PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2557

วันเด็กแห่งรัฐ

โดย จักรภพ เพ็ญแข
January 6, 2014

ข่าวลือเรื่อง “รัฐประหารวันเด็ก”เริ่มจะหนาหูขึ้นทุกวัน ผู้ก่อการจริงที่ใช้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ออกมาเล่นบทผู้โปรดสัตว์ เริ่มวิตกกังวลว่าท่าทีของนายสุเทพฯ กำลังทำให้ฝ่ายเขาเสื่อมความนิยมลง ถึงขั้นที่ต้องคิดกันอย่างจริงจังอยู่ในขณะนี้ว่า จะต้องงัดยุทธวิธีอื่นๆ ขึ้นมาโค่นรัฐบาลแทนการใช้ กปปส. คปท. และเครือข่ายอันธพาลครองเมืองหรือไม่

เพราะถ้าปล่อยให้นายสุเทพฯ เล่นบทนี้ต่อไป โดยหวังใช้เรื่องนี้มาซักฟอกชีวิตอันโสโครกของตนเองให้ขาวสะอาดในสายตาของผู้เป็นเจ้าของประเทศ และมีโอกาสใช้เงินที่ได้มาอย่างน่าสนเท่ห์อย่างสงบในบ้านพักที่สุราษฎร์ธานี แผนการใหญ่ ที่จะเป็นพระเอกขี่ม้าขาวเข้ามาปลดปล่อยประเทศไทยจาก “นักการเมือง” อาจถึงขั้นล่มสลาย จะไม่เหมือนเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๕ แถมอาจล่มสลายเลยเถิดไปถึงขั้นระบอบ

เพราะคนในระบอบเริ่มขาดสติ และทำตัวบ้าๆ บอๆ ขวางหูขวางตาประชาชนมากขึ้นทุกวัน เรื่องเล็กอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ เพราะควบคุม รัก โลภ โกรธ หลง ของตัวเองไม่อยู่นี่ล่ะ วันที่เขากำหนดใจไว้คือ วันศุกร์ที่ ๑๐ มกราคมนี้ และสามารถบวกลบได้ในราวสามวัน

อย่าลืมว่าการยึดอำนาจรัฐประหาร ๑๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๙ ก็เลื่อนขึ้น ๑ วัน จากที่กำหนดไว้เป็น ๒๐ กันยายนอยู่แต่เดิม แต่ปัญหาคือ ใจจริงแล้วผู้คุมกำลังต่างไม่อยากทำรัฐประหาร และกำลังหาทางเลี่ยงที่จะไม่ทำ

มีผู้ถามผมเสมอว่าจะมีรัฐประหารอีกหรือไม่ในประเทศนี้

ผมก็ตอบซ้ำซากเป็นแผ่นเสียงตกร่องว่า เขาเตรียมพร้อมทำรัฐประหารกันอยู่ตลอดเวลาในพระราชอาณาจักรนี้

การยึดอำนาจรัฐนั้นไม่ใช่เรื่องยาก ซึ่งก็ไม่ใช่เพราะทหารไทยเก่งยึดอำนาจ แต่เป็นเพราะคู่แข่งที่เสมอกันในเรื่องกำลังและการจัดตั้งไม่มี

แต่ปัญหาคือจะอยู่รอดได้อย่างไรและนานแค่ไหนหลังจากนั้น

ทั้งการต่อต้านจากประชาชน แรงกดดันทางธุรกิจทั้งในและนอกประเทศให้คายอำนาจ

ทั้งการถูก “ทิ้ง” จากเจ้าของประเทศ (และผู้สั่งการ) ให้เผชิญภัยเพียงลำพัง ตลอดจนกระแสหลักของโลกที่เห็นการรัฐประหารเป็นเรื่องระดับสัตว์ชั้นต่ำ หาได้คู่ควรกับมนุษย์ไม่

เพราะฉะนั้นในนาทีนี้ของเมืองไทยต้องสงเคราะห์ว่า: ๑. นายสุเทพฯ และพวกต้องเขย่าให้แรงที่สุดเพื่อเปิดเวทีที่ฝ่ายทหารจะเข้ามาได้อย่างพระเอกและเป็นทางลงให้กับพวกม็อบเอง ๒. ฝ่ายทหาร

หวังว่า “ห้องข้างบน” จะไม่สั่งให้เขากระทำรัฐประหาร เพราะใจจริงไม่อยากทำ ๓. ผู้สั่งการตัวจริงยังมีความไม่ไว้วางใจในตัว พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารบกที่ค่อนข้าง

แปลก คือมักสื่อสารแสดงตัวคล้ายจะเป็นผู้เผด็จการเบ็ดเสร็จ แต่ความจริงกลับมีบทบาทรูปธรรมในการทำลายประชาธิปไตยน้อยกว่าคนอื่นโดยเปรียบเทียบ เพราะเป็นผู้รับคำสั่ง มากกว่าจะเดิน

เกมหรือวางแผนใดด้วยตนเอง

เงื่อนไขจึงอยู่ที่การปฏิบัติการร่วมกัน ระหว่างพลเอกประยุทธ์ฯ กับอดีตผู้บังคับบัญชาและรุ่นพี่อย่าง พลเอกประวิตร์ วงษ์สุวรรณ พลเอกอนุพงศ์ เผ่าจินดา และนายพลเกษียณอีกสองถึงสามคน ๔.

ยังมีงานสำคัญอย่างหนึ่งสำหรับกองทัพก่อนถึงการรัฐประหาร ซึ่งอาจสำคัญกว่าการรัฐประหารเองด้วยซ้ำไป นั่นคือควบคุมสภาพที่ตนเองเป็นผู้ผูกขาดในเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ให้ได้จริง ๕. ทั้ง

รัฐบาล (อำนาจใหม่) และเครือข่ายเหลือบประเทศ (อำนาจเก่า) ในฐานะที่ยังเป็นคนไทยด้วยกัน ต้องระวังภัยข้ามพรมแดนจากอย่างน้อยสองทิศทางสามประเทศในขณะที่เราเผชิญหน้ากัน

เรื่องนี้หวังว่า สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติท่านคงรู้ดีแล้วนะครับ พวกเราฝั่งนี้อยากได้ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง แต่ให้ถึงขั้นเตะหมูเข้าปากหมา เพียงเพื่อได้มาซึ่งภัยที่ร้ายแรงกว่าคนไทย

ด้วยกันนั้น เราคงไม่เอา.

********************************************

ไม่มีความคิดเห็น: