PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

"ธาริต" ยัน คลิปค้นบ้านสนธิญาณ ตัดต่อใส่ร้ายจนท. -พบ ในบ้านมีการ์ดติดอาวุธ ?

"ธาริต" แถลงคลิปตร.ค้นบ้านพักสนธิญาณ เป็นการตัดต่อดูเหมือนว่าจนท.ทำไม่เหมาะสม ย้ำ เข้าตรวจค้นตามหมายศาลอย่างถูกต้อง อ้าง ในบ้านมีการ์ดติดอาวุธอยู่ด้วย ??
วันนี้ ( 12 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธาริต เพ็งดิษฐ์ คณะกรรมการศูนยืรักษาความสงบ (ศรส.) แถลงภายหลังการประชุมศรส.ว่า กรณีคลิปเข้าตรวจค้นบ้านพักของนายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม แกนนำกปปส. ศรส.ตรวจสอบแล้วพบเป็นภาพคลิปตัดต่อทำให้ดูเหมือนว่า การเข้าตรวจค้นไม่เหมาะสม ศรส.ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นตามหมายศาลอย่างถูกต้อง และเหมาะสมตามสถานการณ์ เพราะการสืบสวนพบว่ามีการ์ดที่มีอาวุธของนายสนธิญาณหลบซ่อนอยู่ด้วย

นอกจากนี้ยืนยันว่า ศรส.ไม่เคยประกาศรายชื่อกลุ่มท่อน้ำเลี้ยงที่สนับสนุนการชุมนุมของกลุ่มกปปส. นอกจากแกนนำกปปส.ทั้ง 61 คน ที่ตกเป็นผู้ต้องหา ซึ่งยืนยันแล้วแต่อยู่ระหว่างรอศรส.ทำคำสั่งอย่างเป็นทางการคาดวันจันทร์ที่ 17 ก.พ.นี้จะสามารถออกคำสั่งได้ ส่วนบุคคลอื่นยังอยู่ระหว่างการพิจารณาตรวจสอบของคณะทำงานที่ศรส.ตั้งขึ้น อาทิ ปปง. ดีเอสไอ ปปส.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมสรรพากร ซึ่งจะพิจารณาให้ความเป็นธรรมของทุกฝ่าย

"รายชื่อท่อน้ำเลี้ยงที่ถูกเผยแพร่ออกมาไม่ได้ออกมาจากศรส.อย่างแน่นอน แต่ยอมรับมีบางรายชื่อที่ตรงกับรายชื่อของทางดีเอสไอ ทั้งนี้ หากตรวจสอบพบว่ามีผู้สนับสนุนทุนในลักษณะท่อน้ำเลี้ยงให้กับกลุ่มกปปส.จริงจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"นายธาริตกล่าว

นอกจากนี้ ศรส.เห็นสมควรแต่งตั้งคณะทำงานประสานงานกับกกต.เพื่อให้การจัดการเลือกตั้งใหม่ในช่วงเดือนเมษายนเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย โดยมีตำรวจ ทหาร และกรมการปกครอง ร่วมเป็นคณะทำงาน โดยพลตำรวจโทอารี อ่อนชิต ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นหัวหน้าคณะทำงาน

ขณะที่การเข้าตรวจสอบสถานที่ชุมนุมของแกนนำกปปส.พบว่าบริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาลกปปส.ได้ใช้เป็นแหล่งหลบซ่อนแกนนำที่ถูกออกหมายจับ โดยมีการ์ดที่พกอาวุธคุ้มกันเข้ม และมีการทำบังเกอร์ และมีช่องใช้ยิงอาวุธปืนออกมาหากเจ้าหน้าที่จะเข้าจับกุม

สำหรับการดำเนินคดีของแกนนำกปปส.และแนวร่วมที่ร่วมกันกระทำผิดขัดขวางการเลือกตั้ง ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ขณะนี้จำนวนคดีขัดขวางการเลือกตั้งทั่วประเทศมีจำนวน 152 คดี และคดีเจ้าหน้าที่ กกต.จงใจละทิ้งหน้าที่ไม่จัดการเลือกตั้ง 105 คดี และศาลออกหมายจับแล้วทั้งหมด 43 คน ขณะที่การเปิดสถานที่ราชการที่ถูกกปปส.ปิดสามารถเปิดได้แล้ว 45 แห่ง



ไม่มีความคิดเห็น: