PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

จม.จาก อ.ระพี ถึงนายกฯ

เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2558 ที่ห้องทำงานศ.ระพี สาคริก ภายในกรมวิชาการเกษตร บางเขน นายกลศ หิรัญบูรณะ เลขานุการศ.ระพี สาคริก อดีตอธิการมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.)เปิดเผยว่า ในวันเดียวกันนี้ ศ.ระพี ได้เขียนจดหมายและไปรษณียบัตรฉบับแรกถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อคัดค้านแผนการส่งเสริมมหาวิทยาลัยนอกระบบ โดยมีศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 5 คนร่วมเป็นพยานและรับฟังทัศนะของศ.ระพี ในฐานะบุคคลสำคัญแห่งการพัฒนามก.ซึ่งเคยเป็นดั่งมหาวิทยาลัยของลูกหลานเกษตรกร
นายกลศกล่าวว่าจดหมายฉบับแรกของศ.ระพีจะส่งถึงนายกรัฐมนตรีในเร็วๆ นี้ผ่านสำนักเลขาธิการประจำสำนักนายกฯ อย่างไรก็ตาม ศ.ระพีได้กล่าวกับศิษย์เก่าที่เข้ามารับฟังกิจกรรมรณรงค์คัดค้าน ม.นอกระบบว่า ในการพัฒนาประเทศโดยการส่งเสริมการศึกษา มหาวิทยาลัยและสถานศึกษาทั่วไปต้องไม่เน้นที่การกอบโกยกำไร เพื่อหวังผลทางธุรกิจที่เติบโตแบบก้าวกระโดด และไม่ควรตั้งสถาบันการศึกษาที่เคยเป็นดั่งศูนย์เพาะบ่มปัญญาชน ให้แบ่งชนชั้นตามสถานะทางการเงิน ที่สำคัญการออกนอกระบบของมหาวิทยาลัยของรัฐทั่วไปมักจะมีผลตามมากับผู้ศึกษารุ่นใหม่ ที่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายมากขึ้น ทั้งที่ยังไม่มีรายได้จากการปะกอบอาชีพ การเตรียมผลักดันมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ จึงเป็นการจำกัดสิทธิลูกหลานคนจน และการแบ่งช่องว่างระหว่างครูอาจารย์ นักเรียน นักศึกษา ให้กว้างขึ้น และขยับจากผู้ให้ความรู้เป็นเหมือนพ่อค้าวิชาการ ซึ่งศ.ระพี ไม่เห็นด้วย
“ที่ผ่านมาคุณพ่อระพีของลูกๆ มก.เคยประกาศเจตนารมณ์และติติงเรื่องการเป็นมหาวิทยาลัยแห่งธุรกิจมาหลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้ท่านคิดว่าการเชิญชวนศิษย์ทั่วประเทศออกมาทำกิจกรรมร่วมกัน โดยการส่งจดหมายถึงนายกฯ น่าจะเป็นการเริ่มรณรงค์ครั้งใหญ่ที่ส่งสัญญาณถึงการพัฒนาโดยไม่แลคนจน คนรากหญ้า และด้วยความห่วงใยเกษตรกรทุกรายที่เป็นทาสของธุรกิจการศึกษา ธุรกิจการเกษตร ท่านจึงได้มองว่า ควรจะนำประเด็นนี้นำเสนอต่อนายกฯ และอยากให้ลูกหลานเกษตรกรได้แสดงความรู้สึกถึงกรณีการออกนอกระบบของมหาวิทยาลัยทุกแห่งของรัฐ อันเป็นการสื่อสารระหว่างประชาชนและผู้บริหารประเทศ ซึ่งนายกฯนั้นมีอำนาเต็มที่ ท่านจึงได้ย้ำว่าให้ศิษย์ทั่วประเทศเขียนจากใจจริงและนำเสนอแนวทางการพัฒนาสถานศึกษาต่อไป เพราะเชื่อว่าสถาบันการศึกษาควรเป็นสถาบันที่ไม่แบ่งแยกและมีทางเลือกเผื่อคนจน คนยากได้เข้าถึงการศึกษาที่มีประสิทธิภาพบ้าง” นายกลศ กล่าว
11245281_910357009007585_1185376833_n
ทั้งนี้สำหรับผู้ที่สนใจส่งจดหมายถึงนายก สามารถเขียนต้นฉบับได้ด้วยตนเองและสามารถส่งจดหมายดังกล่าวถึงนายกฯได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ส่วนจดหมายของ ศ.ระพี จะมีการตอบรับอย่างไรและมีรายละเอียดฉบับเต็มอย่างไรบ้าง ทางคณะศิษย์ ฯ จะรายงานให้ทราบต่อไป
ด้านนายอภิสิทธิ์ ทรัพย์นภาพันธ์ นิสิตเก่า มก.รุ่น 69 ตัวแทนนักกิจกรรมค้าน มหาวิทยาลัยออกนอกระบบ กล่าวว่า นับตั้งแต่มีข่าวของ มก.เล็งออกนอกระบบ คณะนักศึกษาปัจจุบันและศิษย์เก่าทำกิจกรรมคัดค้านมาโดยตลอด ทั้งการเดินหน้าประท้วง และการยื่นเรื่องต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีสมาชิกร่วมเคลื่อนไหวประมาณครั้งละ 30-50 คน การเคลื่อนไหวดังกล่าวมีการสื่อสารออกสาธารณะจำนวนมาก แต่ไม่มีการตอบรับจากรัฐบาล ตนจึงได้เข้าปรึกษาศ.ระพี มาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดจึงได้เสนอให้ศ.ระพี อันเป็นบุคคลสำคัญของมก.ได้ร่วมกิจกรรมรณรงค์ ซึ่งท่านเห็นด้วยกับแนวคิดและเริ่มเป็นคนแรกที่เขียนจดหมายถึงนายกฯ
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าโดยส่วนตัวนับเป็นเกียรติอย่างมากที่ศ.ระพีให้การสนับสนุน และรู้สึกว่าไม่ได้สู้อย่างสิ้นหวัง โดยได้รับกำลังใจจาก ศ.ระพี อย่างเต็มเปี่ยม และยืนยันว่าจะสู้ทุกทาง แม้คำตอบสุดท้าย มก.อาจจะตกอยู่ในอำนาจของธุรกิจก็ตาม แต่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำแล้วและเชื่อว่าทำถูกต้อง
“ผมดูมหาวิทยาลัยของตัวเองเติบโตมาแบบก้าวกระโดด ผมทุกข์ใจมากที่เห็นมก.ปัจจุบัน รับใช้ ธุรกิจใหญ่อย่างบริษัททำเกษตรเครือใหญ่ของไทย และรับใช้พ่อค้า อีกอย่างที่ศ.ระพี ตำหนิเสมอว่า งานวิจัยเน้นการวิจัยรับใช้ทุนนิยม รับใช้คนรวย ส่งเสริมการเอาเปรียบคนจน ผมเองก็ทุกข์มาก จึงเชิญชวนเพื่อนๆ ทำหน้าที่ในการต่อต้านและหยุดยั้งไม่ให้มหาวิทยาลัยต้องตกเป็นเครื่องมือของคนฉวยโอกาส แต่แล้วก็พบว่า มันยากขึ้นเมื่อปัจจุบันมก.เปิดรับสิตระบบพิเศษซึ่งเสียค่าเทอมมากกว่าระบบปกติหลายเท่า แต่มก.กลับลดจำนวนเด็กระบบปกติแล้วเพิ่มจำนวนเด็กในระบบพิเศษมากขึ้น เห็นชัดว่าพอมีเงินก็เข้า มหาวิทยาลัยได้สบาย มันสะท้อนความเหลื่อมล้ำชัดเจน ผมจึงศรัทธาในแนวคิดมก.เพื่อเกษตรกรมาก และได้ทำกิจกรรมรณรงค์มาจนถึงทุกวันนี้” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น: