียรติแก่ ราชอาณาจักรไทยเป็นอย่างมาก เพราะ นายกลิน ที. เดวีส์ ไม่ไช่คนไทย แต่กลับยุแยงเช่นนี้
จากแนวคิดที่ว่า”เสรีภาพในการพูดไม่ถือเป็นอาชญากรรม”แม้ว่า สิ่งที่พูดนั้น”ไม่เป็นความจริง” การที่ มีใครบางคน เผยแพร่ ความเท็จลงในสื่อสาธารณะ เพื่อให้เกิดความขัดแย้ง และกระด้างกระเดื่องต่อกฏหมาย นั้นแสดงให้เห็นว่าบุคคลเหล่านั้นเจตนา ใส่ร้ายป้ายสี อันเป็นบ่อเกิดแห่ง”อาชญากรรม” จึงทำให้อาชญากรเหล่านั้น ต้องติดคุก …
การที่ นายกลินฯ จะมากล่าวว่า“เราเชื่อว่าไม่ควรมีใครควรถูกจำคุกต่อการแสดงมุมมองอย่างสันติ ” โดยไม่สนว่า สิ่งที่ “อาชญากร”เหล่าปลุกระดมทางอินเตอรเน็ตนั้นเป็นความเท็จอาจกลายเป็นว่า นายกลินฯกำลังพยายาม ช่วยเหลือผู้กระทำผิดเสียเอง และการที่นาย กลินฯได้ออกมา กังวล ต่อการดำรงอยู่ของ”กฏหมาย ม.๑๑๒”อันเป็นส่วนนึงของ รัฐธรรมนูญ … พฤติกรรม เหล่านี้ ถือเป็นการ “แทรกแซง” รัฐธรรมนูญของไทย เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดิน และ เพื่อให้ประชาชน ล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน
พฤติกรรมต่างๆเหล่านี้มันเห็นได้ชัดเจนแล้วว่า นายกลิน ที. เดวีส์ ไม่เพียงเจตนา “แค่พูด” แต่ เป็นการพูด”เพื่อเจตนาโฆษณาชวนเชื่อผู้คนล้มล้างกฏหมายในรัฐธรรมนูญเป็นอันเป็นกฎหมายสูงสุดของรัฐ” ซึ่งเป็นเช่นนี้แล้ว ตัว นายกลิน ที. เดวีส์ เองนั้นแหล่ะที่จะกระทำผิดกฎหมายของ ราชอาณาจักรไทยในมาตรา ๑๑๖ หมวดความมั่นคง ซึ่งระบุไว้ในกฎหมายรัฐธรรมนูญแล้วว่า
“มาตรา ๑๑๖ ผู้ใดกระทำให้ปรากฎแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันไม่ใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่ใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต
(๑) เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจ หรือใช้กำลังประทุษร้าย
(๒) เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือ
(๓) เพื่อให้ประชาชน ล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี”
เพราะฉะนั้นแล้ว พฤติกรรมอย่างเช่น ที่ นาย กลิน ที. เดวีส์ กล่าวไว้นั้น เจ้าหน้าที่ของรัฐและองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการ”พิทักษ์ มาตุภูมิ” ควรพิจารณาให้ดีและรีบเคลื่อนไหวทางกฎหมายและการทูต ผลักดันเสีย อย่าให้เสียเกียรติยศของชาติไปกว่านี้อีกเลย

คสช. แจงจับ ′ตู่-เต้น′ ก่อนไปราชภักดิ์ รับไม่ได้ใช้คำ "ทุจริต" ชี้เป็นแค่ความรู้สึก!



http://www.matichon.co.th/online/2015/11/14488697331448869744l.jpg

30 พ.ย. - พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคสช. ชี้แจงกรณี เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธ์ุ กับพวก ที่มหาชัย จ.สมุทรสาคร ว่า เนื่องจากเจ้าหน้าที่มองเป็นการพยายามเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างชัดเจน พฤติกรรมเริ่มจากการป่าวประกาศ เชิงชี้นำ ในทำนองปลุกปั่นให้เกิดความไม่เรียบร้อยได้ เจ้าหน้าที่คงให้ดุลพินิจจากพฤติกรรมจากหลายวาระ รวมทั้งการกล่าวต่อสาธารณะ โดยใช้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนมาตลอด โดยเฉพาะการอ้างใช้คำว่า "ทุจริต" ซึ่งหน่วยงานหรือผู้มีหน้าที่โดยตรงยังไม่มีใครกล่าวถึง เป็นการใช้เพียงความรู้สึกทั้งสิ้น

ปัจจุบันจะเห็นว่าภาครัฐไม่นิ่งนอนใจเมื่อสังคมต้องการทราบ หลายๆหน่วยงานก็กำลังร่วมกันดำเนินการภายใต้ขอบเขตความรับผิดชอบเพื่อคลี่คลายไขความกระจ่างให้

ซึ่งหลังจากนี้อาจจะมีการตั้งข้อสังเกตดูในเรื่องการให้ข้อมูลใดๆไปกับสังคมถ้ายังไม่มีข้อพิสูจน์ใดๆที่สมบูรณ์ชัดเจนแล้วมีบุคคลใดนำมาใช้กล่าวอ้างจนส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงองค์กร จะมีการใช้มุมทางกฎหมายเข้ามาพิจารณาดำเนินการอย่างจริงจัง

การเคลื่อนไหวของนายณัฐวุฒิ ในลักษณะเช่นนี้ ไม่น่าเกิดประโยชน์ต่อกระบวนการไขความกระจ่างเพราะไม่ใช่ผู้มีหน้าที่ ทำให้หลายฝ่ายเคลือบแคลงในท่าทีที่อาจดูไม่ต่างจากรูปแบบเดิม ๆ ซึ่งมิได้เกิดประโยชน์ใดๆต่อสังคมอย่างแท้จริง และในความเป็นจริงทุกคนที่สนใจในเรื่องนี้ สามารถติดตามได้ตลอดจากช่องทางที่เหมาะสมต่างๆ

ด่วน!! ทหารล็อกแล้ว"ตู่-เต้น"ที่ตลาดมหาชัย ก่อนไปอุทยานราชภักดิ์



วันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 13:57 น.ข่าวสด
จำนวนคนอ่านล่าสุด 196558 คน
 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เวลา 09.30 น. วันที่ 30 พ.ย. นายสมหวัง อัสราษี รองประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ได้เดินทางมาถึงตลาดมหาชัยเมืองใหม่ เพื่อรอนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. และนายณัฐวุฒิ เลขาธิการนปช. ก่อนเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ 

 จากนั้นเวลา 10.15 น. นายณัฐวุฒิ ให้สัมภาษณ์ก่อนเคลื่อนขบวน โดยย้ำว่าจะไปสักการะและสังเกตการณ์เท่านั้น ไม่มีเจตนาเล่นเกมการเมือง ขอเรียกร้องเจ้าหน้าที่ทหารที่เฝ้าบริเวณหน้าบ้านให้ถอนกำลังออกจากพักของตน ยืนยันว่าการเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ เป็นประโยชน์เพราะมีประชาชนมีส่วนร่วมช่วยรัฐบาลตรวจสอบ หลังจากมีความไม่ชัดเจน

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 10.25 น. เจ้าหน้าที่ทหารได้เข้าเชิญตัวนายณัฐวุฒิและนายจตุพร พร้อมคณะ ขึ้นรถตู้จากตลาดมหาชัยเมืองใหม่ โดยเจ้าหน้าที่ทหารได้แจ้งว่าห้ามจัดกิจกรรมดังกล่าว คาดว่าเจ้าหน้าที่ทหารจะนำตัวกลุ่มแกนนำทั้งหมด ไปที่กองพลทหารราบที่ 9 (พล.ร.9) จ.กาญจนบุรี 




   ณัฐวุฒิเจอทหารเฝ้าบ้าน
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 29 พ.ย.  นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการนปช. โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ข้อความว่า "ผมจะไปอุทยานราชภักดิ์ พอข่าวออกไปงานก็เข้า ตั้งแต่ตีห้าวันนี้ รถทหาร 4 คันมาที่บ้าน ตอนนี้ก็ยังวางกำลังอยู่ริมถนนหน้าหมู่บ้าน 4 คน ป้อมยาม 8 คน ศาลพระภูมิ 6 คน จอดรถหน้าบ้าน 1 คัน ทำไมท่านใช้อำนาจกันแบบนี้ ให้รู้กันไปว่าการถามหาความจริงต้องมีอันตราย ผมยืนยันนะครับ จะเอายังไงกับผมก็เอา แต่...ผมจะไปอุทยานราชภักดิ์"

 ต่อมา นายณัฐวุฒิได้โพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพทหารพร้อมรถจี๊ปมาจอดหน้าบ้านว่า "มากันตั้งแต่ตีห้า ท่าทีเหมือนเตรียมปักหลักค้างคืน พูดกันแบบผู้ชายนะครับ มีอะไร คุณมาว่ากับผม ลูกเมียผมไม่เกี่ยว ผมเป็นผมแบบนี้ พรุ่งนี้ผมจะไปอุทยานราชภักดิ์"

จี้รบ.เปิดกว้างอย่าสกัดขัดขวาง

   นายณัฐวุฒิยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พ.อ. วินธัยตั้งคำถามว่าเหตุใดสนใจแต่กรณีทุจริตอุทยานราชภักดิ์ โดยไม่แสดงท่าทีต่อเรื่องอื่นว่า การทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องเลวร้าย ไม่ว่าโดยใครต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่เรื่องอุทยานราชภักดิ์ทั้งที่รมช.กลาโหมสารภาพต่อสังคมว่ามีการหักค่าหัวคิว ถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว กลับพบท่าทีของฝ่าย ผู้มีอำนาจเหมือนพยายามปกปิดความจริง เพื่อช่วยเหลือผู้กระทำความผิดหรือไม่ จึงต้องเรียกร้องความโปร่งใสของกระบวนการตรวจสอบ เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย ทั้งนี้การเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ไม่ได้มีเป้าหมายทางการเมือง แต่เป็นเพียงการไปดูสถานที่จริง เพื่อเป็นข้อมูลในการติดตามเรื่องนี้ รัฐบาลควรแสดงความบริสุทธิ์ใจโดยการเปิดกว้างให้สังคมมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ ไม่ใช่สกัดขัดขวางเหมือนที่กำลังเป็นอยู่ขณะนี้

"ประจิน" ติงทหารจับ “เต้น-ตู่” บอกควรพูดคุยกันดีกว่า




http://www.matichon.co.th/online/2015/11/14488651671448867233l.jpg

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 30 พฤศจิกายน ที่ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์กรณีเจ้าหน้าที่ทหารบุกจับนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยแห่งชาติ(นปช.) และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการนปช. ที่ตลาดมหาชัยเมืองใหม่ จ.สมุทรสาคร ก่อนเคลื่อนขบวนพามวลชนชมอุทยานราชภักดิ์ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบว่ามีเจ้าหน้าที่ทหารไปจับนายจตุพรและนายณัฐวุฒิ แต่มองว่าเจ้าหน้าที่ทหารไม่ควรปล่อยให้เหตุการณ์บานปลายเช่นนี้

"ควรพูดคุยกันให้รู้เรื่องและไม่ทราบว่าอำนาจในการสั่งจับครั้งนี้เป็นของใครเพราะต้องดูเป็นกรณีๆ ไป ส่วนที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เตรียมสอบเรื่องนี้จากที่พบว่ารัฐบาลมีการอนุมัติงบประมาณส่วนหนึ่งของรัฐไปใช้ในโครงการนั้น ขั้นต้นทราบว่าเจตนาของมูลนิธิใช้เงินบริจาค แต่ไม่ทราบมีส่วนงบส่วนราชการอย่างไร" พล.อ.ประจินกล่าว

เมื่อถามว่าสังคมมีความสงสัยอยากให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจงว่ากรณีอุทยานราชภักดิ์ดำเนินการอย่างไรใช้งบจากไหนเพื่อให้สังคมเกิดความเข้าใจไม่ควรออกมาโต้เถียงกันจนกลายเป็นเรื่องการเมือง พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า “ได้ยินข่าวโครงการอุทยานราชภักดิ์ก็มีความชื่นชมที่ทางมูลนิธิสามารถทำโครงการนี้ได้ และท่านอยากให้เป็นไฮไลต์ของงานท่าน

แต่พอมาพูดในแง่ลบคนทำก็เสียความรู้สึก เสียกำลังใจ ต้องช่วยกัน ซึ่งผมจะไปเรียนรมว.กลาโหมให้ทราบตามที่สื่อแนะนำ เพื่อไม่ให้เป็นประเด็นการเมือง ไม่อยากให้เรื่องดีๆ กลายเป็นเรื่องการเมือง ส่วนจะส่งผลต่อภาพลักษณ์รัฐบาลหรือคสช.หรือไม่นั้น มองว่าทำให้เสียความรู้สึกต่อผู้ที่ปรารถนาดีต่อโครงการ"


IMFประกาศให้เงินหยวนมีสถานะเป็นเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ

ไอเอ็มเอฟเตรียมประกาศให้เงินหยวนมีสถานะเป็นเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เตรียมประกาศในวันนี้ (30 พ.ย.) ว่าจะรับเงินหยวนของจีนเข้าร่วมในตะกร้าสกุลเงินของไอเอ็มเอฟ ที่เรียกว่า ตะกร้าสิทธิพิเศษถอนเงิน (เอสดีอาร์) ที่กำหนดให้ชาติสมาชิกใช้เป็นเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันประกอบไปด้วยเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ, ยูโร, เยน และ ปอนด์
เมื่อช่วงต้นเดือนนี้ นางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟ แสดงการสนับสนุนให้ดึงเงินหยวนเข้าร่วมตะกร้าเงินเอสดีอาร์ ด้านผู้เชี่ยวชาญบอกว่า หากไอเอ็มเอฟอนุมัติเรื่องนี้ ก็คาดว่าเงินหยวนจะได้เข้าร่วมตะกร้าเงินเอสดีอาร์อย่างเป็นทางการในปีหน้า และจะทำให้ภายในปี พ.ศ. 2573 เงินหยวนก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในสามสกุลเงินระหว่างประเทศที่สำคัญที่สุดร่วมกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯและเงินยูโร
จีนซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐฯได้ขอให้รวมเงินหยวนเข้าสู่ตะกร้าเงินสำรองระหว่างประเทศเมื่อปีก่อน แต่ความกังวลเรื่องที่จีนเข้าไปแทรกแซงให้เงินหยวนมีค่าต่ำกว่าความเป็นจริงเพื่อช่วยเหลือธุรกิจส่งออกนั้น เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ก่อนหน้านี้เงินหยวนไม่ผ่านหลักเกณฑ์ที่จะได้รับสถานะเป็นสกุลเงินสำรองระหว่างประเทศของไอเอ็มเอฟ
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จีนได้ดำเนินความพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้รับการสนับสนุนให้รวมเงินหยวนเข้าสู่ตะกร้าเงินสำรองของโลก ซึ่งรายงานของคณะทำงานไอเอ็มเอฟที่เพิ่งจะออกมา ได้ให้การสนับสนุนความเคลื่อนไหวดังกล่าว นักวิเคราะห์ระบุว่า ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นการกระทำในเชิงสัญลักษณ์ และการที่เงินหยวนจะได้อยู่ในตะกร้าเงินเอสดีอาร์อย่างถาวร ก็ขึ้นอยู่กับว่าจีนจะเดินหน้าปฏิรูปภาคการเงินต่อไปหรือไม่

รัสเซียชี้ รบ.พล.อ. ประยุทธ์ “มีความชอบธรรม” เชิญไทยเข้าร่วมข้อตกลงค้าเสรี “สหภาพเศรษฐกิจยูเรเชีย”

รัสเซียชี้ รบ.พล.อ. ประยุทธ์ “มีความชอบธรรม” เชิญไทยเข้าร่วมข้อตกลงค้าเสรี “สหภาพเศรษฐกิจยูเรเชีย”
รัฐบาลประธานาธิบดีปูตินให้การยอมรับรัฐบาลของพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่ามี “ความชอบธรรม” ในการบริหารประเทศ ถึงแม้รัฐบาลชุดปัจจุบันของไทยจะไม่ได้มาจาก “การเลือกตั้ง” ตามครรลองประชาธิปไตยแบบโลกตะวันตก
        เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ – เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลรัสเซีย แสดงความคาดหวังว่า จะได้เห็น รัฐบาลไทยภายใต้การนำของพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา สมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิกเขตการค้าเสรี ของกลุ่มสหภาพเศรษฐกิจยูเรเชีย (Eurasian Economic Union: EEU) ก่อนสิ้นปีนี้ ชี้ เป็น “บันไดขั้นแรก” ของการกระชับความสัมพันธ์ และการแบ่งปันผลประโยชน์มหาศาลทางด้านเศรษฐกิจร่วมกัน ระบุ ไทยถือเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่รัฐบาล วลาดิมีร์ ปูติน ทาบทามให้เข้าร่วม
16 กรกฎาคม 2558 12:40 น. ผู้จัดการออนไลน์
     
       รายงานข่าวล่าสุดในวันพุธ ( 15 ก.ค.) จากกรุงมอสโก ระบุว่า เดนิส วาเลนติโนวิช มันตูรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของสหพันธรัฐรัสเซียออกมาแถลงด้วยตัวเองว่า รัฐบาลรัสเซียภายใต้การนำของประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน มีความคาดหวังว่า รัฐบาลไทยจะสมัครเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเขตการค้าเสรีของกลุ่มประเทศ EEU ในเร็ว ๆ นี้ และคาดว่า น่าจะได้เห็นความชัดเจนเรื่องสมาชิกภาพของไทยในกลุ่มความร่วมมือดังกล่าวก่อนสิ้นปี 2015 นี้
      
       มันตูรอฟ ในวัย 46 ปี ซึ่งเข้ารับหน้าที่เจ้ากระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของรัสเซีย มาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ปี 2012 ออกมาเปิดเผยเรื่องดังกล่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังเสร็จสิ้นการหารือกับคณะกรรมาธิการร่วมรัสเซีย – ไทย ว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีในวันพุธ ( 15 ก.ค.) โดยระบุ ที่ผ่านมารัฐบาลไทยภายใต้การนำของพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ยืนยันกับทางการรัสเซียว่า ไทย “สนใจ” เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพเศรษฐกิจยูเรเชีย (อีอียู) อย่างเป็นทางการ
      
       “ผมเชื่อว่าในขณะนี้รัฐบาลไทยกำลังดำเนินการในเรื่องการสมัครเข้าเป็นสมาชิกอยู่ ซึ่งทางรัสเซียจะไม่เร่งรัดไทยในเรื่องนี้ เพราะเราตระหนักดีว่า สุดท้ายแล้ว ทุกอย่างจะต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาลไทยว่า พวกเขาจะเห็นว่าตนเองมีความพร้อมเข้ามาแบ่งปันผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจร่วมกันกับเราได้เมื่อใด แต่เราเชื่อว่า เรื่องนี้จะมีความชัดเจนมากขึ้นก่อนสิ้นปีนี้ ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของรัสเซีย กล่าว
      
       ด้านแหล่งข่าวทางการทูตในกรุงมอสโกเผยว่า ประเทศไทยถือเป็นเพียงประเทศเดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่รัฐบาลรัสเซียภายใต้การนำประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ทาบทามให้เข้ามาร่วมเขตการค้าเสรีของสหภาพเศรษฐกิจยูเรเชียในขณะที่ชาติเพื่อนบ้านของไทยอย่าง “เวียดนาม” ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับมอสโกมายาวนาน กลับไม่ถูกทาบทาม
      
       โดยท่าทีดังกล่าวนี้ในทางการทูตถือเป็นการส่งสัญญาณว่า รัสเซียให้เกียรติประเทศไทยเป็นอย่างมาก และตระหนักถึงศักยภาพทางเศรษฐกิจที่ไทยมีอยู่ ตลอดจนเป็นการแสดงออกว่า รัฐบาลประธานาธิบดีปูตินให้การยอมรับรัฐบาลของพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่ามี “ความชอบธรรม” ในการบริหารประเทศ ถึงแม้รัฐบาลชุดปัจจุบันของไทยจะไม่ได้มาจาก “การเลือกตั้ง” ตามครรลองประชาธิปไตยแบบโลกตะวันตกก็ตาม
      
       ตามขั้นตอนปกติแล้ว ทางกระทรวงการต่างประเทศของไทยและรัฐบาลไทย จะต้องยื่นคำขอสมัครเข้าเป็นสมาชิกของสหภาพเศรษฐกิจยูเรเชีย (อีอียู)ผ่านทางคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเซีย (Eurasian Economic Commission : EEC) ซึ่งถือเป็นฝ่ายบริหารของอีอียูอีกชั้นหนึ่ง
      
       ทั้งนี้ ในปัจจุบันประเทศสมาชิกของสหภาพเศรษฐกิจยูเรเชีย ซึ่งเป็นกลุ่มความร่วมมือระหว่างประเทศกลุ่มใหม่ ที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคมปีที่แล้ว มีทั้งสิ้น 4 ประเทศ คือ รัสเซีย เบลารุส คาซัคสถาน และอาร์เมเนีย
      
       ส่วนคีร์กิซสถาน และทาจิกิสถาน อยู่ระหว่างกระบวนการสมัครเข้าเป็นสมาชิก ขณะที่จีน อิหร่าน และมองโกเลียแสดงความสนใจเข้าร่วมในอนาคต
      
       อย่างไรก็ดี แม้แหล่งข่าวทางการทูตจะระบุว่า ไทยเป็นประเทศแรกและเป็นประเทศเดียว ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับการทาบทามจากรัฐบาลรัสเซียให้เข้าร่วมทำข้อตกลงเขตการค้าเสรีกับอีอียู แต่ก่อนหน้านี้กลับมีรายงานของสื่อต่างประเทศบางสำนักซึ่งระบุเนื้อหาที่ขัดแย้งกันว่าเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทางการเวียดนามได้ลงนามในข้อตกลงการค้าเสรีกับทางอีอียูไปแล้ว
      
       ขณะที่นายกรัฐมนตรีดมิตรี เมดเวเดฟของรัสเซียออกมาเปิดเผยว่า ทางอีอียูกำลังหารือกับเกือบ 40 ประเทศ ถึงความเป็นไปได้ในการลงนามในข้อตกลงการค้าเสรี รวมถึงมีการเจรจาระหว่างรัสเซียกับประเทศภาคีในอีอียู เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการจัดตั้งสหภาพทางการเงิน (currency union) ขึ้นในอนาคตเช่นกัน
รัสเซียชี้ รบ.พล.อ. ประยุทธ์ “มีความชอบธรรม” เชิญไทยเข้าร่วมข้อตกลงค้าเสรี “สหภาพเศรษฐกิจยูเรเชีย”
เดนิส วาเลนติโนวิช มันตูรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของสหพันธรัฐรัสเซีย
       
รัสเซียชี้ รบ.พล.อ. ประยุทธ์ “มีความชอบธรรม” เชิญไทยเข้าร่วมข้อตกลงค้าเสรี “สหภาพเศรษฐกิจยูเรเชีย”
สมาชิกปัจจุบันของ กลุ่มสหภาพเศรษฐกิจยูเรเชีย (Eurasian Economic Union: EEU)