PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2562

จุดเสี่ยงคนจนกระดาน


“ขอให้รักกันเถิด นำความรู้ระบอบประชาธิปไตยของเขามาต้องดูด้วย ไม่ใช่พยายามเปลี่ยนแปลงระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อย่าเอาซ้ายจัดมาแล้วดัดจริต นี่คือแผ่นดินที่บรรพบุรุษเสียเลือดเนื้อ ขอฝาก รักกันเถอะ หยุดวาทกรรมการเมือง ในเมื่อกรรมการตัดสินแล้ว ขอให้อยู่เกมใครเกมมัน เป็นไปตามครรลอง ล้างแค้นกันไปมาก็ไม่มีวันจบ”

“บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. คำราม “สัญญาณพิเศษ”

เป็นจังหวะสถานการณ์สอดคล้องต่อเนื่องกับปรากฏการณ์ที่ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ออก “สารนายกรัฐมนตรี” ขอให้ประชาชนร่วมใจกันปกป้องบ้านเมืองไม่ให้วุ่นวายอีก

ชี้มีผู้ไม่หวังดีบางกลุ่มใช้โซเชียลบิดเบือนข้อเท็จจริง

และน่าจะเป็นสิ่งที่โยงได้กับปรากฏการณ์ “บิ๊กเซอร์ไพรส์” ต่อเนื่องกับ “ฮ่องกงเอฟเฟกต์” จนมาถึงสถานะล่าสุดของอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร อย่างที่สังคมรับรู้กัน

อาการเสือจนตรอก อารมณ์ของคนไม่มีอะไรจะเสีย อย่าเสี่ยงไว้ใจ

สะท้อนเงื่อนไขสถานการณ์ที่ฝ่ายความมั่นคงเริ่มอยู่ “นิ่งเฉย” ไม่ได้ ตามฉากการเมืองร้อนๆอุ่นเตาก่อชนวนไฟ เกมป่วนชิงจัดตั้งรัฐบาลที่ลุกลามเป็นแรงตกกระทบ กระแสกดดันคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กลายเป็นตำบลกระสุนตก

โดนถล่มหนัก โดยเฉพาะจากฝั่งของพรรคการเมืองเครือข่าย “ทักษิณ” ค่ายอนาคตใหม่ ในจังหวะล้อกับนักศึกษามหาวิทยาลัยต่างๆตั้งโต๊ะล่ารายชื่อถอดถอน กกต.

ส่อลุกลามตามเกมปลุกกระแสในสื่อโซเชียลมีเดีย

ประกอบกับปมหุ้นร้อนๆของ “ไพร่หมื่นล้าน” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่เทียบน้ำหนักระหว่างการยืนยันด้วยปาก โอนคืนให้แม่ไปแล้วตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง กับหลักฐานเอกสารทางราชการของหน่วยงานรัฐ ที่ระบุวันเวลาประชุมและจำนวนผู้ถือหุ้นชัดเจนขัดกับคำพูด

ส่อเข้าเหลี่ยม “ผิดพลาดโดยสุจริต” เหมือนไอดอล “ทักษิณ”

ขณะที่อาการสำนึกรักสถาบันกะทันหันที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ออกมาแก้ลำ อ้างโดนตัดต่อคำบรรยายสอนนักศึกษาที่หมิ่นเหม่มาตรา 112

สะดุ้งกับการขยับของขบวนการร้องยุบพรรค เพราะปมหมิ่นเหม่เบื้องสูง

“ธนาธร” กับ “ปิยบุตร” ส่อติดเงี่ยงกฎหมาย วิบากของทีมอนาคตใหม่เต็มไปด้วยชนักปักหลัง

ถ้าหัวขาดเมื่อไหร่ “งูเห่าสีส้ม” คงเลื้อยกันเพ่นพ่าน เพราะต่างคนต่างรู้ตัว โอกาสถูกรางวัลที่หนึ่งจากกระแสการเมืองที่วูบวาบคงเกิดขึ้นไม่บ่อยครั้ง พวกถูกหวยปาร์ตี้ลิสต์อนาคตใหม่ก็คงเป็น ส.ส.ได้แค่สมัยเดียว เก็บเกี่ยวเบี้ยบำนาญไว้กินตอนแก่แน่นอนกว่า

ทีมโหนประชาธิปไตยถือไพ่แต้มรองทีมหนุน “นายกฯลุงตู่”

ยิ่งดูจากรูปการณ์ ถ้าเคลียร์กันด้วยหลักการเหตุผล ยังไงความชอบธรรมก็ต้องจบที่ กกต.

เพราะ “ระบบจัดสรรปันส่วนผสม” ก็บอกความหมายอยู่แล้ว การคิดคำนวณคะแนนเลือกตั้งต้องมีความสลับซับซ้อน ทุกคะแนนมีค่าหมด โดยเฉพาะปาร์ตี้ลิสต์

คิดไม่เหมือน “สูตรเถื่อน” ที่ปล่อยตัวเลขออกมากดดันสูตรของ กกต.

และนั่นก็คงได้แค่สร้างกระแส แห่พวกเสพข่าว 2–3 บรรทัดในโลกโซเชียลมีเดีย เพราะตราบใดที่ กกต.ยึดตามรัฐธรรมนูญ ถือสิทธิตามกฎหมายเป็นผู้บริหารจัดการเลือกตั้ง

คำตอบสุดท้าย ก็ต้องอยู่ที่ กกต.จะยึดเกณฑ์ในการพิจารณา

เทียบง่ายๆพวกที่บอกพรรคเล็กได้ 3 หมื่นกว่าคะแนนไม่ควรได้แบ่ง ส.ส.1 ที่นั่ง แต่วัดกับ ส.ส.เขตเลือกตั้งหลายเขต ผู้ชนะได้คะแนนที่หนึ่งก็ได้แค่ 2 หมื่นกว่าไม่ถึง 3 หมื่นด้วยซ้ำ

นี่คือจุดมุ่งหมายของระบบจัดสรรปันส่วนผสมตามรัฐธรรมนูญ

ถ้ายึดตามกติกาก็เข้าใจกันได้ง่ายๆ แต่ปัญหาเพราะมีพวกยึดตามอารมณ์เป็นใหญ่ และก็คงไม่พลาดตายน้ำตื้นง่ายๆ แบบที่มีเสียงขู่จากพวก “แต้มหาย” ฮึ่มๆ กกต.จะติดคุกเพราะตุกติกคิดคะแนนปาร์ตี้ลิสต์เข้าทางพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม ซ้ำรอย “กกต.อย่างหนา”

แต่เงื่อนไขมันผิดกันกับ กกต.ยุคที่เดินตามใบสั่ง “นายใหญ่” โดยเลี่ยงกติกา

เพราะ กกต.ชุดนี้เดินตามรัฐธรรมนูญ และธรรมดาของ “มือใหม่” แถมยังเป็นครั้งแรกระบบเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสมที่การคิดคำนวณปาร์ตี้ลิสต์สลับซับซ้อน ไหนยังต้องรอการเลือกตั้งซ่อม ใบเหลือง ใบแดง ใบดำ ทำให้การประกาศผลคะแนนอย่างเป็นทางการทำไม่ได้เหมือนการเลือกตั้งรอบที่ผ่านมา

แพ้ชนะ จัดรัฐบาลได้ตั้งแต่ช่วงค่ำวันเลือกตั้งรู้ตัวเลข ส.ส. โดยจังหวะมันก็เลยเข้าเหลี่ยมพวกไม่พอใจผลคะแนนไม่เข้าทาง ปลุกกระแส ตีปี๊บจุดไฟในโซเชียลมีเดีย หวังปลุกพลังนักศึกษาด้อยประสบการณ์ มาเดินเกมมวลชนแทนแกนนำม็อบขาใหญ่ที่ติดคุก ชดใช้วีรกรรมป่วนเมืองอยู่ในเรือนจำ

เกมเขี้ยวของตัวป่วนหน้าเก่า ใช้คนรุ่นใหม่เป็นเครื่องมือ.

ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: