PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

เปลว สีเงิน: แอนตี้ 7-11 ต้นเหตุมาจากไหน?

    แอนตี้ 7-11 ต้นเหตุมาจากไหน?

  • Byadmin
    In
    May 11, 2015
    0 Comments
    ตลอดสัปดาห์ที่ผ่าน กระแสหนึ่งร้อนแรงในสังคมโซเชียลมีเดีย คือกระแส "แอนตี้ 7-11" และสินค้า CP ข้ามมาสัปดาห์นี้ ก็ดูยังจะร้อนแรงอยู่!
    ขอถาม "ทวนกระแส" กับชนชาวสังคมให้ชัดลงไปเลยว่า แอนตี้ 7-11 แอนตี้สินค้า CP หรือ.......
    เกลียด "นายธนินท์ เจียรวนนท์" ผู้เป็นเจ้าของ?
    ถ้าบอกว่า ทั้งนายธนินท์ 7-11 และ CP คือ "หนึ่งเดียวกัน" ก็ขอถามต่อว่า ตรงจุดไหนที่ทำให้เกลียด ทำให้แอนตี้ในการเข้าร้านและการบริโภคสินค้า CP?
    คงมีคำตอบหลากหลาย บางคนอาจสะดุดเพื่อคิด (อีกที) ก็ได้ว่า...เอ๊ะ..ก็นั่นน่ะซี การเกลียดนายธนินท์ เหมือนเด็กที่โตมาด้วยกัน คลุกคลีมาด้วยกันแต่เล็ก
    ครั้นต่างโตเป็นหนุ่ม-เป็นสาว เกิดคำถามเชิงฉงน ก็ไม่เคยคิดอะไร แต่ทำไมจู่ๆ ถึงวันหนึ่ง รู้สึกรัก-รู้สึกเกลียด ชนิด "เข้ากระดูก" ขึ้นมาเฉยๆ
    รักและเกลียดนั้น บ่มเพาะมาแต่หนไหน?
    7-11 และ สินค้า CP ก็เหมือนกัน แอนตี้เพราะอะไร จะบอกว่า เขาเอาเปรียบ ผูกขาด ทำให้โชห่วยตามชุมชนเจ๊ง และจะบอกว่า สินค้า CP ไม่ดี มันไม่ใช่
    ก็เพราะอะไรล่ะ จึงแอนตี้กันครึกโครมถล่มเมือง?
    ผมก็ไม่ใช่นักวิจัย อีกอย่าง 7-11 และสินค้า CP ก็ไม่ใช่เจ้ากรรม-นายเวรที่ต้องผูกติดชีวิตผม
    เคยเข้าเซเว่นฯ มั้ย...เข้าบ้าง เคยบริโภคสินค้า CP มั้ย...เคยบ้าง!
    เข้าบ้าง หมายถึง ๑ ปี ไม่ถึง ๑๐ ครั้ง ที่เข้าน้อย ไม่ได้แอนตี้ หากแต่ 7-11 ลองไปสำรวจดูให้ดีเถอะ ประเภทสินค้า ไม่มีคุณค่าอะไรสำคัญเร่งด่วนต่อความจำเป็นที่ต้อง "เข้าทุกวัน" เหมือนเข้าห้องน้ำ
    และทุกชนิด "แพงกว่า" ร้านทั่วไปทั้งสิ้น!
    คนที่เข้าประจำบอกว่า "สะดวกดี" มีให้ซื้อตลอด ๒๔ ชั่วโมง ถามว่า ที่ "สะดวกดี" นั่นน่ะ ไปซื้ออะไร?
    มีสบู่ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ยาสระผม ถุงยางอนามัย กระดาษชำระ น้ำดื่ม อาหารแช่แข็ง แมกกาซีนบันเทิง น้ำแข็ง ยาอม หมากฝรั่ง กาแฟ สุรา และ ฯลฯ
    สินค้าพวกนี้น่ะนะ ต้องซื้อหากัน ๒๔ ชั่วโมง?
    อยากบอกว่า ถ้าต้องการแอนตี้ 7-11 ไม่ใช่รณรงค์ไม่ให้คนเข้าร้าน ต้องปฏิวัติด้วยการรณรงค์ให้ชาวบ้านรู้จัก "วางแผนการใช้ชีวิตประจำวัน"
    ถ้าคนรู้จักวางแผนชีวิต ทั้งเดือนไม่เข้าเซเว่นฯ ก็ไม่เห็นมีปัญหา เพราะแต่ละสัปดาห์ซื้อไว้ครบแล้ว
    คนเข้าเซเว่นฯ ทุกวันเพราะ ๑.เสพติดนีออน ๒.เสพติดแอร์ ๓.สะเปะ-สะปะมา!
    พวกเสพติดเซเว่นฯ เหมือนแมลงเม่า ถ้าไม่มีแสงนีออนก็ไม่มาตอม ส่วนเรื่องแอร์ ไม่ใช่คน...แต่เป็นหมา
    เราจะเห็นหมาชอบไปนอนตากแอร์หน้าประตูเลื่อนเซเว่นฯ เกลื่อนทุกแห่ง!
    การค้า ๒๔ ชั่วโมง ทั่วประเทศอย่างเซเว่นฯ ทำให้คุณภาพชีวิตคนไทยเสีย บ่มเพาะสังคมคนเคยตัว และขาดวินัยชีวิต
    ของจำเป็นที่ต้องใช้ตลอด ๒๔ ชั่วโมง...ไม่มีที่เซเว่นฯ เพราะเซเว่นฯ เท่าที่ดูแนวคิด-แนวค้า "เอา" อย่างเดียว ไม่มีคำว่า "ให้" เป็นปลาใหญ่ แค่อ้าปากไว้ สัตว์เล็ก-สัตว์น้อยที่ไร้แรงต้าน
    ไหลเข้าปากหมด!
    คือมุ่ง "กำไร" ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ขนาดพื้นที่รัศมีแสงนีออนร้านสาดถึง ใครจะมาพึ่งใบบุญ...ยังต้องจ่าย!
    แนวคิด-แนวบริหารเซเว่นฯ ในคติ "เอา" อย่างเดียว ดังนั้น จะเห็นเซเว่นฯ ทุกแห่งในประเทศไทย
    ไม่ยอมให้มีห้องน้ำ!
    โฆษณา "หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา" สะท้อนแนวคิด "เอา" อย่างเดียวชัดเจน เพราะไม่ปรากฏว่า ในขณะที่เอาคนกิน ๒๔ ชั่วโมง จะคำนึงถึงมุม "ให้" ลูกค้าบ้าง ด้วยโฆษณา
    "ปวดเมื่อไหร่ก็แวะมา" ด้วยเลย!
    สรุปแล้ว การที่เกิดกระแสแอนตี้ 7-11 และสินค้า CP ต้นรากมาจากตัว "นายธนินท์ เจียรวนนท์" นั่นแหละ
    เซเว่นฯ-ซีพี พูดไม่ได้ ดังนั้น ที่นายธนินท์พูด จึงเท่ากับเซเว่นฯ และซีพีพูด
    พูดไปทางไหน...?
    ทางทำธุรกิจมุ่งกำไร ไม่เอื้อเฟื้อ-แยแสสังคม ประจบอำนาจ แทงหวย "การเมือง" เป็นสรณะ นั่นแหละเป็นต้นเหตุ
    บนสุด เจ้านายยโส.........
    ล่างสุด ลูกน้องพลอยโอหัง!
    เป็นภาพดำบ่มเพาะมานาน จนระเบิดผ่านการแอนตี้ตัวธุรกิจของนายธนินท์ คือ 7-11 และ CP ในความหมายว่า CP ของนายธนินท์ ทำมาหากินบนแผ่นดินไทย จากในดินไทย ในน้ำไทย จากชีวิตคนไทย
    แต่รวยแล้ว นายธนินท์กลับแห้งแล้งน้ำใจต่อภาคสังคม อะไรที่กล้องไม่จ่อเอาภาพไปออกจอว่าบริจาค ยากเห็นจากนายธนินท์
    และแต่ละครั้งที่ออกมาเสนอแนวคิดเศรษฐกิจ...........
    ๒ สูงบ้าง ปลูกยางทั้งประเทศบ้าง ค่าแรงต้องวันละ ๕๐๐ บ้าง สินค้าเกษตรราคาต้องแพงบ้าง จำนำข้าวเกวียนละ ๑๕,๐๐๐ ยังน้อยไป มีเท่าไหร่รับซื้อหมดบ้าง
    โหย...ระดับสมประโยชน์ตบมือกันใหญ่ แต่ประชาสังคมต่าง "หมายหัว" ที่เจ้าสัวพูดเอาแต่ได้ ประชาชนส่วนใหญ่มีแต่เสีย
    ธุรกิจการเกษตรทุกชนิด สังคมเพ่งมองว่า ทุกหัวระแหงที่ CP เข้าไป แรกๆ ทำเป็นอุ้มคนพื้นที่ ลงท้ายทุบทำลายเขาตายหมด
    กระทั่งภูเขาเป็นลูกๆ จากป่าไม้ถาวร กลายเป็นเขียวกำไร จากพืชไร่ล้มลุกหมุนเวียน!
    การทำธุรกิจไม่มีใครว่า ในเมื่อกฎหมายไม่ห้าม และพูดกันแฟร์ๆ คนทำธุรกิจร่ำรวยในเมืองไทยระดับนายธนินท์ก็มีหลายคน
    แต่สังคมไม่รังเกียจ เหมือนที่รังเกียจนายธนินท์ ถึงขนาดแอนตี้ธุรกิจ CP นั่นเพราะอะไร?
    ผมเคยถาม "คน CP" เหมือนกันว่า...."ทำไมสังคมจึงรังเกียจเจ้านายคุณมาก?"
    ไม่มีคำตอบ ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ แล้วเปลี่ยนเรื่องคุย นี่ก็ร่วม ๒๐ ปีมาแล้ว ไม่ใช่เดี๋ยวนี้
    อย่างกรณีกระแสแอนตี้เซเว่นฯ-ซีพี ในโซเชียล มีเดีย แทนที่ระดับบริหารซีพีหรือนายธนินท์จะได้คิดอะไรทางสำนึก
    แต่ผมกลับเห็นแนวเสนอข่าวจากโทรทัศน์เครือข่ายนายธนินท์เมื่อวันอาทิตย์ในลักษณะ "ยโส-โอหัง" ข้าไม่แคร์ลูกค้าเหมือนเดิม
    ธุรกิจนายธนินท์ ไม่มีอะไรที่ไม่ถูกต้อง ผมไม่แอนตี้ มันเป็นเรื่องของจิตสำนึกของแต่ละคนพึงมีต่อสังคม
    นายธนินท์เป็นเศรษฐีระดับโลก ยาเม็ดละล้านหากินแก้แก่ได้ ฉะนั้น ย่อมคิดได้ว่า การทำธุรกิจแล้วมีภาพลักษณ์เป็นปฏิปักษ์กับสังคม นั้น
    บัญชีเงิน กำไรก็จริง......
    แต่บัญชีชีวิต ขาดทุนลงเรื่อยๆ!
    ไม่ต้องพูดลึกซึ้ง เอาที่เห็นๆ ชาวบ้านเคยได้ดู "ถ่ายทอดสด" ไม่ว่ากีฬา การแสดง ด้วยเซเว่นฯ-ซีพี อันหมายถึงนายธนินท์เอื้อเฟื้อบ้างมั้ย?
    ตรงกันข้าม ไม่ว่าฟุตบอล มวย เทนนิส วอลเลย์บอล มีให้ประชาชนได้ดูฟรีถึงบ้าน
    มีแต่ ช้าง...ช้าง..ช้าง ของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี เป็นผู้ให้!
    น้อยครั้ง แทบไม่เห็นเลยจากกล้องจ่อถ่ายออกจอว่านายเจริญบริจาคโน่นนี่ แต่ใครที่ไปดูตามโบราณสถาน อยุธยา อ่างทอง เชียงใหม่ เป็นต้น ชื่อนายเจริญ กับคุณหญิง เป็นผู้บูรณปฏิสังขรณ์เกือบทุกแห่ง
    อย่างโรงพยาบาลสถาบันโรคไต สำหรับดูแลรักษาผู้ป่วยทางไตครบวงจร ทุกวันนี้ ก็น้อยคนจะรู้ว่า นายเจริญกับภรรยาของเขา ออกเงินสร้างถวายเองทั้งหมด
    เป็นพันๆ ล้าน แต่เขาไม่เคยเอาหน้า-เอาตากับสังคมเลย!
    นี่ตัวอย่าง ร่ำรวยกับสังคม รวยแล้วก็เจียดกำไรคืนให้สังคมเขาบ้าง ไม่ยโส-โอหัง กับสังคม ใครจะกระแนะ-กระแหน "พ่อค้าน้ำเมา" บ้างก็ แค่นั้น
    นายเจริญภาพลักษณ์จึงไม่เป็นลบ ถึงขนาดสังคมแอนตี้อย่างที่เกิดกับกิจการเครือข่ายนายธนินท์วันนี้ นั่นเพราะ.....
    ไม่เอาอย่างเดียว คืนให้สังคมเหมือนปิดทองหลังพระ แล้วทองที่ปิดค่อยๆ ล้นออกมาข้างหน้าพระ จนสังคมเห็นเอง
    เจ้าสัวธนินท์ หัด "ปิดทองหลังพระ" บ้างนะ!

ไม่มีความคิดเห็น: