PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

คสช.เกาะติดทุกฝีก้าว 'บิ๊กจิ๋ว' จะเดินไปสู่หนไหน?

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 11 พฤษภาคม 2558, 09:51

ปฏิทินการเมืองเดือน พ.ค. คงจะเริ่มต้นที่ “คดี 7 ตุลา” ก่อนจะไปถึง “คดีจำนำข้าว” ซึ่งทั้งสองคดีจะทำให้อุณหภูมิการเมืองร้อนแรงโดยพลัน

11 พ.ค.2558 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดพิจารณาครั้งแรกเพื่อสอบคำให้การจำเลยในคดีที่ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ, พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกฯ, พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผบช.น. ในความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด จากกรณีเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 รัฐบาลสมชายได้มีคำสั่งให้ตำรวจสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ (พธม.) ที่ปิดล้อมทางเข้ารัฐสภา กระทั่งเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 471 ราย

การเดินทางมาแสดงตัวต่อศาลด้วยตนเองเป็นครั้งแรกตามขั้นตอนของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ จะได้รับความสนใจจากสื่อมวลชน เนื่องจากมีความเคลื่อนไหวของ “บิ๊กจิ๋ว” ถี่ขึ้นในห้วงเวลานี้

สื่อบางสำนักถึงขั้นฟันธงว่า พล.อ.ชวลิต จะมาเป็นผู้ธงนำหน้าขบวนการ นปช. ในอนาคตอันใกล้นี้

ขณะเดียวกัน ก็มีคำถามว่า ไยนายทหารที่ได้ฉายาว่า “ขงเบ้งกองทัพบก” จะมาตกกำแพงตายเปล่าในสมรภูมิที่ คสช. กำหนดให้เล่า?

ย้อนมาดูความสัมพันธ์ “บิ๊กจิ๋ว” กับขบวนการมวลชน 2 กลุ่ม ที่ก่อให้เกิดการมโนไปมากมาย เกี่ยวกับบทบาทของอดีตนายทหาร ซึ่งมีผลงานการทำงาน “ลับใต้ดิน” มาครึ่งชีวิต

กล่าวสำหรับ นปช. หรือขบวนการคนเสื้อแดงนั้น พล.อ.ชวลิต ได้แสดงออกถึงจุดยืนสนับสนุนแนวทางต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของคนเสื้อแดงมาโดยตลอด

ล่าสุด เมื่อ กสท. มีคำสั่งปิดตาย “Peace TV” ทีวีดาวเทียมของแกนนำ นปช. พล.อ.ชวลิต จึงออกมารับประทานอาหารร่วมกับ “แกนนำ นปช.” โชว์สื่อทันที

มิเพียงเท่านั้น จตุพร พรหมพันธุ์ ยังมอบเวลา 2 ชั่วโมงให้ “บิ๊กจิ๋ว” จัดรายการพิเศษ Peace Special เมื่อ 29 เม.ย.2558 ทางช่อง Peace TV ก่อนจะคำสั่งปิดสถานีจาก กสท.จะมาถึง

ว่ากันว่า การที่จตุพรเชิญ พล.อ.ชวลิต มาพูดเรื่องประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ พร้อมคอลัมนิสต์อาวุโสอย่าง “พญาไม้” เผด็จ ภูรีปติภาน ,ศรี อินทปันตี ,ศุภเกียรติ ธารณกุล และ บุญกรม ดงบังสถาน ถือว่าเกมนี้ไม่ธรรมดา

เนื่องจาก “พญาไม้” เผด็จ ภูรีปติภาน นั้นมีความสัมพันธ์อันดีกับจตุพรมานาน นับแต่สมัยทำช่อง PTV เมื่อปี 2550 โดย “พญาไม้” ร่วมกับ ไพวงษ์ เตชะณรงค์ ก็ทำรายการ “จัตุรัสการเมือง” ออกทางทีวีดาวเทียมช่องบางกอกทูเดย์

ดั่งที่ทราบกัน “บิ๊กจิ๋ว” เป็นคนดึงไพวงษ์เจ้าพ่อโบนันซ่ามาเล่นการเมืองในสีเสื้อพรรคความหวังใหม่ และยังผูกพันกันมาจนถึงสมัยพรรคไทยรักไทย จนถึงพรรคเพื่อไทย

หลังจากรายการพิเศษดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ทาง คสช.ได้ส่งทหารและตำรวจนอกเครื่องแบบจาก สน.โชคชัย บุกขึ้นไปชั้น 5 อิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว ซึ่งเป็นห้องส่งของช่อง ‎PeaceTV และห้ามนำเทปรายการพิเศษมาออกอากาศซ้ำ ถัดจากนั้นมาไม่กี่ชั่วโมง สถานีดาวเทียมไทยคมก็ตัดสัญญาณออกอากาศช่อง ‎PeaceTV ตามคำสั่ง กสท.

มิเพียงเท่านั้น พล.อ.ชวลิตได้เก็บข้าวของย้ายออกจากคอนโดริเวอร์เพลส ริมแม่น้ำเจ้าพระยา จ.นนทบุรี กลับไปอยู่บ้านซอยปิ่นประภาคม เนื่องจาก พล.อ.เชวงศักดิ์ ทองสลวย ผู้ทรงคุณวุฒิประจำสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นเจ้าของห้องดังกล่าว เคยร้องขอไม่ให้ พล.อ.ชวลิต แสดงความคิดเห็นทางการเมืองในช่วงนี้

เมื่อเกิดกรณีที่ “นาย” ไปพูดเรื่องการเมืองผ่านรายการทางจอแดง “นายทหารคนสนิท” จึงเขียนช็อตโน้ตติดไว้หน้าห้องระบุว่า เจ้าของห้องไม่อนุญาตให้ใช้ห้องในทางการเมือง ลงชื่อ พล.อ.เชวงศักดิ์

วันก่อน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็สำทับนักการเมืองจะลงพื้นที่พบประชาชน เหมือนที่พล.อ.ชวลิต ไปพบกลุ่มเกษตรกรที่อยุธยา จากนี้ไปห้ามนักการเมืองทุกคนทำแบบนี้

ด้านกลุ่มพลังมวลชนในนาม “ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย” (ผรท.)นั้น หลายฝ่ายมักเข้าใจผิดว่า พล.อ.ชวลิต เป็นดั่งแม่ทัพใหญ่กลุ่ม ผรท. แต่ความจริงกลับ “ไม่ใช่”

แม้ พล.อ.ชวลิต จะเป็นผู้ร่างคำสั่ง 66/2523 แต่มาถึงวันนี้ แกนนำ ผรท.มองว่า “พ่อใหญ่จิ๋ว” เป็นแค่สัญลักษณ์เชิญชวนให้ชาวบ้านร้านถิ่น มาร่วมทำธุรกิจ “ล่าเงินแสน” หรือขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้ แกนนำ ผรท.อีสาน จึงชอบเชิญ “พ่อใหญ่จิ๋ว” ไปร่วมงาน เพื่อสร้างภาพให้มวลชนเกิดความเชื่อถือแกนนำ และผู้ที่มาร่วมงานก็ไม่สนใจในเรื่องที่อดีตนายกฯพูดมากนัก เพราะจุดประสงค์ที่พวกเขามามีอยู่เรื่องเดียวคือ “ขอเงิน 2 แสน”

ที่สำคัญ สถานการณ์ปัจจุบัน ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยในทุกภาคของประเทศ ล้วนแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่ายตามความเชื่อทางการเมือง

ยกตัวอย่างงานรำลึกวีรชนที่อนุสรณ์สถานช่องช้าง จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา “ผรท.เสื้อแดง” (สายพรรคเพื่อไทย) เป็นคนเชิญบิ๊กจิ๋วไปร่วมงาน แต่คณะกรรมการจัดงานส่วนใหญ่เป็น “ผรท.เสื้อฟ้า” (สายพรรคประชาธิปัตย์)

อย่างสื่อบางสำนัก เอ่ยชื่อ “สมาพันธ์ ผรท.” ว่าเป็นฐานการเมืองของบิ๊กจิ๋วนั้น จริงๆแล้ว มันเป็น “องค์กร ผรท.กำมะลอ” ที่แกนนำเสื้อแดงอีสานบางคนตั้งขึ้นมาเคลื่อนไหวเก็บเงินชาวบ้าน สมัยที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์เปิดให้มีการช่วยเหลือ ผรท. ซึ่งตอนนี้ก็ไม่เหลือรูปรอยแล้ว

ศักยภาพทางการเมืองของ พล.อ.ชวลิต จึงไม่ใช่ฐานกำลังจากกลุ่ม ผรท. แต่จะมาจากกลุ่มไหน ก็ขึ้นอยู่กับว่า คสช.มีข้อมูลทางการข่าว หรือให้ราคาอดีตนายกฯ คนนี้มากน้อยแค่ไหน?

ดังนั้น ความเคลื่อนไหวแบบ “จิ๋ว” ในแวดวงข่าวสาร จึงแยกได้เป็น 2 กระแสคือ “จิ๋ว” คิดการใหญ่ท้าทายอำนาจใหม่กับ “จิ๋ว” เป็นความหวังใหม่ของฝ่ายประชาธิปไตย
..............................
ชำแหละ ผรท.อีสาน

ในบรรดาการเคลื่อนไหวของผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท.) ทั่วประเทศ ปรากฏว่า “ผรท.ขอเงินแสน” เป็นกลุ่มใหญ่ที่สุด และมีสมาชิกมากที่สุด เพราะชาวบ้านอยากได้เงินสองแสนจึงแห่มาสมัครตามคำเชิญชวนของแกนนำ พร้อมจ่ายค่าสมาชิกด้วย

กลุ่ม ผรท.ขอเงินแสน ยังจำแนกเป็นกลุ่มใหญ่ได้ดังนี้
กลุ่มสกลนคร (1) นำโดย สมาน ขันตี
กลุ่มสกลนคร (2) นำโดย สว่าง วงษ์กระโซ่
กลุ่มกาฬสินธุ์(1) นำโดย บุญใส ก้อนดินจี่
กลุ่มกาฬสินธุ์ (2) นำโดย จันทร์แดง ปิตาราพา
กลุ่มอำนาจเจริญ นำโดย นิล เชื้อคำฮด
กลุ่มนครพนม นำโดย ปราโมทย์ พรหมพินิจ
กลุ่มอีสานใต้ นำโดย อภินันท์ จันทร์สมาน

จะว่าไปแล้ว ยังมีกลุ่มย่อยอีกราว 10 กลุ่มที่กระจายตัวอยู่ทั่วภาคอีสาน ซึ่งช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ได้เกิด “ปรากฏการณ์ ผรท.จำแลง” จนน่าตกใจ

นอกจากนี้ยังมีองค์กร ผรท.ในนาม “สหพันธ์เกษตรกรและข้าราชการ” นำโดย สุเนตร แก้วคำหาญ ที่จับปัญหาที่ดินทำกินและการช่วยเหลือ ผรท.

ด้าน ผรท.ที่เคลื่อนไหวทางการเมืองล้วนๆ แยกออกเป็น 2 กลุ่มคือ “กลุ่มพลังธรรมาธิปไตย” หรือ “กองทัพปลดแอกประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ที่มี ทองดี นามแสงโคตร เป็นผู้ประสานงาน โดยแนวทางกลุ่มนี้คือ ต้านระบอบทักษิณ พร้อมกับสนับสนุนพันธมิตรฯ และ กปปส.

เมื่อกลุ่มพลังธรรมาธิปไตยมาชุมนุมที่ท้องสนามหลวง และประสบความล้มเหลว องค์กรนำกลุ่มนี้ได้สลายตัวไป บรรดา “ผู้ชี้นำหลังม่าน” ก็ข้ามโขงไปทำธุรกิจด้านพลังงานไฟฟ้า

“กลุ่ม ผรท.เพื่อประชาธิปไตย” ที่ได้รับการชี้นำจาก ธง แจ่มศรี และมีกำลังไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะเกาะเกี่ยวไปกับเสื้อแดงอีสาน

หลังเกิดรัฐประหาร 22 พ.ค. แกนนำ ผรท.กลุ่มนี้ หนีไปหลบภัยอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน สมาชิก ผรท.ในพื้นที่ก็เก็บตัวเงียบ

หากเปรียบเทียบ “กลุ่ม ผรท.เชิงผลประโยชน์” กับ “กลุ่ม ผรท.เชิงอุดมการณ์” ก็พบว่ากลุ่มแรกมี “กำลังคน” มากกว่าหลายเท่า และกลายกระแสหลักในภาคอีสาน

จึงฝากไปถึงสื่อมวลชนบางสำนัก หากไม่ทราบข้อมูลที่แท้จริงของ ผรท.อีสาน ก็อย่ามโน และยกให้พวกเขาเป็นลูกน้องของ “พ่อใหญ่จิ๋ว” ไปเสียทั้งหมด
- See more at: http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/646285#sthash.hMAdY9TU.dpuf

ไม่มีความคิดเห็น: