PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2561

เดินหน้าชน : นายกฯต้องสง่างาม

เดินหน้าชน : นายกฯต้องสง่างาม




วันนี้แม้ดูยังอึมครึม อ้ำอึ้ง แต่ความจริงมันก็ชัดเจนอยู่ในตัวและคงไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้กับสถานะ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการเลือกตั้งครั้งหน้า แม้เจ้าตัวจะพยายามทำให้ดูสับสน ซ่อนเงื่อน แต่จริงๆ แล้วมันไม่มีอะไรซับซ้อนเลย

ท่าทีของ สุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ออกมายืนยันว่าจะส่งรายชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกฯอันดับ 1 ของพรรค และจะมีการพูดคุยในพรรคอีกครั้งว่า 3 รายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคมีใครบ้าง

ไม่ต่างจาก สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการ พปชร.ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ ก็เป็นบุคคลหนึ่งที่เห็นว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แม้ พรรคยังไม่ได้มีการหารือเพราะยังมีเวลา แต่บุคคลที่พรรคจะเลือกนั้น จะต้องเป็นบุคคลที่ดีที่สุด

ยิ่งเสียงของ สมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรค พปชร.ที่คำพูดก้าวล้ำไปไกลกว่านั้น ถึงขั้นหาก พล.อ.ประยุทธ์ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนายกฯจะมีการวิจารณ์ว่า พปชร.สืบทอดอำนาจ ซึ่งเท่าที่ลงสมัครรับเลือกตั้งมาหลายครั้ง ไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องการสืบทอดอำนาจแน่นอน

เพราะผู้ที่ประสงค์จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ทั้ง 350 เขตของ พปชร.ไม่เห็นมีชื่อนายพลสักคน ไม่มีฝ่ายของทหารเข้ามาเลย และผู้ที่จะอยู่ในบัญชีรายชื่อก็ไม่มีทหาร

นั่นแสดงว่า พปชร.เซตตัวผู้สมัคร ส.ส.เขต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรายชื่อแคนดิเดตนายกฯเรียบร้อยแล้ว
พร้อมชู พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯมีทั้งจุดดีหรือจุดด้อย คือ จะมีคนช่วยหาเสียงให้ พล.อ.ประยุทธ์ แต่เรื่องคะแนนเสียงของสมาชิกอาจจะมีปัญหาบ้าง แต่เชื่อว่าไม่น่าจะมีอะไรยุ่งยาก ถ้ามีคราบไคลของทหารเข้ามาก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกวิจารณ์ แต่ถ้ามี พล.อ.ประยุทธ์คนเดียว ถามว่าจะไปสืบทอดอำนาจอย่างไร

การแบไต๋ออกมาเช่นนั้น จะคิดเป็นอย่างอื่นได้อย่างไร นั่นคือ พปชร.คือสถานีถัดไปของบิ๊กตู่ ที่จะเดินบนถนนการเมืองนี้

เช่นเดียวกับความชัดเจนของลูกผู้หญิง คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย คือ ตัวเลือกอันดับ 1 พรรคเพื่อไทยชิงเก้าอี้นายกฯ

แม้จะมีการปล่อยข่าวกันว่าอาจจะลงสมัคร ส.ส.เขต เพราะประเมินว่าพรรคเพื่อไทยจะได้ ส.ส.ระบบเขตเต็มจำนวน แต่อาจจะไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อเลยแม้แต่คนเดียว ประกอบกับในฐานะผู้นำทัพสู้ศึกเลือกตั้ง จะได้เข้าไปทำงานในส่วนของสภาผู้แทนฯอย่างสง่างาม


ถึงขั้นจะลง ส.ส.เขตดอนเมืองที่มีฐานเสียงแน่นปึ้ก เพราะนายการุณ โหสกุล อดีต ส.ส.หลายสมัย เจ้าของพื้นที่เดิม ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ไม่สามารถลงรับเลือกตั้งได้

แต่ความจริงแล้ว หนทางการนั่งเก้าอี้นายกฯที่สง่างามตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีหลายช่องทาง คือ พรรคการเมืองเสนอรายชื่อแคนดิเดต 1 หรือ 2 หรือ 3 ให้สภาผู้แทนฯเลือก

หากพรรคมองว่ายังสง่างามไม่พอ ก็เอารายชื่อนายกฯ เข้าไปอยู่ในบัญชีรายชื่อระบบปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 ของพรรคด้วย นอกจากเป็นนายกฯแล้วยังเป็น ส.ส.ในสภาด้วยความสง่างามอย่างที่สุด แต่ถ้าพรรคไม่เห็นความจำเป็นก็ไม่ว่ากัน เพราะสภาผู้แทนฯเลือกนายกฯ เท่ากับประชาชนเลือกผู้นำประเทศไปในตัวแล้ว

แต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้อีกเช่นกันที่เปิดทางให้วุฒิสภาที่เพิ่งจะปิดรับสมัคร จากนั้นจะเลือกกันเองตามกลุ่มอาชีพให้เหลือ 50 คน บวกกับอีก 200 คนที่เป็นอำนาจ คสช.คัดสรรเข้ามา

ส.ว.ทั้ง 250 คนสามารถเลือกนายกฯได้ ในกรณีที่สภาผู้แทนฯหาข้อสรุปไม่ได้ หรือพรรคใดพรรคหนึ่งมีเสียงไม่เพียงพอ

การได้นายกฯด้วยเสียงของ ส.ว.ที่ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชน นั่นคือ ความไม่สง่างามของระบอบประชาธิปไตย

ถึงวันนี้ “บิ๊กตู่” ต้องมีความชัดเจนประกาศตัวเข้ามาเป็นรายชื่อ 1 ใน 3 แคนดิเดตนายกฯของพรรค พปชร.

หรือถ้าคิดว่าบริหารประเทศมา 4 ปีกว่าผลงานเป็นที่ยอมรับและได้ใจชาวบ้าน ก็เสนอตัวมานั่งเป็นปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 เพื่อวัดกันไปเลยว่าสามารถเข้ามานั่งเก้าอี้นายกฯ และประชาชนยังเทคะแนนให้เป็น ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อด้วย

แต่ถ้าต้องมาเป็นนายกฯด้วยวิธีการใช้เสียงของ ส.ว.ที่ตนเองคัดสรรมากับมือด้วยแล้ว “บิ๊กตู่” คงรู้ว่านอกจากไม่สง่างามแล้ว ยังลดทอนศักดิ์ศรีตัวเองอีกด้วย…

ไม่มีความคิดเห็น: