PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

การประชุมเรื่องปฏิรูปพลังงาน ของภาคประชาชน


และแล้วการประชุมเรื่องปฏิรูปพลังงานก็ผ่านไป อย่าถามว่าหน้าห้องประชุมเกิดอะไรขึ้น ผมไม่รู้เพราะผมอยู่ในห้องประชุม ต้องถาม พ.ท.รัฐเขต ครับ แต่ผลของมันก็คือ ทำให้การประชุมปิด กลายเป็นการประชุมเปิดให้ประชาชนร่วมฟังได้

พอย้ายมาห้องประชุมใหญ่ ผมก็เปิดด้วยการชี้แจงว่าที่ผมได้ไม่ขึ้นเวทีปทุมวันนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับลุงกำนันและผู้ใหญ่บ้านสาทิตย์เลย แต่เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่เท่านั้น(แต่ผู้ที่แอบอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เป็นใคร ผมจะเปิดเผยให้ทราบต่อไปครับ) จากนั้นผมก็ต่อด้วยเรื่องที่มีคนดิสเครดิตภาคประชาชนที่เคลื่อนไหวด้านพลังงาน โดยกล่าวว่า ถ้าเห็นภาคประชาชนพูดไม่ถูกต้องตรงไหนขอให้คุณอนิก(เมียนายปิยะสวัสดิ์ อัมระนันทน์)และดร.รักษ์ไทย ช่วยชี้แนะกันตรงๆเพื่อนำไปสู่การปฏิรูปที่ถูกต้อง

เริ่มที่ ดร.รักษ์ไทย กล่าวว่าน้ำมันแพงเพราะภาษี และราคาหน้าโรงกลั่นไม่แพงเลย!!!

ผมถึงกับตะลึงในคำตอบ เพราะเป็นคำตอบของ ปตท.นั่นเอง

ซึ่งถ้าเป็นคนรู้จริงก็จะทราบว่าราคาหน้าโรงกลั่นที่ขายคนไทยนั้นแพงกว่าราคาส่งออกขายต่างชาติ โดยระบุในหนังสือชี้ชวนการขายหุ้นของโรงกลั่นทุกโรง ที่บอกว่าราคาหน้าโรงกลั่นที่ขายคนไทยใช้ราคาสมมติว่านำเข้าจากสิงคโปร์ จึงสามารถบวกค่าใช้จ่ายเทียม ทั้งค่าขนส่งจากสิงคโปร์ ค่าประกันภัย ค่าสูญเสียระหว่างขนส่งได้ ทั้งที่มันบวกไปแล้ว 1 รอบในการนำเข้าน้ำมันดิบ ส่วนการส่งออกให้ใช้ราคาส่งออก ซึ่งราคาทั้ง 2 แตกต่างกันมาก

สรุปว่ากลั่นเมืองไทย มลภาวะอยู่เมืองไทย แต่คนไทยจ่ายแพงกว่าส่งออก(ขัดหลักกลไกตลาดเสรีมาก) ที่ถูกต้องก็คือราคาเฉพาะเนื้อน้ำมันขายคนไทยหรือต่างชาติต้องเท่าๆกันตามกลไกตลาดโลกครับ การให้บวกค่าใช้จ่ายเทียมได้นี้ คือเงินกินเปล่าของโรงกลั่นครับ ปรับลดลงได้แน่นอน

ส่วนที่บอกว่าแพงเพราะภาษีก็ไม่จริงอีก เพราะภาษีมิได้สูงเมื่อเทียบกับต่างประเทศ แต่สิ่งที่บวกเข้าไปแล้วไม่ควรบวกคือ กองทุนน้ำมัน ที่ปิโตรเคมีลูกของบริษัทพลังงานได้ประโยชน์ไปเต็มๆในการซื้อก๊าซหุงต้มราคาต่ำเพียงประมาณ 17 บาทต่อกิโลกรัม โดยใช้สิทธิพิเศษที่มีมติออกมาสมัย นายกฯสมชาย วงศ์สวัสดิ์ โดยให้ธุรกิจปิโตรเคมีใช้ก๊าซจากอ่าวไทยก่อนเสมอกับภาคครัวเรือน ผลคือปิโตรเคมีดูดก๊าซไปใช้อย่างก้าวกระโดด ทำให้ก๊าซในประเทศขาดแคลน ภาระของการนำเข้าก๊าซตกจึงแก่กองทุนน้ำมันและภาคประชาชน

วิธีแก้คือให้ภาคประชาชนใช้ก๊าซจากอ่าวไทยก่อนเท่านั้น และให้ปิโตรเคมีไปนำเข้าก๊าซเอาเอง เท่านี้ภาระกองทุนน้ำมันก็หมดลง เบนซินก็จะถูกลงลิตรละ 10 บาท ทีเดียว

สรุปว่าที่กล่าวหาภาคประชาชนว่าข้อมูลไม่ตรงกับเขา ก็เป็นความจริงครับ เพราะเราใช้ข้อมูลมากกว่าที่ปรากฏในเวปไซด์ของปตท.และกระทรวงพลังงานครับ จึงอยากให้ผู้เห็นต่างเปลี่ยนจากการดิสเครดิต ไปเป็นค้นคว้าหาข้อมูลตามที่ผมบอก ก็จะหูตาสว่างกว้างไกลครับ

ผมเชื่อว่าปฏิรูปพลังงานจะไม่ทำให้ประชาชนแตกแยก แต่จะทำให้สีดำแทรกมาในสีขาวหลุดร่วงออกไปเองครับ

ปล.เวทีปิด เร็วกว่ากำหนด….เพราะเหตุใด….ไม่ทราบครับ


ไม่มีความคิดเห็น: