Korn Chatikavanij
วันนี้หากใครติดตามแนวทางการใต่สวนพยานเรื่องพ.ร.บ. ๒ ล้านล้านก็จะเห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาเรื่องนี้ในแนวใด จากคำถามของตุลาการชี้ว่าศาลคงจะตีความว่าเงินกู้นี้ถือเป็นเงินแผ่นดินหรือไม่ และศาลจะพิจารณาด้วยว่าการอนุมัติหรือไม่อนุมัติกฎหมายฉบับนี้จะมีผลอย่างใดกับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
พยานผู้เชี่ยวชาญมาเบิกความทั้งหมด ๕ ท่าน ส่วนผมได้ไปนั่งฟังในฐานะผู้ร้อง พยานทุกคนยืนยันว่าเงินกู้ต้องถือเป็นเงินแผ่นดิน ซึ่งเป็นเหตุให้ออกกฎหมายแบบนี้ไม่ได้ และกฎหมายฉบับนี้จะมีผลเพิ่มความเสี่ยงต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างแน่นอน มีอดีตรัฐมนตรีคลังท่านหนึ่งให้ข้อสังเกตุว่ากฎหมายนี้ "เหมือนหาวงเงินไว้ก่อนแล้วค่อยไปหาโครงการ" ส่วนอีกท่านกล่าวว่า "หลักการรักษาวินัยทางการคลังคือให้รัฐสภาฯควบคุมผ่านกระบวนการงบประมาณทุกกรณี ยกเว้นถ้าเร่งด่วนฉุกเฉิน"
ศาลให้ผู้ร้องยื่นคำชี้แจงเพิ่มเติมได้ภายในวันที่ ๒๗ เดือนนี้ ดังนั้นผมคาดเดาว่าภายในกลางเดือนมีนาคมอาจจะมีคำวินิจฉัย ผมได้พูดมาตลอดว่าถ้าออกกฎหมายลักษณะนี้ได้ จะมีความเสี่ยงต่อความมั่นคงทางการคลังของประเทศอย่างมาก และความพยายามของรัฐบาลที่จะผลักดันเรื่องนี้ นอกจากสะท้อนความคิดของผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว ยังทำให้ประเทศเราเสียเวลาไปกว่าสองปีในการลงทุนเพื่อพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมของไทย
ที่ผ่านมารัฐบาลจะอ้างว่าการเสนอกฎหมายหรือแก้กฎหมายที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของสภาฯ รัฐบาลไม่เกี่ยว แต่กรณีนี้เป็นกฎหมายการเงินที่เสนอโดยรัฐบาล มีนายกฯยิ่งลักษณ์ลงนามด้วยตนเอง ดังนั้นถ้าศาลวินิจฉัยว่าเป็นกฎหมายที่ขัดรัฐธรรมนูญ และเป็นภัยต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ คุณยิ่งลักษณ์และคณะต้องลาออกสถานเดียว เมื่ออ้างที่มาจากการเลือกตั้ง ก็ต้องเคารพประเพณีระบอบประชาธิปไตย
ส่วนการลงทุนนั้น ทันทีที่มีรัฐบาลใหม่ก็จะสามารถเดินหน้าได้ทันทีด้วยเงินในระบบงบประมาณ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น