PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2561

ศก.ใต้บังเหียนรบ.เลือกตั้ง! 'อ๋อย-มาร์ค'ดาหน้าถล่ม5ปีเหลว 'ธนาธร'ชู3ทางแก้

6 ธ.ค.61 ที่อาคารรัตนคุณากร มหาวิทยาลัยรังสิต คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้จัดงานเสวนา เรื่อง "การปฏิรูปและนโยบายเศรษฐกิจภายใต้รัฐบาลเลือกตั้ง" โดยมี นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานคณะทำงานด้านยุทธศาสตร์ พรรคไทยรักษาชาติ , นายสมพงษ์ สระกวี ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย , นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ , นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ สมาชิกพรรคภูมิใจไทย , นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เป็นผู้ร่วมเสวนา
"จาตุรนต์"ย้ำ4-5ปีไร้การปฏิรูป แนะทุกพรรคต้องเลิกทำเรื่องที่ไม่มีความน่าเชื่อทางศก.
โดย นายจาตุรนต์ ระบุว่า ในช่วง 4 - 5 ปีที่ผ่านมานี้ หลายคนรู้สึกว่า ไม่พบการปฏิรูปใดๆ และยังเกิดการเสียโอกาสในการแข่งขันกับต่างประเทศ เพราะถึงแม้ว่า ตัวเลขทางเศรษฐกิจเติบโตจริง แต่คนสังสัยทำไมไม่มีเงินในกระเป๋า เพราะแท้จริงแล้วการเติบโตของตัวเลขเศรษฐกิจไทยถือว่า ต่ำสุดในอาเซียน โดยเฉลี่ยช่วง 4 ปี เราโตเพียง 2.4 เปอร์เซ็นต์ เพื่อนบ้านเฉลี่ยที่ 6 เปอร์เซ็นต์ เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำมากยิ่งขึ้นสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของโลก คน 1 เปอร์เซ็นต์ มีทรัพย์สิน 66.9 เปอร์เซ็นต์ แต่คนส่วนใหญ่ 70 เปอร์เซ็นต์ มีทรัพย์สินรวมกันแค่ 5 เปอร์เซ็นต์ ภาพรวมคือ ไทยเติบโตช้ามาก แถมด้วยความเหลื่อมล้ำมหาศาล อีกทั้ง หลายมาตรการของภาครัฐที่ออกมา โดยหวังว่า จะกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ก็กลับซ้ำเติมปัญหา เช่น โครงการช็อปช่วยชาติ เที่ยวช่วยชาติ ซึ่งทำให้เกิดประโยชน์แค่คนไม่กี่กลุ่ม และมาตราการลดแลกแจกแถม ซึ่งไม่ทำให้คนพัฒนา
นายจาตุรนต์ กล่าวอีกว่า โครงการขนาดใหญ่ยังคงมีปัญหาเรื่องการประมูล เช่นเดียวกับโครงการประชารัฐในหลายโครงการ เนื่องจากธุรกิจขนาดใหญ่ที่เข้าร่วมกับรัฐได้โปรเจคต์ไปอย่างง่ายๆ ด้วยการโฆษณาว่า ทุนใหญ่จะได้มาช่วยรัฐบาลบริหาร แต่กลายเป็นว่า ยิ่งทำทุนใหญ่ยิ่งได้ประโยชน์ จึงไม่ต้องแปลกใจเหตุใดทำไมทุนใหญ่จึงได้ประโยชน์ อีกทั้งการเตรียมโครงสร้างพื้นฐาน บุคคลกร ทรัพยากร ต่อสมัยใหม่อย่างเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งสำคัญมากในโลกปัจจุบัน แต่ประเทศไทยถือว่าช้ามาก ล่าสุดก็มีการเก็บภาษี e-commerce การค้าออนไลน์ โดยที่ไม่มีความเข้าใจ จนทำให้ถอยหลังและเสียโอกาสอย่างน่าเสียดาย
"รัฐบาลที่ไม่เป็นประชาธิปไตย มีข้อจำกัดหลายอย่าง จนทำให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจมาก ถ้าเป็นรัฐบาลประชาธิปไตย ประชาชนจะได้มีส่วนร่วมตั้งแต่การกำหนดนโยบาย ที่มากกว่ารัฐบาลที่ไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างชัดเจน สิ่งที่ควรทำเร่งด่วน คือ ต้องฟื้นความเชื่อมั่นของระบบเศรษฐกิจไทย ให้นักลงทุนจากต่างประเทศมาลงทุนกันมากขึ้น รวมถึงผู้บริโภคด้วย เพื่อให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย ทำได้โดยการสร้างประชาธิปไตย ต้องมีเสถียรภาพทางการเมือง พรรคการเมืองต้องช่วยกัน ต้องเลิกทำในเรื่องที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ" นายจาตุรนต์ กล่าว
"สมพงษ์"เผย"เสรีรวมไทย"สนใจปัญหาความยากจน-ความเหลื่อมล้ำ ชี้แปลกใจ"รบ."กลับดีใจที่มีคนจนเพิ่มขึ้น
ต่อมา นายสมพงษ์ ระบุว่า ปัญหาใหญ่ๆ ทางเศรษฐกิจ ที่รอให้พรรคการเมืองไปแก้ไข ก็ยังเดิมๆ เช่น ความยากจน ความเหลื่อมล้ำ การกระจายรายได้ การทุจริตคอร์รัปชัน ทั้งนี้ ถึงแม้ว่ารัฐธรรมนูญที่ใช้ในปัจจุบันจะบอกว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง แต่ผู้เกี่ยวข้องในการร่างฯ กลับไม่ชอบมาตรการการตรวจสอบ และศักยภาพการแข่งขันกับต่างประเทศอ่อนด้อย และการเปลี่ยนผ่านจากอำนาจรัฐประหาร เป็นประชาธิปไตย ซึ่งพรรคเสรีรวมไทยมีสนใจในปัญหาความยากจน และความเหลื่อมล้ำเป็นพิเศษ ทั้งนี้ ตนแปลกใจว่า ทำไมรัฐบาลรู้สึกเหมือนว่าดีใจที่คนไทยเป็นคนจนมากขึ้น ซึ่งอันที่จริงรัฐบาลควรยื่นมือเข้าไปแก้ไข รวมทั้งขณะนี้ราคายางตกต่ำมาก จนกระทั่งเกิดวลีจากชาวบ้าน ว่า "ครอบครัวอด รถถูกยึด และลูกต้องออกจากโรงเรียน" ถือเป็นปัญหาสำคัญที่ทางพรรคเสรีรวมไทยได้วางนโยบายไว้ในการหาเสียง และถือว่าสิ่งที่พรรคจะพูดอะไรออกไปย่อมจะต้องมีความรับผิดชอบ
"อภิสิทธิ์"อัดรบ.ยังยึดติดกับกรอบความคิดเดิมเรื่องรัฐรวมศูนย์ แนะปรับตัวเพื่อให้ก้าวต่อเศรษฐกิจยุคปัจจุบัน
สำหรับ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ปัญหาหลายปัญหาขณะนี้ ก็เป็นผลพวงที่เกิดขึ้นจากเศรษฐกิจทั่วโลก เช่น เทคโนโลยีที่สร้างความปั่นป่วนในระบบเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง และประเทศไทยยังเผชิญเรื่องความถดถอยการเมือง การก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ จึงเป็นปัญหา คือ 1.อัตราการเจริญเติบโตเศราฐกิจนั้นต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ประชาชนอยู่อย่างยากลำบากมากขึ้น 2.ขีดความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจไทยถดถอยลง 3.ความเหลื่อมล้ำที่สูงขึ้นอันดับต้นๆ ของโลก ต้นตอของปัญหาคือ ผู้บริหารประเทศปรับตัวไม่ได้กับโลกสมัยใหม่ จึงอยู่กับชุดความคิดอำนาจนิยม รวมศูนย์อำนาจ ตามมาด้วยแนวคิดความสงบเรียบร้อยในทุกมิติมากกว่าสิ่งอื่นใด เมื่อคิดแบบนี้รวมกับความไม่เข้าใจของผู้มีอำนาจที่ว่า สังคมมันเคลื่อนตัวไปสู่ยุคหลังอุตสาหกรรมแล้ว ก็ส่งผลให้ออกนโยบายหลายอย่างที่มีปัญหา ถึงแม้ว่าจะใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจไป คาดว่าน่าจะเป็นล้านล้านบาท เช่น โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่บังคับให้ใช้ในร้านธงฟ้าประชารัฐ ทำให้เกิดความไม่สะดวกแก่ประชาชน ทำให้เงินทุนไม่หมุนเวียน และบางเรื่องดูเหมือนว่ารัฐบาลจะจำนนกับกลุ่มทุนขนาดใหญ่ สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า แนวคิดแบบรัฐรวมศูนย์แบบเดิม ไม่สอดคล้องกับเศรษฐกิจสมัยใหม่ ที่ขับเคลื่อนด้วยการสร้างสรรค์ เพราะถูกจำกัดเรื่องเสรีภาพ เช่น บทลงโทษใน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เป็นต้น อีกทั้งการลดแลกแจกแถมเป็นเพียงการหวังผลเฉพาะหน้า การปฏิรูปไม่มีหลักคิดตั้งแต่ต้น ใช้คำว่า "ปฏิรูป" จนเฝือมาก ทั้งที่มันหมายถึงการเปลี่ยนแปลงในระบบเชิงพื้นฐาน ซึ่งต้องลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชนในทุกทาง นี่คือปัญหาที่เรากำลังเผชิญ ต้องแก้ไขหลังการเลือกตั้ง ซึ่งพรรคการเมืองต้องมีวิสัยทัศน์ให้ชัดเจน เพื่อพาประเทศออกจากปัญหาให้ได้
"สิริพงษ์"ชี้ที่ผ่านมา"รบ."เน้นความคุ้มค่ามากกว่าให้โอกาส ยัน"ภท."จะลดอำนาจรัฐเพิ่มอำนาจประชาชน
ส่วน นายสิริพงศ์ ระบุว่า ประชาชนได้สะท้อนผ่านผลโพลล์ว่า ต้องการให้นักการเมืองดูแลราคาสินค้าเกษตร ปัญหาหนี้สิน พัฒนาเศรษฐกิจ การค้าการท่องเที่ยว  พัฒนาจังหวัดท้องถิ่นให้เจริญ และพัฒนาระบบขนส่งมวลชน การศึกษา พลังงานและสิ่งแวดล้อม แต่ที่ผ่านมาได้พยายามแก้มาตลอด แต่ทำได้เพียงเฉพาะหน้า ซึ่งปัญหาเกิดจากรายได้อยู่ที่ภาคอุตสาหกรรมมากกว่า ภาคเกษตรกรที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศและยังคงจนซ้ำซ้อน ที่ไม่อาจเปลี่ยนให้ไปทำอาชีพอย่างอื่นได้ เพราะนี่คือวิถีชีวิต เศรษฐกิจเมืองรองและเมืองเล็กก็ไม่ได้รับการเหลียวแล วิธีการบริหารจัดการภาครัฐสมัยที่ผ่านมา ใช้หลักความคุ้มค่ามากกว่าการให้โอกาส นี่คือส่วนหนึ่งของความเหลื่อมล้ำอย่างภาษีมรดกนั้น ก็ไม่เห็นคนรวยคนไหนได้รับผลกระทบเลย มีแต่คนจนพ่อเสียชีวิตต้องไปขายนามาเสียภาษีรับมรดก ภาษีที่ดินก็ชัดเจนที่สุด คนรวยมีเงินพอจ่ายแล้ว แต่คนชั้นกลางและคนชั้นล่าง ต่างหากคือคนที่ต้องรับภาระ กฎหมายไทยเหมือนเรื่องตลก เหมือนมันถูกออกมาเพื่อรังแกคนทำมาหากิน ซึ่งภูมิใจไทยจะลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน
"กิตติรัตน์"ท่องคาถา กลไกไม่เป็นปชต.ทำให้ศก.เกิดปัญหา แนะรัฐควรส่งเสริม ไม่ควรเป็นอำนาจนิยม
ด้าน นายกิตติรัตน์ ระบุว่า หากให้ความสำคัญกับการกระจายรายได้ ภาวะรวยกระจุกจนกระจายจะดีขึ้น ทั้งยังต้องสร้างเสถียรภาพทางราคา ไม่ใช่เดี๋ยวถูกเดี๋ยวแพง เศรษฐกิจจะดีได้ต้องมาจากรายได้สำคัญคือ การส่งออก ที่เราพึ่งพากันสูงถึงร้อยละ 70 ของทั้งหมด การท่องเที่ยวก็สำคัญ การอุปโภคบริโภคภายในประเทศก็สำคัญ ซึ่งจะเกิดจากขึ้น ก็ต่อเมื่อประชาชนมีกำลังซื้อ ตลอด 4 - 5 ปีนี้ ตนมีแต่ความทุกข์ เพราะกลไกที่ไม่เป็นประชาธิปไตยก่อให้เกิดผลร้ายมาก การส่งออกจะดีกว่านี้มากถ้าอยู่ในระบอบประชาธิปไตย ข้อตกลงเสรีทางการค้าทุกอย่างที่ทำไว้ต้องชะงักลง นอกกจากการพูดจาไม่ระวังจนทำให้การท่องเที่ยวมีปัญหาแล้ว ก็พบว่า การเอาใจใส่ในการท่องเที่ยวมีน้อยอีกด้วย
นายกิตติรัตน์ กล่าวด้วยว่า ถ้าเป็นรัฐบาลปกติ จะมีฝ่ายค้านคอยซักเรื่องงบประมาณกันยาวนาน แต่สภาที่แต่งตั้งมาใช้เวลาการพิจารณาเพียงไม่นาน ระบอบที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ให้ร้ายระบอบประชาธิปไตยทุกอย่าง ดังนั้น ตนอยากเห็นภาครัฐทำหน้าที่ส่งเสริมจัดระเบียบ ไม่ใช่ทำตนเป็นอำนาจนิยม ออกกฎระเบียบจนคนสุจริตหมดกำลังใจที่จะทำงาน ควรให้โอกาส ธุรกิจขนาดกลางขนาดเล็กให้มีความสามารถในการแข่งขัน ก็จะก่อให้เกิดผลดีต่อการสร้างสินค้าและบริการจำหน่ายแก่คนทั้งในและนอกประเทศ ไม่ใช่ปล่อยให้ทุนใหญ่เป็นผู้กำกับแบบที่ผ่านมา ดังนั้น ถ้าตนเสนออะไรได้ตอนนี้คือ อยากให้คนเติมน้ำมันมีความสุข โดยเฉพาะดีเซล สำหรับภาคขนส่ง ซึ่งราคาทุกวันนี้ ไม่ได้ต่างจากวันที่น้ำมันในตลาดโลกราคาพุ่งสูงเลย ก็เพราะภายใต้รัฐบาลนี้ มีการเพิ่มภาษีดีเซล 2 ครั้ง รวม 6 บาทต่อลิตร เพราะฉะนั้น ภารกิจของรัฐในอนาคต จะต้องดูแลราคาสินค้าเกษตรให้ดีขึ้น โดยถือเป็นหน้าที่ เพื่อเป็นการเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุข ทั้งยังต้องบูรณาการส่วนราชการ เอกชน ประชาสังคม เอ็นจีโอ ชุมชน ก็ควรมีโอกาสปรึกษาหารือในการทำงานร่วมกัน เพื่อเป็นทางออกในการปลดปล่อยเศรษฐกิจไทยให้มีศักยภาพพร้อมแข่งขันได้มากขึ้น
"ธนาธร"เสนอ3แนวทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจ "ปลดล็อกการผูกขาด-สร้างอุตสาหกรรมโดยคนไทย ไม่ใช่แค่เป็นฐานการผลิต-กระจายอำนาจท้องถิ่น"
สุดท้าย นายธนาธร กล่าวว่า ทุกพรรคมีนโยบายคล้ายกันหมด เห็นทุกปัญหาไปในทิศทางเดียวกัน ในเมื่อทุกพรรคเห็นปัญหาหมดแล้ว จะแก้ยังไง ซึ่งต้องกลับมาพูดความจริงว่า โครงสร้างที่กดทับสังคมไทย ไม่อยากให้สังคมไทยก้าวหน้า เพื่อให้พวกตนมีอำนาจทางการเมือง ทางเศรษฐกิจเหนือกว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศนานเท่านาน คือกลุ่มอภิสิทธิ์ชน โดยทหาร ข้าราชการ และทุนผูกขาด ซึ่งถ้าไม่ทำลายโครงสร้างแบบนี้ เราจะไม่เห็นความก้าวอย่างที่เราอยากเห็น ถ้าไม่จัดการกันอย่างตรงไปตรงมา ในทางเศรษฐกิจ ขาหนึ่งที่อภิสิทธิ์ชนมีอยู่ จะเป็นระบบปิด ไม่ให้เปิดเสรี ไม่ต้องมีการแข่งขัน อีกขาหนึ่งที่อภิสิทธิ์ชนไม่อยู่ ภาคธุรกิจนั้นก็เปิดให้มีการแข่งขัน ทำให้ภาพของประเทศไทยกลายเป็นฐานการผลิตของทุนต่างชาติ
นายธนาธร ระบุด้วยว่า เราจำเป็นที่ต้องนำเสนอ เพื่อปฏิเสธกระบวนทรรศน์แบบเก่า และเสนอแบบใหม่ โดยอนาคตใหม่ขอเสนอแนวคิดพัฒนาเศรษฐกิจไทย ดังนี้ 1.ปลดล็อกการผูกขาดในทุกอุตสาหกรรม ที่ทุนใหญ่นอนเตียงเดียวกับขุนทหารเป็นพวกเดียวกัน เพราะนอกจากจะปิดกั้นโอกาสของประชาชนแล้ว ยังเป็นปฏิปักษ์กับประชาธิปไตย ยกเลิกการผูกขาดภาคธนาคาร ภาคการเกษตรต้องเลิกเอาเงินภาษีไปซื้อปุ๋ยเจ้าใหญ่แจกจ่ายประชาชน สุราชุมชุมก็ต้องปลดปล่อย 2.สร้างอุตสาหกรรมโดยคนไทยเพื่อคนไทย หมดเวลาแล้วที่คิดว่า ไทยเป็นฐานการผลิตให้ทุนข้ามชาติ และ 3.กระจายอำนาจท้องถิ่น ปลดปล่อยศักยภาพของประเทศไทย อย่าปล่อยให้กรุงเทพเป็นคอขวดอีกต่อไป ซึ่งทางพรรค อนาคตใหม่จะไม่สัญญาจะแก้ปัญหาทั้ง 77 หวัดได้ แต่สัญญาว่า พรรคอนาคตใหม่ จะพยายามเต็มทที่สุดความสามารถในการผลักดันให้ประชาชนในท้องถิ่นจัดการตนเองให้ได้

ไม่มีความคิดเห็น: