PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2562

เดินแผนลึก

ท่ามกลางการช่วง ชิงกันเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคพลังประชารัฐ

โดยพรรคเพื่อไทยอ้างสิทธิอันชอบธรรมตามระบอบประชาธิปไตยระบบรัฐสภา เมื่อเป็นพรรคที่ชนะการเลือกตั้ง มีว่าที่ ส.ส.ระบบเขตมากที่สุด 137 คน ย่อมได้สิทธิจัดตั้งรัฐบาลก่อน

ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ ที่เป็นพรรคอันดับสอง มีว่าที่ ส.ส.ระบบเขต 97 คน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ อีก 19 คน รวมเป็น 116 คน ก็ประกาศตั้งขั้วแข่งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

โดยอ้างว่า พรรคพลังประชารัฐ ได้คะแนนเสียงเลือกตั้งรวมทั้งประเทศ มาเป็นอันดับหนึ่ง 8.4 ล้านเสียง ขณะที่พรรคเพื่อไทย มีคะแนนรวมเป็นอันดับสอง 7.9 ล้านเสียง

ต่างฝ่ายต่างยกเหตุผล สร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง ในการชิงอำนาจรัฐ

เปิดยุทธการดึงพรรคแนวร่วมทุกรูปแบบ เพื่อรวมเสียงข้างมากเกินครึ่งสภาฯ จัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศ

ท่ามกลางวาทกรรม “ฝ่ายประชาธิปไตย” กับ “ฝ่ายสืบทอดอำนาจ” ที่ใช้สร้างกระแสโจมตีกันมาตั้งแต่ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ยันประกาศผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ

เร้าสถานการณ์แบ่งฝักแบ่งฝ่าย เลือกขั้วเลือกข้าง ทั้งในส่วนพรรคการเมือง และลามลงลึกถึงระดับประชาชน

จุดชนวนความแตกแยกให้ปะทุขึ้นมาแบบเนียนๆ เคล้าไปกับบรรยากาศประชาธิปไตยว่าด้วยการเลือกตั้ง

ส่วนอีกด้าน ก็อาศัยความอ่อนด้อยประสบการณ์ของ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่จัดการเลือกตั้งเกิดข้อผิดพลาดบกพร่องหลายเรื่องราวนานัปการ

จนกลายเป็นประเด็นเข้าทางพรรค การเมืองบางขั้วค่าย ปลุกกระแสให้มีการเคลื่อนไหวขยายผลโจมตี กกต.

คู่ขนานกับการขยับของเครือข่ายนักศึกษา คนรุ่นใหม่ ล่ารายชื่อถอดถอน กกต.ข้อหาจัดการเลือกตั้งไม่สุจริตโปร่งใส

ปูทางตั้งธงให้เชื่อว่ามีการโกงเลือกตั้งทั้งระบบ แม้ยังไม่มีหลักฐานมาแสดงอย่างชัดแจ้ง

เสมือนมีแผนเร้ากระแส เพื่อให้เกิดการเคลื่อนไหวใหญ่ในช็อตต่อไป

จากสถานการณ์ทั้งหมดหากไม่มีการตักเตือนให้ยั้งคิด อาจไม่เป็นผลดีต่อความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง

ด้วยเหตุนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. จึงออกแถลงการณ์ “สารจากนายกรัฐมนตรี” เพื่อสื่อสารโดยตรงถึงพี่น้องประชาชน โดยระบุว่า

“รัฐบาล คสช. เหล่าทัพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หน่วยงานภาครัฐ ได้ใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดสร้างความเป็นปึกแผ่นของบ้านเมือง สร้างศรัทธาต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

ข่าวสารการรวมจัดตั้งรัฐบาลของพรรคต่างๆที่ประชาชนส่วนใหญ่กังวลอยู่เวลานี้ ไม่อยากให้มองว่ามุ่งเน้นการต่อสู้ทางการเมืองอย่างเดียว หากแต่เป็นการรวมกลุ่มกันเพื่อทำความดีให้กับชาติบ้านเมืองและประชาชน ขจัดคนไม่ดี หรือคนที่ทำให้บ้านเมืองเสียหายออกไป

ขอให้สื่อต่างๆนำเสนอข่าวอย่างพอเหมาะ ช่วยกันสร้างบรรยากาศที่ดี และความสงบสุขให้กับบ้านเมือง สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน

ช่วงนี้ขอทุกคนระมัดระวังการรับรู้ข่าวสาร ทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ โทรทัศน์ วิทยุ โซเชียลมีเดีย พิจารณาอย่างมีเหตุมีผลด้วยข้อเท็จจริง อย่าหลงเชื่อคำบิดเบือน ทำให้ประเทศกลับไปสู่อันตรายเดิมๆที่ฝ่าฟันมา...”

สถานการณ์หัวเลี้ยวหัวต่อ ถ้ายังไม่พินิจพิเคราะห์ให้ดี คงได้ดูหนังม้วนเก่ากันอีกรอบ!!!

“พ่อลูกอิน”

ไม่มีความคิดเห็น: